ตอนที่ 21 ใครบอกว่าฉันไม่พอ
ตอนที่ 21
ใครบอกว่าฉันไม่พอ
ฉินลู่จ้องเขม็งไปที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยว และสูดลมหายใจเข้าลึกพยายามระงับอารมณ์โกรธ
จากนั้นจึงเยาะเย้ยว่า “ผู้จัดการเล่นคุยโวโอ้อวดแบบนี้ ถึงเวลาจริงขึ้นมาก็อย่าให้ผิดพลาดแล้วกันเดี๋ยวจะเสียหน้าจนพูดไม่ออกมาทำให้ทุกคนวุ่นวายกันอีก!”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหลือบมองเธอด้วยสายตาเย็นและตอบกลับอย่างไม่แยแส “ทางบริษัทไม่มีทางให้พนักงานทำงานโดยเสียเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นถ้างานชิ้นนี้ไม่สำเร็จลุล่วง แต่ฉันว่าอย่างน้อยการล้มเหลวในครั้งนี้ก็ทำทุกคนที่ตั้งใจทำงานได้เรียนรู้วิธีการเผชิญหน้ากับความล้มเหลว ครั้งต่อไปถ้าเจอเรื่องแบบนี้อีกมันจะทำให้พวกเขาที่สั่งสมประสบการณ์มาแก้ไขปัญหาได้ และนี่นับว่ากำไรมหาศาลสำหรับพนักงานของเรา!”
“...”
ฉินลู่ไม่พอใจกับคำพูดที่ผดุงความยุติธรรมดังกล่าว
ใบหน้าของเธอดูน่าเกลียดและมืดมนขึ้น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดต่อ “ผู้จัดการฉินลู่ ฉันอยากจะรู้ว่าเธอที่อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายนี่ว่างมากเหรอ? มันไม่ใช่เรื่องที่เธอจะต้องมาสนใจเรื่องพวกนี้สักหน่อย หรือว่าฉันควรจะสั่งงานเธอดี?”
เธอพูดและหยิบเอกสารบนโต๊ะโยนไปทางฉินลู่ “นี่เป็นโครงการที่ผู้จัดการคนก่อนทำค้างเอาไว้ครึ่งหนึ่ง แต่เกิดปัญหาเข้าโครงการถึงได้ถูกระงับไป ตอนนี้ฉันจะส่งให้เธอไปแก้ไขแล้วกัน และจำได้ว่าฉันให้เวลาเธอแก้ปัญหานี้แค่สิบวันเท่านั้น เพราะยังไงซะมันก็ไม่น่าเป็นปัญหาสำหรับผู้จัดการฉินลู่ที่มีความสามารถโดดเด่นหรอกใช่มั้ย?”
เธอพูดจิกกัดเรื่องความสามารถ
จนทำให้ฉินลู่แข็งทื่อและไม่ตอบสนองอยู่นาน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูและอดจะหัวเราะเยาะไม่ได้ “ทำไม? ผู้จัดการฉินลู่คิดว่าแค่สิบวันมันไม่พอเหรอ? หรือว่าฉันควรจะให้เวลาสักครึ่งเดือนดี?”
ดวงตาที่โกรธจัดของฉินลู่จ้องเขม็งไปทาง ถงเหมี่ยวเหมี่ยวและกัดฟันพูดว่า “ใครบอกว่าฉันไม่พอ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวฟังประโยคตอบกลับขณะที่ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์
เธอพยักหน้าพอใจ “ผู้จัดการฉินลู่ก็พยายามเข้าล่ะ ถ้าเธอทำโครงการเล็ก ๆ แบบนี้ไม่ได้ ฉันก็คิดว่าเธอควรจะลาออกจากตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายไปซะนะ เพราะเกรงว่าความสามารถเธอมันจะไม่สอดคล้องกับชื่อตำแหน่งเอาน่ะ”
เธอพูดและส่งยิ้มสดใสให้ฉินลู่
ฉินลู่มองดูรอยยิ้มยียวนด้วยความโกรธที่ทวีคูณขึ้น เธอกัดฟันและตอบโต้ว่า “งั้นเธอก็คอยดูแล้วกันว่าฉันจะทำออกมาดีแค่ไหน”
“งั้นก็ดี ฉันจะรอดู” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มมุมปาก
ทั้งสองมองหน้ากันอีกครั้งจนกลุ่มควันพุ่งออกมาจากร่างกายของพวกเธอ
พนักงานคนอื่นรู้สึกถึงความตึงเครียดระหว่างทั้งสองคนจนไม่กล้าหายใจ
ในขณะเดียวกันพวกเขาเล็งเห็นถึงความเป็นผู้นำของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวชัดเจน
พวกเขารู้ว่าฉินลู่ไม่พอใจกับตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
นอกจากฉินลู่จะไม่พอใจแล้วยังพูดจาหาเรื่องทั้งที่ไม่สามารถทำอะไรให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสะทกสะท้านได้เลย
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเบือนหน้าหนีและหันกลับถามหัวหน้าแผนกวางแผนอีกครั้ง “โครงการคืบหน้าไปถึงไหนแล้วคะ?”
หัวหน้าแผนกวางแผนมอบข้อมูลบางอย่างให้เธอ “ผู้จัดการ นี่เป็นการที่พวกพนักงานช่วยกันเร่งทำขึ้นมาครับ ลองดูก่อนสิครับ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าและส่งสัญญาณให้กู้ชิงออกไปรับ
เธอพลิกมันอ่านดูคร่าว ๆ และพูดขึ้นว่า “ดีมาก รอโครงการนี้จบลงแล้วฉันจะมาเลี้ยงข้าวพวกคุณ”
หลังจากนั้นเธอพูดเรื่องงานต่ออีกเล็กน้อยและ การประชุมก็จบลง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินกลับมาพิจารณาโครงการข้อเสนอแนะในห้องทำงาน
เมื่อลองอ่านดูอีกครั้งเธอพบว่าพนักงานทำงานกันได้ดีมากจริง ๆ
และมีโครงการหนึ่งที่สามารถชนะเอาชนะใจเธอได้
สองวันต่อมา โครงการดังกล่าวกลายมาเป็นข้อสรุปและถูกส่งไปยังมู่กรุ๊ป
...
ห้องทำงานของท่านประธานมู่กรุ๊ปมีการแตกต่างเป็นสีขาวดำอย่างชัดเจน
มู่อวี้เฉิงกำลังมองดูโครงการข้อเสนอจากบริษัทต่าง ๆ
เขาใช้เวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงในการมองดูโครงการ ต่าง ๆ เหล่านี้และพบว่าโครงการทั้งหมดล้วนเคร่งครัดและน่าเบื่อเกินไป
โดยเฉพาะอย่างยิ่งข้อเสนอทางธุรกิจบางแห่งลอกเลียนแบบแผนการอันโด่งดังในอดีตมาใช้ ซึ่งไม่สร้างสรรค์เป็นอย่างมาก
แต่เขายังคงอดทนอ่านต่อไป
จนกระทั่งเขาเห็นโครงการข้อเสนอที่ทางสตีเฟนส่งมา เนื้อหาด้านในทำให้เขาประหลาดใจมาก
อย่างน้อยมันก็ดีกว่าที่เขาเคยเห็นมาก่อน มีทั้งนวัตกรรม ความสร้างสรรค์และรายละเอียดต่าง ๆ ที่ดูสะดุดตา
ดวงตาลุ่มลึกหรี่ลงเล็กน้อย
นึกไม่ถึงว่าผู้หญิงอย่างถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะเต็มใจร่วมมือกับมู่กรุ๊ปต่อ
ขณะที่เขากำลังตกตะลึงอยู่ จู่ ๆ ลู่หมิงก็เดินมาเคาะประตู “ท่านประธาน คุณหนูซ่งอวี่ซีมาพบครับ”
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วและพูดตอบรับด้วยน้ำเสียงไม่แยแส “เข้ามา”
หลังจากนั้นลู่หมิงก็เดินนำซ่งอวี่ซีเข้ามาในห้องทำงาน ปิดประตูลงและเดินจากไป
มู่อวี้เฉิงวางโครงการในมือลงและถามเบา ๆ ว่า “มีธุระอะไร?”
ซ่งอวี่ซีรู้สึกไม่พอใจกับน้ำเสียงทางการของเขาจนชักสีหน้าออกมา
เธอสวมส้นสูงสิบนิ้วเดินบิดสะโพกเข้าไปตรงหน้าโต๊ะทำงาน
ขณะที่เธอกำลังเดินเข้ามาใกล้ กลิ่นหอมเย้ายวนก็ลอยเข้ามาปะทะจมูกของมู่อวี้เฉิง
เขาขมวดคิ้วด้วยความไม่ชอบใจ
ขณะเดียวกันน้ำเสียงออดอ้อนของซ่งอวี่ซีดังขึ้น “อวี้เฉิง ฉันเอาโครงการของคุณพ่อมาให้นายน่ะ”
เธอพูดพร้อมกับยื่นเอกสารให้
มู่อวี้เฉิงเหลือบมองเอกสาร หยิบขึ้นมาดูและถามเสียงเย็นชา “มีธุระอย่างอื่นอีกมั้ย?”
ความหมายคือหากไม่มีธุระอะไรแล้วก็เชิญออกไปได้
ซ่งอวี่ซีได้ยินเสียงเขาชัดเจน
แต่เธอเพิ่งมาที่นี่ได้แค่ครั้งสองครั้งจึงไม่อยากจากไปเร็วนัก
เธอแต่งหน้าแต่งตัวอยู่ที่บ้านเกือบสองชั่วโมงเพื่อมาพบมู่อวี้เฉิง
เธอเอามือม้วนผมลอนบริเวณหน้าอกด้วยท่าทางยั่วยวน และยิ้มสดใส “ไม่มีอะไรแล้วฉันอยู่ต่อไม่ได้หรือไง?”
หลังจากพูดจบเธอเหลือบเห็นเอกสารโครงการของบริษัทสตีเฟนที่วางกองอยู่บนโต๊ะ ทำให้แววตาเธอมืดมนลงทันที
ถ้าเธอจำไม่ผิดบริษัทนี้คือบริษัทที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวทำงานอยู่
ให้ตายเถอะ จนถึงตอนนี้นังถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังตามราวีมู่อวี้เฉิงอยู่อีก!