ตอนที่ 23 คนขี้หึง
ตอนที่ 23
คนขี้หึง
สีหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวมืดมนลง
เธอฝากความหวังไว้กับโครงการความร่วมมือกับมู่กรุ๊ปมาก และไม่ต้องการยอมแพ้แบบนี้
เธอกัดฟันและพูดว่า “ดูเหมือนว่าการทำแผนการขึ้นมาใหม่จะต้องใช้ข้อมูลจากความทรงจำเท่านั้น”
หัวหน้าโครงการถึงกับผงะแล้วถามว่า “ผู้จัดการจะได้เหรอครับ?”
ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นคนเขียนแผนการ ทว่าเขากลับจำรายละเอียดต่าง ๆ ภายในไม่ได้มากนัก
หากทำผิดพลาดขึ้นมาจะทำอย่างไร?
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหลือบมองเขาและรู้ว่าเขากำลังกังวลจึงเม้มปากและพูดว่า “ก่อนหน้านี้ฉันอ่านแผนการทั้งหมดของคุณแล้ว และยังพอจำรายละเอียดคร่าว ๆ ได้อยู่บ้าง ฉันจะรื้อฟื้นมันขึ้นมากับคุณเอง มันน่าจะไม่มีปัญหาอะไร!”
เมื่อเป็นเช่นนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวให้คนไปนำแล็ปท็อปมาให้และเริ่มเขียนร่างโครงการกับหัวหน้าแผนกอย่างบ้าระห่ำ
พนักงานด้านนอกพากันถอนหายใจไม่กล้าส่งเสียงดังเพราะกลัวว่ารบกวนทั้งสองคนจนไม่ส่งผลดีอะไรเลย
ตกช่วงบ่ายถงเหมี่ยวเหมี่ยวพิมพ์แผนการคร่าว ๆ จากความทรงจำอันยอดเยี่ยมของเธอ
ตรงกันข้ามกับหัวหน้าโครงการที่รื้อฟื้นความทรงจำได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น หลังจากแก้ไขครั้งสุดท้ายเสร็จสิ้นแผนการใหม่ของถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ได้แตกต่างไปจากแผนการเดิมมากนัก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกับหัวหน้าโครงการมองดูโครงการตัวใหม่ที่เพิ่งเสร็จสมบูรณ์แล้วอดไม่ได้ที่จะรู้สึกผ่อนคลายลง
พนักงานด้านนอกหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน
พวกเขาต่างพากันชื่นชมในความสามารถของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมากขึ้น
เพราะอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่มีความทรงจำเกินพิกัดอย่างถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ในช่วงเย็นของวันนั้นถงเหมี่ยวเหมี่ยวจัดเตรียมเอกสารโครงการและโทรหามู่อวี้เฉิงอีกครั้ง
“คุณมู่ ไม่ทราบว่าตอนนี้สะดวกมั้ยคะ ฉันจะส่งเอกสารโครงการไปให้”
“ได้ครับ คุณไปที่อี้เถิงคลับแล้วขึ้นไปไดมอนด์เลาจน์ ผมต้องไปพบแขกที่นั่น”
“ค่ะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยววางสายลงและขับรถตรงไปที่อี้เถิงคลับ
นี่คือคลับที่ให้ความบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดในเมืองเป่ย
พวกดาราคนดังและคนรวยล้วนแวะเวียนมาที่นี่
คลับแห่งนี้เป็นสถานที่ระดับไฮเอนด์ที่มีมาตรการปกป้องความเป็นส่วนตัวของลูกค้าอย่างเข้มงวด
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินตรงยาวตามคำแนะนำของพนักงานเสิร์ฟไปจนถึงไดมอนด์เลาจน์
เธอเคาะประตูแล้วเดินเข้าไปข้างในห้องส่วนตัวที่มีแสงสลัวแต่กลับดูหรูหรา และเห็นว่าชายหนุ่มหลายคนนั่งอยู่ข้างในนี้
ถึงอย่างนั้นแค่เพียงแวบเดียวถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็สังเกตเห็นมู่อวี้เฉิงที่นั่งอยู่ตรงกลางถูกรายล้อมไปด้วยชายหนุ่มมากหน้าหลายตา ราวกับเขาเป็นพระจันทร์ที่อยู่ข้างกลุ่มดาว
เขายังคงสวมชุดสูทสีดำระดับไฮเอนด์เหมือนเดิม แสงไฟสลัวทำให้มองเห็นสีหน้าของเขาได้ไม่ชัดเจนนัก แต่ออร่าที่ร่างกายเขาปลดปล่อยออกมาเป็นสิ่งที่รู้สึกได้ถึงอยู่เสมอ
เดิมทีทุกคนภายในห้องส่วนตัวพากันหัวเราะคิกคัก แต่กลับเงียบลงเมื่อเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวเปิดประตูเข้ามา
พวกเขารู้สึกประทับใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นมู่อวี้เฉิงที่ไม่เคยใกล้ชิดสนิทสนมกับผู้หญิงคนไหนมาก่อนและปฏิบัติตัวเคร่งครัดยิ่งกว่าพระภิกษุโบกมือเรียกเธอ “เข้ามาสิ”
พวกเขารู้สึกตื่นตระหนกกันมาก
และมองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยความอยากรู้อยากเห็น
ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนี้จะมีอายุแค่ยี่สิบต้น ๆ เธอสวมชุดสูททางการเรียบง่ายตามรูปแบบของผู้หญิง แต่งหน้าเบาบาง รวบผมสีดำเอาไว้ทางด้านหลัง ดูสดใสและมีความสามารถ
“โอ้โห่ พี่เฉิงไปรู้จักกับสาวได้ยังไงเนี่ย? สวยไม่เบา หรือว่าอยากจะลองกินเนื้อดูบ้างแล้ว?”
“พี่เฉิงชอบแบบนี้หรอกเหรอ? บอกผมมาสิ ผมรู้จัก แนว ๆ นี้เยอะ แนะนำให้รู้จักก็ได้นะ!”
“...”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกอึดอัดเมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ เธอขัดจังหวะพวกเขาและพูดว่า “เอ่อ... ฉันเป็นแค่คู่ค้าที่มาส่งเอกสารค่ะ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดกันนะคะ”
“คู่ค้า?”
คุณชายทั้งหลายต่างตกตะลึง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าและพูดแนะนำตัวเอง “ดิฉันเป็นผู้จัดการคนใหม่ของบริษัทสตีเฟนค่ะ”
ผู้จัดการบริษัทสตีเฟน?
คุณชายทั้งหลายตกตะลึงครู่หนึ่งและนึกถึงได้ว่า “อา? คุณคือผู้จัดการคนใหม่ของสตีเฟนเหรอ?”
“ก่อนหน้านี้ได้ยินมาว่าสตีเฟนกรุ๊ปรับผู้จัดการสาวสวยที่มีอำนาจมากมาอยู่คนหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นคุณ สวยสมคำร่ำลือจังนะครับ”
“เดี๋ยวนี้ผู้หญิงที่มีความสามารถหาได้ยากนะ ได้ยินมาว่าทางคุณมีเทคโนโลยีที่ทำให้พี่เฉิงทุ่มเงินไปหลายล้านหยวน สุดยอดมาก!”
“นั่นน่ะสิ คุณคือสาวสวยคนแรกที่ฉกเอาเงินพี่เฉิงไปได้!”
ทุกคนต่างพากันพูดชมถงเหมี่ยวเหมี่ยวจนทำให้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลำบากใจ
“เอ่อ คุณมู่เป็นคนเดียวที่เห็นคุณค่าในเทคโนโลยีของเรา ถึงได้ยอมทุ่มจ่ายน่ะค่ะ”
เธอพูดขอโทษขอโพย “พวกคุณสนุกต่อเถอะค่ะ ไม่ต้องสนใจฉันหรอก ฉันแค่มาส่งเอกสารให้คุณมู่แล้วจะออกไปค่ะ”
คนอื่น ๆ ต่างไม่เห็นด้วยเมื่อได้ยินว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะกลับออกไป
“คุณถงไหน ๆ ก็แวะมาแล้ว มานั่งเล่นด้วยกันก่อนสิครับ”
“ใช่ มาดื่มกันสักสองสามแก้วแล้วค่อย ๆ คุยกันไปเผื่อหลังจากนี้จะได้มีโอกาสร่วมมือกัน!”
ทุกคนรีบชักชวนถงเหมี่ยวเหมี่ยวอย่างกระตือรือร้น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลังเลเล็กน้อย
จากนั้นชายคนหนึ่งที่อยู่ในชุดเสื้อกั๊กสูทสีเทาก็ยกแก้วไวน์ขึ้นพร้อมกับพูดแนะนำตัวเอง “คุณถง ผมเฟิงอี้เฉิงเป็นผู้จัดการใหญ่ของเฟิงกรุ๊ปครับ ถึงบริษัทเราจะไม่ได้ทำเกี่ยวกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ แต่เราก็อยู่ในอุตสาหกรรมนี้เหมือนกัน”
“ส่วนผมอันจินเจ๋เป็นรองประธานอันกรุ๊ปครับ”
พวกเขาแนะนำตัวเองทีละคนเพื่อรั้งถงเหมี่ยวเหมี่ยวเอาไว้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวประหลาดใจเมื่อได้ยินชื่อของแต่ละคนดังที่เป็นดั่งฟ้าร้องที่ดังก้องหู
ตามที่คาดไว้ไม่ผิดว่าเพื่อนของมู่อวี้เฉินล้วนเป็นคุณชายที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นชายหนุ่มสิบคนที่มีความสามารถยอดเยี่ยมที่สุดในเมืองเป่ยและทุกหมดล้วนมีพรสวรรค์ในการบริหารธุรกิจ!
เธอเหลือบมองมู่อวี้เฉิงและเห็นว่าเขายังคงสงบนิ่งไม่มีท่าทางขัดขวางอะไรจึงยิ้มตอบรับอย่างสุภาพ “สรุปว่าในนี้มีแต่ผู้ทรงเกียรติสินะคะ ฉันเคยได้ยินชื่อเสียงพวกคุณจากโลกธุรกิจมาบ้างแล้วล่ะค่ะ โชคดีจังที่วันนี้มีโอกาสได้มาเจอ ส่วนไวน์แก้วนี้ฉันไม่เกรงใจล่ะนะคะ!”
เธอพูดและนั่งลงข้าง ๆ มู่อวี้เฉิง รับแก้วไวน์ขึ้นมาดื่มต่อเนื่องสองสามแก้ว
มู่อวี้เฉิงมองดูรอยยิ้มทรงเสน่ห์ของเธอแล้วรู้สึกไม่พอใจขึ้นมาดื้อ ๆ
ทักษะท่าทางแบบนี้คงจะเคยเอาไปใช้กับพวกลูกค้ามาก่อน
ทุกคนที่นี่ล้วนเป็นเพื่อนพองของเขาถึงได้แสดงความเคารพต่อเธอ แต่ลูกค้าคนอื่นอาจจะไม่รู้เรื่องนี้
ใบหน้าของมู่อวี้เฉิงมืดมนลงราวก้นหม้อเมื่อนึกถึงความเป็นไปได้ต่าง ๆ