ตอนที่ 19 ใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
ตอนที่ 19
ใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว
ใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเย็นชาขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
เธอพูดเสียดสี “วันนี้ฉันล่ะอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าคุณจะใช้ความสามารถอะไรมาไล่เสี่ยวเป่าของฉันออกจากโรงเรียน!”
หญิงวัยกลางคนนึกไม่ถึงว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะไม่หวาดกลัวอะไรเลยจึงหัวเราะเยาะใส่ “ฉันคิดว่าถ้าเธอไม่เห็นโลงศพคงจะไม่หลั่งน้ำตาสินะ งั้นก็รอดูได้เลยว่าฉันจะขับไล่แม่ลูกพวกแกสองคนออกไปได้ยังไง!”
เธอหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าแบรนด์เนมและกดโทรออก “ที่รักลูกชายเราถูกรังแกที่โรงเรียน คุณรีบมาเร็วเข้า”
ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในสายพูดว่าอย่างไรบ้าง
หญิงวัยกลางคนวางสายโทรศัพท์และมองมาที่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวอย่างมีชัย “สามีฉันทำงานอยู่ในกระทรวงศึกษาธิการและบังเอิญว่าเขารับผิดชอบดูแลเขตพื้นที่นี้ด้วย ฉันจะให้โอกาสเธอเป็นครั้งสุดท้าย ตอนนี้เธอกับลูกชายคุกเข่าลงและขอโทษซะ ฉันเป็นคนจิตใจดีมีเมตตาแล้วฉันจะปล่อยเธอไป! หรือไม่อย่างนั้นก็อย่าได้หวังว่าโรงเรียนในเขตพื้นที่นี้จะรับลูกเธอเข้าโรงเรียนอีก”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเยาะเย้ย “คำพูดคำจาคุณดูโอ้อวดไม่เบา แต่เกรงว่าจะมีแต่ลมปาก”
หญิงวัยกลางคนโกรธมาก
เธอจ้องเขม็งไปที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวและกัดฟัน “งั้นเราจะได้เห็นดีกัน!”
เธอพูดและลงไปนั่งกอดอกบนโซฟา
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวทำเมินและหันไปหาเสี่ยวเป่า
เธอมองดูใบหน้าเขียวช้ำของเสี่ยวเป่า ยืนออกไปหาสัมผัสเบา ๆ ราวกับกลัวว่าจะทำให้เสี่ยวเป่าเจ็บและพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเป็นทุกข์ “เจ็บมั้ยลูก?”
“ไม่เจ็บ”
เสี่ยวเป่าส่ายหน้าเหลือบมองหญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนโซฟาทั้งที่น้ำตาคลอเบ้าแล้วพูดด้วยน้ำเสียงหดหู่ “หม่ามี้ ผมจะมีปัญหาหรือเปล่า?”
แต่ก่อนที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะพูดตอบ น้ำเสียงของผู้ชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นเหนือศีรษะพวกเขา “คุณแม่เสี่ยวเป่า”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหันไปมองด้านข้างและเห็นว่าคุณใหญ่เดินเข้ามาหาเธอเพื่อจุดประสงค์บางอย่าง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขมวดคิ้วและหันไปมอง “ครูใหญ่มีอะไรเหรอคะ?”
ครูใหญ่ตอบกลับอย่างตรงประเด็น “คุณแม่เสี่ยวเป่า ผมว่าเรื่องมันไม่ควรจะเป็นแบบนี้นะครับ คุณกับเสี่ยวเป่าขอโทษซะ ทุกฝ่ายจะได้เลิกแล้วต่อกัน”
“ขอโทษ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหัวเราะด้วยความเกรี้ยวโกรธราวกับว่าเธอเพิ่งได้ยินเรื่องตลก “เรื่องนี้เสี่ยวเป่าไม่ได้ทำผิดอะไร ทำไมเสี่ยวเป่าจะต้องไปขอโทษด้วย! ครูใหญ่ก็เห็นนี่คะว่าผู้หญิงคนนั้นเย่อหยิ่งขนาดไหน ต่อให้เสี่ยวเป่าขอโทษยังไงซะเธอก็ไม่มีวันยอมปล่อยเสี่ยวเป่าไปหรอก”
ครูใหญ่ขมวดคิ้ว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่สนใจเขาและหันไปจัดแจงเสื้อผ้าหน้าผมให้เสี่ยวเป่า
ทำให้สำนักงานตกอยู่ในความเงียบสงบอันน่าขนหัวลุก
จนกระทั่งชายชุดดำที่มีอายุราว ๆ สามสิบกว่าปีเดินเข้ามา ความเงียบสงบก่อนหน้านี้ก็ถูกทำลายลง
“ใครกล้ารังแกเซี่ยงฮั่นเจีย?”
หญิงวัยกลางคนกับเซี่ยงฮั่นเจียรีบลุกขึ้นจากโซฟาอย่างมีความสุขทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงดังกล่าว “คุณคะมาแล้วเหรอ”
“ปาป๊า ไอ้สารเลวนั่นมันตีผม!”
เซี่ยงฮั่นเจียวิ่งเหยาะ ๆ ไปหาพ่อเซี่ยงและชี้นิ้วมาทางเสี่ยวเป่า
พ่อเซี่ยงหันไปมองทางทิศทางที่ลูกชายชี้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวบังเอิญเงยหน้าขึ้นมามองพอดี
ทำให้ทั้งสี่คนสบตากัน
พ่อเซี่ยงมองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
เขาหันไปมองกดดันครูใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านข้าง และพ่นน้ำเสียงเย่อหยิ่งออกมา “ที่ผมส่งลูกมาเข้าเรียนโรงเรียนคุณเพราะหวังจะให้มีที่เรียนที่ดีอยู่กับสภาพแวดล้อมดี ๆ แต่นึกไม่ถึงว่าโรงเรียนของคุณจะไม่กฎเกณฑ์ในการรับนักเรียนเข้าเรียนด้วยซ้ำ รับนักเรียนเลวทรามแบบนี้มาได้ยังไง ถ้าไม่อยากนั่งตำแหน่งครูใหญ่ก็ผมกันดี ๆ ผมจะได้หาคนอื่นมาทำแทน”
ครูใหญ่หวาดกลัวมากจนพยายามประจบประแจง “หัวหน้าเขตเซี่ยงใจเย็น ๆ ก่อนนะครับ ผมจะจัดการเรื่องนี้ให้ถูกต้องเหมาะสมตามความพอใจของท่านแน่นอน”
พ่อเซี่ยงตกคอก “งั้นก็รีบไปจัดการซะสิ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแม่ลูกสองคนนี้แล้ว!”
“ครับ ๆ ผมจะจัดการให้!”
ครูใหญ่ถึงกับคุกเข่าพยักหน้าตอบรับ
ใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวมืดมนลงทันทีเมื่อเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า
และไม่รู้ว่ารังสีรอบตัวของเธอดูน่าสะพรึงกลัวหรือเปล่า
ครูใหญ่ถึงได้หันมาพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “คุณแม่ เสี่ยวเป่าทำไมไม่พาเสี่ยวเป่าย้ายไปเรียนที่อื่นล่ะครับ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวโกรธยิ่งขึ้นเมื่อได้ยินเช่นนั้น
เธอกัดฟันและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในฐานะครูใหญ่ คุณเมินเฉยกับเรื่องถูกผิดพรรค์นี้ได้ยังไง?”
“หัวหน้าเขตมีอำนาจมากกว่าผม ผมทำอะไรมากไม่ได้หรอก” ครูใหญ่พูดด้วยความลำบากใจ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวแสยะยิ้ม “งั้นก็ได้ค่ะ ฉันจะจะไปตามคนมาเหมือนกัน”
หลังจากพูดแบบนั้นเธอหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดหมายเลขโทรออก “รุ่นพี่ ฉันมีเรื่องจะรบกวนหน่อยค่ะ”
ชายที่อยู่ปลายสายเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ว่าไง มีเรื่องอะไรเหรอ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นในโรงเรียนให้ฟัง
น้ำเสียงอ่อนโยนดังขึ้นอีกครั้ง “เข้าใจแล้ว รอแป๊บนึงเดี๋ยวจัดการให้”
“ขอบคุณค่ะรุ่นพี่” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขอบคุณและวางสายโทรศัพท์
น้ำเสียงเยาะเย้ยของหญิงวัยกลางคนยังคงดังก้อง “แหม โทรไปหาใครกัน ฉันล่ะอยากรู้จริง ๆ ว่าน้ำหน้าอย่างเธอจะโทรหาใครได้บ้าง”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่สนใจเธอและยืนอยู่ข้าง ๆ เสี่ยวเป่า
พ่อเซี่ยงต้องการรอดูว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวโทรเรียกใครมา และไม่ได้แสดงท่าทีกดดันครูใหญ่อีกต่อไป
สิบนาทีต่อมาชายวัยกลางคนที่อยู่ในชุดทางการเดินเข้ามาในสำนักงาน
เขาเอ่ยถามทันทีที่เดินเข้ามาถึง “ขอโทษนะครับใครคือคุณถงเหมี่ยวเหมี่ยว”
“ฉันค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอบกลับ
ชายคนนั้นมองดูและพูดแนะนำตัวเอง “สวัสดีครับคุณถง ผมเป็นอธิบดีกระทรวงศึกษาธิการในเขตพื้นที่นี้ มาช่วยเหลือคุณตามคำขอของคุณลู่ซีจวี๋ครับ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าขอบคุณ “ขอบคุณค่ะ”
พ่อเซี่ยงที่อยู่ด้านข้างรู้สึกตื่นตระหนกทันที
เขานึกไม่ถึงว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวจะเชิญหัวหน้าของเขามา
เขารีบก้าวเข้าไปข้างหน้าพร้อมกับแผ่นหลังที่เปียกชุ่มไปด้วยเหงื่อแล้วพูดว่า “หัวหน้าจะมาทำไมไม่แจ้งผมก่อนล่ะครับ ผมไม่ทันได้ออกไปต้อนรับท่านเลย”
อธิบดีไม่ตอบรับคำถามของเขา และมองดูเขาด้วยสายตาเย็นชา “คุณน่ะเหรอที่มาก่อปัญหาที่นี่?”
“หัวหน้า มันเป็นเรื่องเข้าใจผิด เข้าใจผิดกันนะครับ”
พ่อเซี่ยงเช็ดเหงื่อบนหน้าผากขณะพูดขอโทษ
“ผมเองก็ยังงงอยู่ว่าเข้าใจผิดอะไรกัน”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหัวเราะเยาะเขา จากนั้นจึงหันไปเล่าเรื่องทั้งหมดให้อธิบดีฟัง
อธิบดีโกรธจัดทันทีเมื่อได้ยินเรื่องทั้งหมด
เขาจ้องพ่อเซี่ยงและดุด่าว่า “คุณนี่มันกล้ามากนะ กล้าดียังไงถึงใช้อำนาจแสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัว!”
พ่อเซี่ยงรับรู้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์ดังกล่าวทันทีเมื่อได้ยินน้ำเสียงของอีกฝ่าย เขารีบขอโทษขอโพยยอมรับความผิดพลาดและขอให้ปล่อยเขาไป
“หัวหน้าครับ ผมผิดไปแล้ว ผมไม่ควรกลั่นแกล้งเธอเลย ท่านเป็นจิตใจดีมีเมตตาครั้งนี้ยกโทษให้ผมด้วยนะครับ”
เขาพูดและโค้งคำนับขอโทษถงเหมี่ยวเหมี่ยว “คุณถง ผมมีตาหามีแววไม่ไปทำให้คุณขุ่นเคือง แต่คุณก็เห็นว่าลูกชายผมเจ็บปวดเหมือนกัน ได้โปรดเห็นใจและปล่อยพวกผมไปได้มั้ยครับ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูอย่างไม่แยแสและไม่ได้พูดอะไรออกไป
แม่เซี่ยงที่เห็นเช่นนั้นรับรู้ได้ทันทีว่าตัวเองกำสร้างปัญหาให้สามีอยู่จึงรีบขอโทษขอโพยแทนสามี “คุณถง มันเป็นความผิดของพวกเราเอง ฉันรู้ว่าคุณใจกว้างดั่งมหาสมุทรได้โปรดยกโทษให้พวกเราด้วยนะคะ”