ตอนที่ 16 แต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่
ตอนที่ 16
แต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่
มู่อวี้เฉิงเหล่ตามองหญิงสาวที่ก้มหน้าก้มตาทำงานอีกครั้ง
จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่าตัวเองไม่เข้าใจผู้หญิงคนนี้เอาซะเลย
แต่ก่อนเขารู้สึกว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวน่าเบื่อและจืดชืด ทำให้เขาไม่ได้สนใจอะไรเธอ แต่ตอนนี้เขากลับรู้สึกว่าตัวเองยังรู้จักเธอได้ไม่ดีพอ
คราวเมื่อได้เจอหน้ากันอีกครั้ง ความเข้มแข็งและเฉยเมยของผู้หญิงคนนี้ทำให้เขารู้สึกสนเธอขึ้นมา
เขามองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยสายตาลึกซึ้ง จากนั้นจึงหันกลับมาสะสางงานที่ทำค้างเอาไว้
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่อยู่อีกด้านหนึ่งรู้สึกโล่งใจเมื่อสังเกตเห็นว่าสายตาคู่นั้นไม่ได้จับจ้องมาที่เธออีกต่อไป
เธอมองดูหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่มีโค้ดเรียงรายอยู่ และพยายามบีบบังคับให้ตัวเองสงบสติอารมณ์ลง
ต่อมา ลู่หลิงกลับมาพร้อมกับอาหารเย็น
เขาวางกล่องอาหารลง
จากนั้นทั่วทั้งห้องทำงานก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมของอาหาร
“ท่านประธานเชิญมาทานก่อนสิครับ”
ลู่หมิงวางกล่องข้าวลงและพูดบอกเบา ๆ
มู่อวี้เฉิงพยักหน้าและโบกมือให้เขาออกไป
รอจนกระทั่งลู่หมิงกลับออกไป เขาเงยหน้ามองถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่ยังคงจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์และพูดเบา ๆ ว่า “คุณถง มากินข้าวก่อนสิครับเดี๋ยวค่อยกลับไปทำงานต่อ”
เดิมทีถงเหมี่ยวเหมี่ยวต้องการจะปฏิเสธ แต่กลิ่นหอมในอากาศกลับทำให้เธอรู้สึกหิวมาก
เธอมองดูกองอาหารมากมายบนโต๊ะที่ดูน่าอร่อยและส่งกลิ่นหอม
จนเธอไม่กล้าพูดปฏิเสธออกไป
“ขอบคุณค่ะ” เธอพูดขอบคุณด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง จากนั้นจึงเริ่มขยับตัวไปนั่งกินอาหารบนโซฟาข้างมู่อวี้เฉิง
ทั้งสองนั่งกินกันเงียบ ๆ
มู่อวี้เฉิงคอยแอบมองถงเหมี่ยวเหมี่ยวก้มหน้ากินอาหารเงียบ ๆ
จากนั้นเขาก็ถามขึ้นว่า “แต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกใจและตอบกลับว่า “แล้วเกี่ยวอะไรกับคุณคะ?”
มู่อวี้เฉิงพูดตอบ “ถึงมันจะไม่เกี่ยวอะไรกับผม แต่อย่างน้อยคุณก็คือคู่หมั้นของผมในนาม และผมยังไม่ได้ถอนหมั้น”
“ของแบบนี้ คุณใช้อำนาจทำมันให้เป็นเรื่องโมฆะก็ได้นี่คะ แล้วอีกอย่างคุณไม่ใช่คนที่จะมาใส่ใจเรื่องพรรค์นี้สักหน่อย ใช่มั้ยล่ะคะ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเยาะเย้ย ดวงตาที่แยกถูกผิดดีชั่วเต็มไปด้วยความเสียดสี
ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าไม่เคยตระหนักถึงการหมั้นหมายกับเธออย่างจริงจังเลยด้วยซ้ำ
ไม่อย่างนั้นเมื่อหลายปีก่อนเขาจะเมินเฉยต่อเธอเหรอ?
แถมยังมีหน้าส่งคนรักให้มาขับไล่เธอออกไปอีก!
มู่อวี้เฉิงยังไม่รู้เรื่องนี้
เขารู้สึกเพียงแต่ว่าคำพูดของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเต็มไปด้วยหนามทิ่มแทง และไม่ชอบทัศนคติของเธอที่มีต่อการแต่งงาน
เขาจึงพูดขึ้นว่า “ดูเหมือนว่าคุณจะไม่พอใจมาก แล้วทำไมตอนนั้นคุณไม่โทษที่ผมปล่อยปละละเลยคุณเลยล่ะ?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเยาะเย้ยอีกครั้ง “คุณนี่คิดมากจังเลยนะคะ ฉันกับคุณไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้ว มามัวพูดถึงความไม่พอใจอยู่ทำไม? อย่างมากตอนนี้เราก็เป็นแค่คู่ค้าที่ต้องร่วมมือกัน อีกอย่างคุณเองก็มีครอบครัวแล้ว คิดว่าคำถามพวกนี้มันเหมาะสมแล้วเหรอคะ?”
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว
เขามีครอบครัวแล้วเหรอ?
เกิดเรื่องอะไรขึ้น ทำไมเขาถึงไม่รู้เรื่องอะไรเลย?
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่รู้ว่ามู่อวี้เฉิงกำลังคิดอะไรอยู่ในใจ
เธอเหลือบมองเขาและพูดต่อว่า “งานหมั้นที่เกิดขึ้นในตอนนั้นมันไม่ใช่เพราะคุณกับฉัน เลิกรากันไปก็ดี ต่อจากนี้ไปคุณไปใช้เวลากับภรรยาและลูกเถอะค่ะ และนอกจากเรื่องงานแล้วเราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก”
หลังจากพูดจบเธอวางชามกับตะเกียบลงและบอกว่าอิ่มแล้ว จากนั้นจึงลุกกลับไปทำงานต่อ
มู่อวี้เฉิงหันไปมองเธอที่กำลังตั้งหน้าตั้งตาทำงาน และนั่งอยู่ที่เดิมด้วยความงุนงง
ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจที่ผู้หญิงคนนี้พูดสักนิด
ภรรยากับลูกคนไหน?
เธอกำลังพูดถึงเรื่องอะไรอยู่?
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่นั่งอยู่บนโต๊ะสังเกตเห็นสายตาที่จ้องมองมาที่เธอ
ทว่าเธอกลับไม่ได้สนใจว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่
เพียงแต่ภายในใจของเธอเก็บงำความแค้นที่มีต่อเขาเอาไว้
หลายปีที่ผ่านมาการอุ้มท้องเสี่ยวเป่าไปอยู่ต่างประเทศเพียงลำพังมันไม่ใช่เรื่องง่ายสักนิด
การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวมันทำให้เธอทุกข์ทรมานมาก
หลายครั้งที่เธอแทบจะทนไม่ไหว
วันเวลาเหล่านั้นมันช่างมืดหม่นจริง ๆ
หลายครั้งที่เธอรู้สึกเกลียดชังความโหดเหี้ยมของผู้ชายคนนี้
เกลียดมากแต่ชีวิตก็ยังต้องดำเนินต่อไป
ยิ่งไปกว่านั้นหากไม่ใช่เพราะเรื่องงาน ชาตินี้เธอคงจะไม่มีวันมาเจอหน้าเขาอีก
บรรยากาศภายในห้องทำงานเงียบสงัดมาก มีเพียงเสียงเคาะแป้นพิมพ์ของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเป็นครั้งคราว
มู่อวี้เฉิงยังคงสะสางที่ทำค้างไว้อยู่บนโซฟา
บรรยากาศแปลก ๆ ลอยตัวอยู่กลางอากาศ
เวลายังคงเดินต่อไปแต่ละวินาที
ท้องฟ้าด้านนอกเริ่มมืดสนิท
ในที่สุดคอมพิวเตอร์ที่อยู่ตรงหน้าถงเหมี่ยวเหมี่ยวก็แสดงกล่องพรอมต์*(1)ขึ้นมาในช่วงเวลาประมาณตีสามกว่า
*(1) พรอมต์ คือ ระบบปฏิบัติการในโปรแกรมวินโดว์ที่เปรียบเสมือนล่ามคำสั่ง สามารถใช้สั่งการทำงานทุกอย่างที่ต้องการ
เธอทำการเชื่อมต่ออีกสองสามครั้งจนกระทั่งเห็นว่าไม่มีปัญหาอะไรจึงเงยหน้าขึ้นเตรียมจะเรียกหามู่อวี้เฉิง
แต่เธอกลับพบว่ามู่อวี้เฉิงกำลังนั่งกอดอกเอนกายพิงโซฟาราวกับเขาผล็อยหลับไป
ดวงตาของเขาปิดสนิทภายใต้แสงไฟสว่างจ้า ขนตา เรียวหนาปัดลงราวกับขนแปรงซี่เล็ก
สีหน้าของเขาดูเย็นชาน้อยลงกว่าตอนตื่นและดูไม่เป็นอันตรายอะไร
นี่คือด้านที่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่เคยเห็นมาก่อน
จนเธออดไม่ได้ที่จะจ้องมองเขา
ขณะที่เธอกำลังลังเลว่าจะปลุกเขาดีหรือไม่ จู่ ๆ คนที่ควรจะหลับอยู่ก็ลืมตาขึ้นมาจนเห็นดวงตาชัดใสแจ๋ว
มู่อวี้เฉิงมองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวและถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “มีอะไร?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรีบหันหน้าไปมองทางอื่น
เธอระงับความรู้สึกแปลกประหลาดใจและอาการร้อนตัว พยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติว่า “ระบบเชื่อมต่อสำเร็จแล้ว คุณจะมาดูมั้ย?”
มู่อวี้เฉิงไม่ได้ปฏิเสธอะไร
เขาลุกขึ้นและก้าวขาเรียวยาวเดินตรงเข้าไปหา ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
ขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้กลิ่นอำพันทะเลจาง ๆ ที่ลอยออกมาจากร่างกายของเขาอีกครั้ง
รวมถึงความรู้สึกกดขี่ที่ตามมา
จู่ ๆ เธอก็รู้สึกเสียใจกับคำพูดที่เธอเพิ่งพูดออกไป
แต่ตอนนี้เสียใจไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรเพราะเขามายืนอยู่ข้างหลังเธอแล้ว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสูดลมหายใจเข้าลึกและพยายามจดจ่อไปที่งานตรงหน้า
เธอวางมือลงบนแป้นพิมพ์อีกครั้งและพูดตามหน้าที่ว่า “ตอนนี้ตัวโปรแกรมเชื่อมต่ออุปกรณ์ภายในของทางบริษัทคุณแล้วแต่ยังมีการอัปเดตอยู่ คุณบอกให้ทีมวิศวกรของคุณมาดูแลต่อก็ได้ค่ะ”
เธอลุกออกจากเก้าอี้ หยิบโทรศัพท์มือถือกับเสื้อคลุมและบอกว่า “ฉันเสร็จธุระแล้ว ขอตัวกลับก่อนนะคะ”
มู่อวี้เฉิงมองดูท้องฟ้าด้านนอกและพูดว่า “ดึกแล้ว เดี๋ยวผมจะให้คนไปส่ง”
“ไม่ต้องค่ะ ฉันกลับเองได้”
น้ำเสียงที่ไม่แยแสและห่างเหินดังออกมาจากฝั่ง ถงเหมี่ยวเหมี่ยว
มู่อวี้เฉิงขมวดคิ้วขณะลุกขึ้นยืน
เขาไม่ชอบทัศนคติของถงเหมี่ยวเหมี่ยวตอนนี้เอาเสียเลย
เขาเห็นว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวกำลังจะเดินออกไปจึงรีบคว้าข้อมือเธอขึ้นมาและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ในเมื่อคุณไม่อยากให้คนอื่นไปส่ง งั้นผมก็จะไปส่งคุณเอง”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตกใจจนรีบร้องตะโกน “มู่อวี้เฉิงปล่อยฉันนะ!”
เธอดิ้นรนพยายามดึงข้อมือออกจากมือของมู่อวี้เฉิง
ทว่ามือของผู้ชายคนนี้กลับแข็งแกร่งเหนียวแน่นเป็นพิเศษ
เธอถูกบังคับให้ออกจากห้องทำงานและเข้าไปในลิฟต์
“มู่อวี้เฉิง คุณไม่เข้าใจที่ฉันพูดหรือไง? ฉันบอกว่าฉันไม่ต้องการให้คุณไปส่งฉัน ปล่อย!”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหงุดหงิดและจ้องมองเขาด้วยสายตาโกรธเคือง
มู่อวี้เฉิงเม้มริมฝีปากบาง สีหน้าดูไม่น่ามองนัก
เขารู้สึกว่าผู้หญิงตรงหน้ามีหนามทิ่มแทงอยู่ทั้งตัว
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้หนามพวกนั้นมุ่งเป้าหมายมาทางเขา มันทำให้เขารู้สึกร้อนรนอย่างอธิบายไม่ถูก