ตอนที่ 17 เธอมีปัญหาอะไร
ตอนที่ 17
เธอมีปัญหาอะไร
หลังจากลงมาจากลิฟต์ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงไม่สามารถต้านทานและถูกบีบบังคับให้เข้าไปในรถ
ดวงตาของเธอกำลังลุกโชนดั่งไฟโลกันตร์ขณะจ้องมองชายหนุ่มเดินอ้อมไปยังที่นั่งคนขับ แก้มสวยแดงแปร๊ดด้วยความโกรธจัด หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงตามความผันผวนของอารมณ์
มู่อวี้เฉิงมองเห็นท่าทางโกรธเคืองของเธอแต่กลับเพิกเฉย
เขาขึ้นรถ ปิดประตูและสตาร์ทรถออกไป
เขาขับรถออกจากโรงจอดรถใต้ดินและพูดอย่างใจเย็นว่า “พักอยู่ที่ไหน”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขบฟันกรามและบอกที่อยู่คอนโด
มู่อวี้เฉิงเหลือบมองเธอและหักพวงมาลัยหมุนรถกลับ
รถยนต์เคลื่อนตัวไปบนท้องถนนอย่างราบรื่น
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวทำหน้าตาบูดบึ้งและหันออกไปมองข้างนอกหน้าต่าง
ทั้งสองเงียบไปตลอดทาง
ไม่นานนักรถยนต์ก็เคลื่อนตัวมาจอดอยู่ใต้คอนโดมีเนียม
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสงบลงเมื่อเห็นสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย
เสียงทุ้มของมู่อวี้เฉิงดังลอดเข้ามาในหู “ถึงแล้ว”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเปิดประตูลงจากรถด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ ลงไปยืนอยู่ข้างรถยนต์และพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ขอบคุณคุณมู่ที่มาส่งฉันนะคะ เชิญคุณมู่กลับได้เลยค่ะ”
เธอพูดจบ หันหลังและเดินจากไป
มู่อวี้เฉิงที่นั่งอยู่ในรถยนต์มองดูร่างของเธอค่อย ๆ เดินจากไปด้วยสีหน้ามืดหม่นคลุมเครือ
...
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับมาถึงบ้านเกือบจะตีสี่แล้ว
เสี่ยวเป่ากับกู้ชิงเข้านอนกันเรียบร้อย
ภายในบ้านเงียบสงบมาก
เธอเดินไฟในห้องนั่งเล่นโดยคิดว่าจะเข้าไปดูเสี่ยวเป่าก่อนแล้วจึงค่อยเข้าไปอาบน้ำพักผ่อน
แต่หลังจากก้าวเข้าไปได้สองก้าว ประตูห้องนอนก็ถูกเปิดจากทางด้านใน
กู้ชิงเดินหาวออกมาจากห้องด้านใน น้ำเสียงของเธอแหบแห้งราวกับเพิ่งตื่นนอน “ผู้จัดการกลับมาแล้วเหรอคะ ทุกอย่างเรียบร้อยหรือเปล่า?”
“เรียบร้อยดี”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพยักหน้าและขอบคุณ “คืนนี้ขอบคุณมากนะ นอนต่ออีกสักหน่อยแล้วพรุ่งนี้เช้าค่อยกลับก็ได้ค่ะ”
กู้ชิงไม่ได้ปฏิเสธและนอนพักผ่อนต่อ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรอให้กู้ชิงเข้าไปพักก่อนจึงเดินเข้าไปในห้องนอนของเสี่ยวเป่า
เธอค่อย ๆ เปิดประตูออก
ภายในห้องมีแสงไฟสลัวจากโคมไฟขนาดเล็กข้างเตียง
เสี่ยวเป่านอนฝันหวานขณะกอดผ้าห่มผืนเล็กอยู่บนเตียงไม้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเดินย่องเข้าไปและห่มผ้าห่มให้เสี่ยวเป่าอย่างระมัดระวัง
เธอมองดูใบหน้าที่อ่อนโยนของเสี่ยวเป่า มองดูเขาที่กำลังหลับใหลเหมือนกับเทวดาจนอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลงไปจูบ
เสี่ยวเป่าส่งเสียงพึมพำจากอาการสะลึมสะลือ “หม่ามี้ เสี่ยวเป่ารักหม่ามี้”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวคิดว่าตัวเองเผลอปลุกลูกน้อย แต่เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นกลับพบว่าเขากำลังละเมออยู่
เธอหัวเราะแต่กลับรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ
เธอก้มลงจูบเสี่ยวเป่าอีกครั้งและลุกขึ้นไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
หลังจากอาบน้ำเสร็จเธอกลับมาเอนตัวลงนอนข้าง ๆ เสี่ยวเป่า
...
เช้าวันรุ่งขึ้นเสี่ยวเป่าตื่นขึ้นมาด้วยอาการสะลึมสะลือ และยังคงสับสนอยู่
เขาเอาหน้าถูหมอนและคิดว่าจะนอนต่ออีกสักพัก แต่เสียงของแม่กลับดังก้องอยู่ในหู “ตื่นแล้วก็ลุกขึ้นไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟัน”
“หม่ามี้~”
จู่ ๆ เสี่ยวเป่าก็ได้สติและหันหน้าไปมองด้วยความประหลาดใจ เขามีความสุขมากที่เห็นแม่นอนอยู่ข้าง ๆ
เขายกวงแขนและขาโอบกอดรัดตัวแม่ ก่อนจะดันตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของแม่อย่างร่าเริง “หม่ามี้กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่? เมื่อคืนทำงานเหนื่อยหรือเปล่า?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกอดเจ้าตัวเล็กในอ้อมแขนและยิ้มตอบ “กลับมาเมื่อคืน ไม่เหนื่อยหรอกจ้ะ”
เธอพูดและตบก้นเร่งเร้าเสี่ยวเป่าเบา ๆ “เอาล่ะ ลูกก็ลุกขึ้นสักที”
“อยากให้หม่ามี้อุ้ม” เสี่ยวเป่าออดอ้อน
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่ปฏิเสธ
เธออุ้มเขาลุกขึ้นมาจากเตียงและพาเขาไปอาบน้ำ
ขณะที่แม่ลูกออกมาจากห้อง กู้ชิงกำลังช่วยเตรียมอาหารเช้าอยู่ในห้องครัว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขอบคุณเธอขณะมองดูอาหารเช้ามากมายบนโต๊ะอาหาร “ขอโทษด้วยนะคะ พอดีฉันตื่นสายต้องรบกวนคุณมาทำอาหารเช้าให้”
“ไม่เป็นไรค่ะ แค่เรื่องเล็กน้อย”
กู้ชิงวางชามกับตะเกียบลงอย่างไม่ใส่ใจนักและถามว่า “ผู้จัดการ เมื่อคืนกลับมาดึกมาเลย ทำไมไม่นอนต่ออีกสักหน่อยล่ะคะ”
“นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็พอค่ะ ฉันไม่นอนเยอะนักหรอก”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพาเสี่ยวเป่าเข้าไปนั่งลงและบอกว่า “กู้ชิงไม่ต้องทำอะไรแล้ว มานั่งลงกินข้าว”
“ค่ะ” กู้ชิงพยักหน้าและนั่งลงกินข้าวด้วยกัน
ระหว่างกินอาหารเช้าถงเหมี่ยวเหมี่ยวถามขึ้นว่า “เมื่อวานเสี่ยวเป่ารบกวนอะไรคุณหรือเปล่า?”
กู้ชิงพูดชม “ไม่เคยค่ะ เสี่ยวเป่าเก่งมาก ไม่ร้องไห้สร้างปัญหา มีไหวพริบฉลาดมากเลยค่ะ”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะเข้ากันไม่ได้มากนัก แต่กู้ชิงกลับชื่นชอบเสี่ยวเป่ามาก
เธอไม่เคยเห็นเด็กที่ประพฤติเรียบร้อยและมีเหตุผลเท่านี้มาก่อน
ขณะเดียวกันเสี่ยวเป่าเงยหน้าขึ้นและพูดออดอ้อนว่า “หม่ามี้ ผมเชื่อฟังคุณป้าฮะ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูเสี่ยวเป่าที่กำลังรอคอยคำชมด้วยหัวใจที่อ่อนยวบลง
เธอยิ้มและเอื้อมมือออกไปลูบผมชี้โด่ชี้เด่ของเสี่ยวเป่า “จ้า เสี่ยวเป่าของเราเก่งที่สุด เดี๋ยวเย็นนี้แม่ทำปลาผัดซอสเปรี้ยวหวานให้กินดีมั้ย”
“ดี!” เสี่ยวเป่าพยักหน้าและกินข้าวต่ออย่างมีความสุข
หลังจากอาหารเช้า ถงเหมี่ยวเหมี่ยวพาเสี่ยวเป่าไปส่งที่โรงเรียนอนุบาลและพากู้ชิงมาที่บริษัท
หลังจากเข้ามาในบริษัทแล้วถงเหมี่ยวเหมี่ยวเข้าสู่กระบวนการทำงานทันที
เธอพยักหน้าตอบรับคำทักทายจากพนักงานที่อยู่รอบตัว และสั่งการว่า “กู้ชิงช่วยไปติดตามดูโปรแกรมของมู่กรุ๊ปในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาให้หน่อย ถ้าเกิดมีปัญหาอะไรอีกก็แจ้งรายงานมาได้เลย เราต้องทำบริการหลังการขายให้ดี”
กู้ชิงพยักหน้าตอบรับว่าเข้าใจ
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกดปุ่มลิฟต์ เดินเข้าไปในลิฟต์และถามต่อว่า “แล้วแผนกวางแผนมีความคืบหน้ายังไงบ้าง?”
“หลังจากตรวจดูแล้วทุกอย่างราบรื่นดีค่ะ ทุกคนคิดในทางบวกกันมากขึ้น แต่ผลลัพธ์ยังไม่ทราบแน่ชัด” กู้ชิงรายงานตามความเป็นจริง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขมวดคิ้ว “ไปเร่งคนในแผนกวางแผนให้ทำงานกันให้เร็วกว่านี้ เราเหลือเวลาไม่มากแล้วนะ”
“ค่ะ” กู้ชิงพยักหน้าอีกครั้ง
สองนาทีต่อมาลิฟต์ก็จอดสนิท
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขอให้กู้ชิงไปจัดการงานที่ได้รับมอบหมาย ส่วนเธอเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน
เธอนั่งลงบนเก้าอี้มองดูเอกสารกองหนึ่งที่รอให้เธอจัดการอยู่
เธอหยิบปากกาขึ้นมาและทำเครื่องหมายทีละแผ่น
บรรยากาศในห้องทำงานเงียบสงบมาก มีเพียงเสียงเดียวที่ดังขึ้นน่าจะเป็นเสียงปลายปากกาขูดกระดาษและเสียงพลิกหน้ากระดาษ
จนกระทั่งถึงเวลาสิบเอ็ดโมง จู่ ๆ ประตูห้องทำงานก็ถูกผลักออกจากทางด้านนอก
หญิงสาวแต่งกายเซ็กซี่คนหนึ่งเดินเข้ามาข้างในด้วยท่าทางดุดัน ตามมาด้วยเซ่าหมิงเวยที่กำลังมีท่าทางปวดหัว
ทันทีที่หญิงสาวคนนั้นเธอเข้ามา หล่อนเดินตรงมาที่โต๊ะและพูดกระชากเสียงว่า “เธอเป็นผู้จัดการคนใหม่เหรอ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูหญิงสาวตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า
หญิงสาวคนนี้ดูอายุยังไม่ถึงสามสิบปี หล่อนสวมชุดสูททางการเว้าคอลึกอวดหุ่นสรีระที่สมบูรณ์แบบ
ใบหน้าแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางหนาเตอะ แผ่รังสีความไม่เป็นมิตรออกมา ท่าทางเต็มไปด้วยความก้าวร้าว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเลิกคิ้วเล็กน้อย เอนกายพิงเบาะหลัง เอามือกอดอกและพูดว่า “ทำไม เธอมีปัญหาอะไรงั้นเหรอ? แล้วเธอล่ะเป็นใคร?”
ดวงตาของทั้งสองคนปะทะกันกลางอากาศจนเกิดเปลวไฟวูบวาบที่ดวงตาเปล่าไม่สามารถมองเห็นได้
เซ่าหมิงเวยรู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่ชอบมาพากลจึงก้าวเข้าไปข้างหน้า “ผู้จัดการครับ นี่คือหัวหน้าฉินลู่”