ตอนที่ 20 หากเขาอยู่ตรงนี้ก็คงจะดี
ตอนที่ 20
หากเขาอยู่ตรงนี้ก็คงจะดี
ใบหน้าเย็นชาของถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงเรียบเฉย
พ่อเซี่ยงที่เห็นเช่นนั้นเป็นกังวลมากขึ้นจนรีบดึงแม่เซี่ยงให้คุกเข่าลง “คุณถง เรารู้ว่าพวกเราทำผิดพลาดไป ได้โปรดเห็นใจและยกโทษให้พวกเราด้วยนะครับ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกใจกับการกระทำของพวกเขามาและรีบเขยิบตัวออกไป
เซี่ยงฮั่นเจียมองดูพ่อแม่คุกเข่าลงต่อหน้า ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงวิ่งเข้าไปอย่างไม่พอใจ
“พ่อแม่ทำไมถึงคุกเข่าต่อหน้าไอ้สารเลวล่ะ รีบลุกขึ้นมาขับไล่พวกมันเร็ว ขับไล่ไอ้เด็กเวรที่แม่มันตั้งท้องออกไปด้วย”
ทันทีคำพูดดังกล่าวดังขึ้นใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวดูเย็นชาลงอย่างน่าสะพรึงกลัว
เธอมองดูพ่อเซี่ยงด้วยสายตาเหยียดหยามและพูดเยาะเย้ย “คุณเซี่ยงดูเหมือนว่าครอบครัวคุณควรจะให้ความสนใจกับการอบรมสั่งสอนลูกให้มากกว่านี้นะคะ คุณสอนลูกตัวเองให้ได้ดีไม่ได้ด้วยซ้ำแล้วมีหน้าอะไรมาสอนลูกชาวบ้านคนอื่น แบบนี้มันจะไม่ทำให้เด็กเข้าใจผิดเอาเหรอคะ”
“...”
พ่อเซี่ยงตกตะลึงมากจนพูดไม่ออก ใบหน้าที่ตกใจเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด
เซี่ยงฮั่นเจียยังไม่เข้าใจว่าพ่อแม่กำลังจะสูญเสียอำนาจไปและเขาโกรธเคืองมากที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวบอกว่าพ่อเขาไม่สั่งสอนเขา “พ่อฉันไม่สอนฉันงั้นเหรอ นังบ้าอย่ามาพูดยุแยงนักเลย ปาป๊ารีบไล่พวกมันออกไปจากโรงเรียนซะสิ”
เขาวิ่งเข้าไปกอดและออดอ้อนพ่อ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูพ่อเซี่ยงด้วยสายตาประชดประชัน
“หุบปาก!”
พ่อเซี่ยงโกรธมากจนยกหลังมือขึ้นมาตบเซี่ยงฮั่นเจีย
เซี่ยงฮั่นเจียตกใจมาก
แม่เซี่ยงเริ่มทุกข์ใจและพึมพำว่า “คุณคะ คุณไปตีฮั่นเจียได้ยังไง ทำไมไม่บอกลูกดี ๆ ล่ะ?”
พ่อเซี่ยงหันมาจ้องเธอและตะคอกใส่ “หุบปาก ก็เพราะว่าเธอเอาแต่ตามใจลูกไม่ใช่หรือไงมันถึงได้กลายมาเป็นเด็กนอกคอกแบบนี้? หลายปีที่ผ่านมามันยังสร้างปัญหาให้ฉันไม่พออีกเหรอ?”
ใบหน้าของแม่เซี่ยงร้อนระอุทันทีเมื่อถูกติเตียน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูเรื่องตลกตรงหน้าจนกระทั่งความอดทนหมดลงและพูดขึ้นว่า “ท่านอธิบดีรบกวนจัดการเรื่องนี้ให้ด้วยนะคะ พอดีว่าฉันมีธุระต้องไปทำต่อ”
“คุณถงวางใจได้ครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ทันที”
อธิบดีพยักหน้าอย่างจริงจัง จากนั้นจึงหันไปพูดว่า “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปผมจะให้คนเข้ามาทำงานแทนที่ตำแหน่งของหัวหน้าเขต และจะเปลี่ยนให้คนอื่นขึ้นมาดำรงตำแหน่งแทนที่ครูใหญ่ด้วย”
พ่อเซี่ยงกับครูใหญ่หน้าซีดเผือดทันที
แต่ก่อนที่ทั้งสองจะร้องขอความเมตตา อธิบดีชี้ไปที่อดีตครูใหญ่และพูดว่า “คุณไปเชิญเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโรงเรียนมาขับไล่ครอบครัวนี้ออกไปซะ แล้วไปเรียกผู้ช่วยครูใหญ่มาด้วย มอบหมายงานให้ผู้ช่วยครูใหญ่แล้วออกจากที่นี่ไปซะ”
อดีตครูใหญ่ไม่กล้าปฏิเสธและทำได้เพียงปฏิบัติหน้าที่ตาม
หลังจากนั้นสิบนาทีเรื่องราวทั้งหมดก็ได้รับการแก้ไข
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นมาและพูดขอบคุณ “ท่านอธิบดีขอบคุณมากนะคะ เอาไว้มีเวลาว่างเมื่อไหร่ฉันจะเลี้ยงอาหารเย็นเป็นการตอบแทน”
อธิบดีโบกมือครั้งแล้วครั้งเล่า “เรื่องเล็กน้อยน่ะครับ ไม่จำเป็นต้องมาเลี้ยงข้าวผมหรอก อีกอย่างผมก็ได้รับความไว้วางใจเพิ่มด้วย”
หลังจากพูดจบเขาก็ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาและพูดว่า “ต้องขอโทษด้วย พอดีผมมีประชุมต่อต้องขอตัวกลับไปก่อน”
“ได้ค่ะ ท่านอธิบดีเดินทางปลอดภัยนะคะ”
“ท่านอธิบดีเดินทางปลอดภัยครับ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวและผู้ช่วยครูใหญ่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งเดินออกมาส่งอธิบดีด้วยตัวเอง
หลังจากนั้นไม่นานทั้งสองก็กลับมาที่สำนักงานด้วยกัน
ครูใหญ่คนใหม่พูดขอโทษ “คุณถง ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณต้องมาเจอเหตุการณ์ที่เลวร้ายแบบนี้”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจับมือเสี่ยวเป่าและพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “เรื่องในวันนี้มันเลวร้ายจริง ๆ ค่ะ ฉันหวังว่าหลังจากที่ครูใหญ่เข้ารับตำแหน่งแล้วจะกลายเป็นคุณครูที่ดีเพื่อป้องกันไม่ให้นักเรียนคนนี้ต้องมาประสบปัญหาเลวร้ายแบบนี้เหมือนกัน”
“แน่นอนครับ ผมจะดูแลเรื่องนี้อย่างดี” ครูใหญ่คนใหม่พยักหน้าครั้งแล้วครั้งเล่า
สีหน้าเคร่งขรึมของถงเหมี่ยวเหมี่ยวผ่อนคลายลงเมื่อได้ยินคำพูดสัญญา และยิ้มเบา ๆ “ฉันเชื่อว่าครูใหญ่ทำได้ค่ะ”
เธอพูดขณะลูบผมของเสี่ยวเป่าด้วยท่าทางอบอุ่น “วันนี้พอแค่นี้ก่อน ฉันพาลูกชายกลับก่อนนะคะ”
“ครับคุณถง เดินทางปลอดภัยครับ”
ครูใหญ่คนใหม่เดินออกมาส่งถงเหมี่ยวเหมี่ยวเป็นการส่วนตัว
ระหว่างทางกลับบ้านถงเหมี่ยวเหมี่ยวจอดรถทิ้งเอาไว้บนท้องถนน บอกเสี่ยวเป่าให้นั่งอยู่ในรถเงียบ ๆ จากนั้นจึงออกไปซื้อยาทาแผลและแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน เธออุ้มเสี่ยวเป่าไปนั่งลงโซฟาและทายาให้เสี่ยวเป่า
โชคดีที่อาการบาดเจ็บไม่ร้ายแรงนัก มีเพียงรอยฟกช้ำบนใบหน้า
เธอเทแอลกอฮอล์ออกมาเช็ดฆ่าเชื้อให้เสี่ยวเป่า จากนั้นจึงทายาบริเวณเลือดคลั่ง
เสี่ยวเป่านั่งอยู่บนโซฟาอย่างเชื่อฟังและปล่อยให้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่สงบสติอารมณ์ลงแล้วทายาให้
เขามองดูสีหน้ามุ่งมั่นของแม่และพูดขอโทษ “ขอโทษครับหม่ามี้ ผมทำให้หม่ามี้เดือดร้อน”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวชะงักอยู่ครู่หนึ่ง มองดูลูกชายที่กำลังรู้สึกผิดและส่งยิ้มให้ “ถึงการต่อสู้จะเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่ในเมื่ออีกฝ่ายเริ่มต่อสู้ก่อน และเสี่ยวเป่าแค่ป้องกันตัวเองเท่านั้น เพราะงั้นแม่จะไม่ดุอะไรเสี่ยวเป่า”
เธอพูดและนวดคลึงศีรษะเสี่ยวเป่า
เธอคอยนวดศีรษะเขาและเป่าเบา ๆ “เจ็บมั้ย?”
“ไม่เจ็บ หม่ามี้นวดเลย ไม่เป็นอะไร”
เสี่ยวเป่าส่ายหน้าอย่างรู้เหตุรู้ผล
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูเขาโดยที่หัวใจอ่อนยวบลง อดไม่ได้ที่จะอุ้มเจ้าตัวน้อยเข้ามาในอ้อมแขน
สองคนแม่ลูกพูดคุยหัวเราะคิกคักกันอยู่สักพักหนึ่ง จากนั้นเสี่ยวเป่าก็เริ่มง่วงนอน
รอจนกระทั่งเสี่ยวเป่าผล็อยหลับไป ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงค่อย ๆ ย่องออกมาจากห้องของลูกชาย
เธอเดินกลับไปที่ห้องนั่งเล่น หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาและโทรไปขอบคุณลู่ซีจวี๋
หากไม่ใช่เพราะความช่วยเหลือจากเขา เสี่ยวเป่าคงจะถูกไล่ออกจากโรงเรียนอนุบาลไปแล้ว
หลังจากวางสายลงถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหม่อมองดูวิวยามค่ำคืนข้างนอกหน้าต่าง
เธอหวนนึกถึงว่าการดูแลเสี่ยวเป่าในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมานั้นยากลำบากถึงเพียงไหน...
หากมู่อวี้เฉิงอยู่ตรงนี้เสี่ยวเป่าคงจะไม่ต้องถูกรังแก และเธอคงจะไม่ต้องลำบากแบบนี้ใช่ไหม?
ตอนเกิดเหตุเมื่อกลางวัน เธอรู้สึกถึงแรงกระตุ้นบางอย่างที่ทำให้เธอต้องการโทรหามู่อวี้เฉิง
เพราะอย่างไรเสียเขาก็เป็นพ่อของเสี่ยวเป่า เขาควรจะปกป้องเสี่ยวเป่า
แต่สุดท้ายเหตุผลกลับเอาชนะความคิดดังกล่าว
ครั้งนี้เธอติดหนี้บุญคุณของลู่ซีจวี๋
และในอนาคตเธอจะต้องจ่ายคืนเขา!
...
เช้าวันรุ่งขึ้นที่บริษัทมีการจัดประชุมตามปกติ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเหยียบรองเท้าส้นสูงสิบนิ้วนำกู้ชิงเดินเข้าไปในห้องประชุมด้วยท่วงท่าที่ยอดเยี่ยมราวกับราชินี
เธอวางเอกสารในมือลงบนโต๊ะ ปรายตามองรอบ ๆ และพบว่าฉินลู่ก็อยู่ที่นี่ด้วย
ฉินลู่สังเกตเห็นสายตาที่จ้องมองมาจึงเลิกคิ้วยียวน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเมินเฉยและพูดเปิดการประชุม
หัวหน้างานต่าง ๆ เริ่มรายงานผลการทำงาน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตั้งใจฟัง
เมื่อการรายงานเสร็จสิ้นแล้ว เธอขานเรียกหัวหน้าแผนวางแผนและถามว่า “โครงการความร่วมมือกับมู่กรุ๊ปมีความคืบหน้าไปถึงไหนแล้ว?”
แต่ก่อนที่หัวหน้างานจะพูดตอบ ฉินลู่กลับหัวเราะเยาะ “ผู้จัดการประเมินความสามารถสูงไปหรือเปล่า? คิดว่าจะได้ร่วมมือกับมู่กรุ๊ปง่าย ๆ ขนาดนั้นเชียวเหรอ”
เธอจ้องมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยสายตาดูถูก
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเงยหน้ามอง
ดวงตาของพวกเธอปะทะกันจนราวกับได้ยินเสียงประสายไฟที่ลอยอยู่ในอากาศ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยิ้มมุมปากราวกับว่ากำลังเยาะเย้ย “เพียงเพราะเธอทำไม่ได้ก็อย่ามาคิดว่าฉันทำไม่ได้สิ อย่าเอาความสามารถของเธอมาเปรียบเทียบกับความสามารถของฉัน!”
“...”
ฉินลู่โกรธมากจนแทบสำลักและอยากจะบ้าตายให้รู้แล้วรู้รอด
นังผู้หญิงคนนี้กำลังบอกว่าเธอไม่มีความสามารถเท่าหล่อนงั้นหรือ ไปเอาความกล้ามาจากไหนนักยะ?