ตอนที่ 18 เธอมีความสามารถสักแค่ไหนกันเชียว
ตอนที่ 18
เธอมีความสามารถสักแค่ไหนกันเชียว
ทันทีที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้ยินชื่อของฉินลู่เธอก็เข้าใจได้ว่าผู้หญิงคนนี้เข้ามาหาเธอด้วยเจตนารมณ์ที่ไม่ดี
“หัวหน้าฉินลู่เองเหรอเนี่ย ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานานแล้ว”
เธอเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยและแสยะยิ้ม “ไม่ทราบว่าหัวหน้าฉินลู่มีอะไรจะชี้แนะฉันเหรอ?”
ดวงตาที่ลุกโชนไปด้วยเปลวไฟของฉินลู่จ้องเขม็งไปทางถงเหมี่ยวเหมี่ยว และตะคอกด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ไม่มีอะไรจะชี้แนะหรอก ฉันก็แค่อยากจะเห็นว่าผู้จัดการคนใหม่ทำอะไรเป็นบ้าง”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเลิกคิ้วและตอบโต้ “ตอนนี้เธอก็เห็นแล้วนี่ คิดว่ายังไงบ้างล่ะ?”
“แน่นอนว่าฉันต้องคิดอะไรอยู่แล้ว!”
ฉินลู่โน้มตัวลงวางมือทั้งสองข้างไว้บนโต๊ะและพูดกระชากเสียงว่า “ตำแหน่งนี้ควรจะเป็นของฉัน ฉันไม่รู้ว่าแผนกบุคลากรที่สำนักงานใหญ่ทำงานผิดพลาดอะไร แต่การส่งตัวเธอบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาแบบนี้พวกพนักงานที่ไหนเขาจะเชื่อฟังกัน!”
ใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเปลี่ยนเป็นเรียบนิ่งทันทีเมื่อได้ยินประโยคดังกล่าว
เธอจ้องเขม็งไปที่ฉินลู่และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ฉันคงไม่ต้องให้หัวหน้าฉินลู่มาเป็นกังวลหรอกมั้งคะว่าพนักงานในบริษัทจะเชื่อฟังหรือเปล่า แต่เธอควรรู้เอาไว้ว่าตำแหน่งผู้จัดการบริษัทเป็นของฉันแล้ว และเธอเป็นแค่หัวหน้าคนหนึ่งที่บุกรุกเข้ามาในห้องทำงานฉันโดยไม่ได้ความยินยอม กล้าดียังไง ออกไปจากห้องทำงานฉันเดี๋ยวนี้!”
ฉินลู่รู้สึกโมโหเมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้มารยาทของเธอ
“เธอคิดว่าเธอเป็นใคร? ถึงมาไล่ฉันออกไป? ฮะ ผู้จัดการคนก่อนยังไม่กล้าทำกับฉันแบบนี้เลย เขาแสดงความนับถือฉันด้วยซ้ำ!”
“เพราะงั้นตอนนี้อดีตผู้จัดการถึงถูกไล่ออกไปไง!”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่กลัวและเดินเข้าไปหาเธอ “ถ้าเธอไม่พอใจเธอก็ไปรายงานสำนักงานใหญ่เอาเองสิ ถ้าทางสำนักงานใหญ่ยินดีจะมอบตำแหน่งผู้จัดการให้เธอ ฉันก็ยินดีจะหลีกทางให้!”
“...”
ฉินลู่โดนโจมตีจนพูดอะไรไม่ออก ใบหน้าเริ่มซีดเซียวลง
ทั้งสองเผชิญหน้าตาต่อตาฟันต่อฟัน
ขณะที่เซ่าหมิงเวยคอยพูดหว่านล้อมอยู่ทางด้านหลัง “ฉินลู่หยุดสร้างปัญหาสักที!”
ฉินลู่เมินเขา กัดฟันและจ้องเขม็งไปที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยว “รอฉันก่อนเถอะ ฉันจะรู้ว่าเธอมีความสามารถสักแค่ไหนกันเชียว!”
เธอพูดและเดินกระแทกเท้าออกจากประตูไป
เซ่าหมิงเวยปวดหัวจนแทบจะระเบิด
เขามองดูสีหน้าไม่แยแสของถงเหมี่ยวเหมี่ยวและอดไม่ได้ที่จะพูดหาข้อแก้ตัวให้ฉินลู่ “เอ่อ ผู้จัดการครับ ฉินลู่ก็เป็นคนแบบนี้แหละครับ พูดตรง...”
“คุณไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรหรอก ฉันเข้าใจดี”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพูดขัดจังหวะขึ้นมาก่อนที่เซ่าหมิงเวย จะพูดจบ
หากพูดตามตรงเธอไม่ได้นำเรื่องของฉินลู่มาใส่ใจนัก
ทว่าเธอกลับนึกตามคำพูดของฉินลู่ หรี่ตาลงและพูดว่า “เดี๋ยวสองสามวันนี้คุณช่วยจับตาดูฉินลู่หน่อยนะ ตอนนี้แผนกวางแผนกำลังอยู่ขั้นวิกฤต ถ้าเกิดมันพังเละเทะขึ้นมาทุกคนคงจะแย่แน่”
เซ่าหมิงเวยรู้ดีว่าคำพูดของถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ใช่เพียงคำพูดติดตลก เขาจึงตอบรับด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
และรู้ว่าตัวเองโชคไม่ดีอย่างยิ่ง
ทำไมเขาถึงถูกจับให้มาอยู่กลางระหว่างผู้หญิงสองคนนี้ มันเป็นหายนะที่เขาคาดไม่ถึงมาก่อน!
หลังจากเซ่าหมิงเวยกลับออกไป ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงอยู่กับงานที่ทำ
แต่หลังจากผ่านไปได้ครู่หนึ่ง โทรศัพท์มือถือบนโต๊ะของเธอก็ดังขึ้นซึ่งเป็นสายเรียกเข้าจากคุณครูของเสี่ยวเป่า
“คุณแม่เสี่ยวเป่าสะดวกแวะมาที่โรงเรียนตอนนี้มั้ยคะ? เสี่ยวเป่าทะเลาะกับเพื่อนจนได้รับบาดเจ็บค่ะ”
“อะไรนะ เดี๋ยวฉันจะรีบไปตอนนี้เลยค่ะ!” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกใจ
เธอวางสายโทรศัพท์และไม่สามารถทำงานต่อไปได้ คว้ากุญแจบนโต๊ะและตรงไปที่โรงเรียนอนุบาล
เธอเหยียบคันเร่งสุดชีวิต ผ่าไฟแดงไปถึงสองรอบเพื่อให้ไปถึงโรงเรียนโดยเร็วที่สุด
เธอลงจากรถและเห็นคุณครูของเสี่ยวเป่ายืนอยู่ที่หน้าประตูจึงกระตือรือร้นรีบวิ่งเข้าไปถาม “คุณครูคะ เสี่ยวเป่าล่ะ? ลูกฉันเป็นยังไงบ้างคะ? บาดเจ็บสาหัสตรงไหน?”
เธอรัวคำถามหลายคำถามภายในครั้งเดียวจนคุณครูไม่ได้สามารถตอบโต้กลับได้
“เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไรค่ะ แค่บาดเจ็บเล็กน้อย ตอนนี้ปัญหาคือผู้ปกครองอีกคนต้องการให้รับผิดชอบ คุณแม่เสี่ยวเป่าโปรดตามฉันมาที่ห้องครูใหญ่ก่อนนะคะ”
หัวใจของถงเหมี่ยวเหมี่ยวผ่อนคลายลงเล็กน้อยเมื่อได้ยินว่าเสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไร
เธอรีบถามอีกครั้ง “คุณครูคะ ฉันอยากรู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น ปกติเสี่ยวเป่าของเราเป็นคนเก่งและจะไม่เป็นฝ่ายเริ่มสร้างปัญหาก่อน”
คุณครูประจำชั้นไม่ได้ปิดบังอะไรและพูดสรุปเหตุการณ์คร่าว ๆ
เธอเล่าเด็กคนที่ชื่อเซี่ยงฮั่นเจียเป็นเพื่อนร่วมชั้นของ เสี่ยวเป่า
เด็กคนนั้นชอบเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่มีชื่อว่าเถียนเถียน
แต่เด็กผู้หญิงคนนั้นกลับเล่นกับเสี่ยวเป่าคนเดียวจนทำให้เซี่ยงฮั่นเจียไม่พอใจและลงไม้ลงมือกับเสี่ยวเป่า
ถึงแม้ว่าเสี่ยวเป่าจะเป็นเด็กฉลาดและประพฤติตัวดี แต่เขาจะไม่มีวันยอมถูกรังแกเงียบ ๆ
หลังจากนั้นทั้งสองคนก็ต่อสู้กัน
เซี่ยงฮั่นเจียไม่สามารถเอาชนะเสี่ยวเป่าได้ เขาร้องไห้กระจองอแงหาพ่อหาแม่เสียงดัง
คุณครูประจำชั้นพูดด้วยสีหน้ากังวล “คุณแม่เสี่ยวเป่า คุณพ่อคุณแม่ของเซี่ยงฮั่นเจียไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป คุณแม่พยายามอย่าเข้าไปปะทะเลยนะคะจะได้ไม่ถูกเอาเปรียบเอา”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเข้าใจความหมายของคุณครูประจำชั้นดี
แต่เธอไม่ใช่คนที่จะเก็บงำความโกรธเคืองเอาไว้ข้างใน
นอกจากนี้มันไม่ใช่ความผิดของลูกชายเธอ ทำไมเธอจะต้องไปขอโทษพ่อแม่ของเด็กอีกฝ่ายด้วย!
เธอคิดไปเรื่อยเปื่อยจนเดินมาถึงสำนักงานของครูใหญ่
เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งกรีดร้องดังมาจากข้างใน “ไอ้เด็กเวรกล้าดียังไงถึงมาลงไม้ลงมือกับเซี่ยงฮั่นเจียของฉัน แกรีบคุกเข่าลงอ้อนวอนขอโทษเซี่ยงฮั่นเจียเดี๋ยวนี้เลยนะ!”
ใบหน้าของถงเหมี่ยวเหมี่ยวดำทะมึนราวกับน้ำหมึกเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
เธอเดินเข้าไปในสำนักงานของครูใหญ่และเห็นรอย ฟกช้ำบนใบหน้าของเสี่ยวเป่าที่กำลังยืนอยู่มุมห้อง
ดวงตากลมโตสีดำมีน้ำตาคลอเบ้า เสื้อผ้าบนร่างกายสกปรกเลอะเทอะ
เธอมองดูด้วยความโกรธจัดและทุกข์ทรมานใจจนแผ่รังสีอำมหิตออกมาจากร่างกาย
“คุณผู้ปกครองช่วยทำตัวมีคุณธรรมด้วยล่ะ!”
สายตาเฉียบคมราวกับกริชพุ่งตรงไปหาหญิงวัยกลางคนที่อยู่ด้านข้าง “ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าลูกชายคุณเป็นคนเริ่มก่อน คุณมีสิทธิ์อะไรมาบอกว่าเสี่ยวเป่าขอโทษ”
ผู้หญิงอายุประมาณสามสิบปีแต่งหน้าจัดจ้านประโคมแบรนด์เนมตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าสวมเครื่องประดับมากมายที่บ่งบอกว่าเป็นเศรษฐียุคใหม่
เธอนึกไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะระเบิดออกมาก่อนจนตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงคาดเดาสถานะทางสังคมของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
“มีสิทธิ์อะไรงั้นเหรอ?”
เธอหัวเราะเยาะและพูดจาเย่อหยิ่ง “แค่สถานะของลูกเราก็ไม่เท่ากันแล้ว ไอ้สารเลวคนนี้น่ะไม่รู้ใครคือพ่อด้วยซ้ำยังจะมีหน้ามารังแกคนอื่นอีก!”
“ผมไม่ใช่คนสารเลว ผมมีหม่ามี้แล้วไม่จำเป็นต้องมีปาป๊า!” เสี่ยวเป่าตอบโต้ด้วยดวงตาแดงก่ำ
“ไม่จำเป็นเหรอ? ฉันคิดว่าแม่แกไม่รู้ด้วยซ้ำว่าพ่อของแกคือใคร”
หญิงวัยกลางคนเหน็บแนมและมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าด้วยสายตาดูถูกเหยียดหยาม
เธอรู้สึกอิจฉาริษยาขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นใบหน้าขาวผ่องของถงเหมี่ยวเหมี่ยว “ฉันน่ะเห็นผู้หญิงอย่างเธอมานักต่อนักแล้ว”
สายตาของอีกฝ่ายมองมาทางถงเหมี่ยวเหมี่ยวราวกับว่าเธอเป็นเพียงผู้หญิงสำส่อนที่ออกมาหากินนอกบ้าน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวโกรธมากจนหน้าอกกระเพื่อม
ก่อนจะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาและพูดประชดว่า “พอได้ยินคุณแม่ท่านนี้พูดแล้วก็พอจะเข้าใจเลยค่ะว่าสมัยสาว ๆ คงจะทำเรื่องพรรค์นั้นมาเยอะ ถึงได้เข้าใจความหมายอะไรทำนองนั้นดีกว่าฉันเป็นไหน ๆ!”
หญิงวัยกลางคนไม่ทันได้ตอบสนองในตอนแรก
แต่หลังจากที่เธอเข้าใจความหมายกลับโมโหจนตัวสั่น “นังบ้า อย่ามาใส่ร้ายฉันนะ ฉันขอบอกไว้เลยนะถ้าวันนี้ลูกชายหล่อนไม่คุกเข่าขอโทษเซี่ยงฮั่นเจียก็อย่าหวังว่าลูกชายจะได้เรียนที่นี่ต่อ!”