ตอนที่แล้วตอนที่ 14 คุณทำได้ไหม
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16 แต่งงานตั้งแต่เมื่อไหร่

ตอนที่ 15 อยู่ให้ห่างจากฉัน


ตอนที่ 15

อยู่ให้ห่างจากฉัน

ทันทีที่คำพูดดังกล่าวสิ้นสุดจบ ช่างเทคนิคที่ยืนอยู่ด้านข้างก็เริ่มเหงื่อตก

เขาเป็นวิศวกรแนวหน้าของมู่กรุ๊ปแต่กลับจัดการงานได้ไม่เหมาะสมจนโปรแกรมเกิดปัญหาตามมา

ตอนนี้ปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข แถมผู้หญิงยังต้องเข้ามารับผลที่ตามมาจากการกระทำของเขาอีก

กลัวว่าหลังจากนี้หน้าที่การงานของเขาจะไม่มั่นคงอีกต่อไป!

เขาคิดถึงเรื่องนี้และเหล่ตามองท่านประธาน ก่อนจะรีบพูดขอโทษขอโพย “ท่านประธาน ผมทำผิดพลาดจนเกิดความสูญเสีย ผมขอน้อมรับบทลงโทษของทางบริษัททุกประการครับ”

“ไม่เป็นไร นายยังไม่คุ้นเคยกับขั้นตอนนี้ดี                    ความผิดพลาดถือว่าเป็นเรื่องปกติ”

มู่อวี้เฉิงไม่ได้ละสายตาไปจากหน้าจอคอมพิวเตอร์

เขาเฝ้าดูการทำงานของถงเหมี่ยวเหมี่ยวเงียบ ๆ และเห็นว่าขั้นต่อการดำเนินการค่อนข้างยุ่งยาก หากใครยังไม่คุ้นเคยกับขั้นตอนดังกล่าวจะต้องเกิดข้อผิดพลาดตามมาอย่างแน่นอน

ช่างเทคนิครู้สึกโล่งใจที่ท่านประธานไม่ได้ไล่กวดข้อผิดพลาดของเขา

มู่อวี้เฉิงเมินเขา มองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยสายตาเย็นชาและถามว่า “คืนนี้คุณอยู่จัดการได้มั้ย?”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวลังเลอยู่ครู่หนึ่ง

เพราะสุดท้ายแล้วลูกชายเธอยังอยู่ที่บ้าน

เธอกังวลที่จะต้องทิ้งเสี่ยวเป่าไว้ที่บ้านเพียงลำพัง

แต่ถ้าจากไปตอนนี้ก็จะเป็นละทิ้งหน้าที่เช่นกัน

เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งและบอกว่า “ฉันขอออกไปโทรศัพท์ก่อนนะคะ”

เธอลุกขึ้นยืนเดินเลยมู่อวี้เฉิงและออกจากห้องทำงานไป

มู่อวี้เฉิงเลิกคิ้วขณะมองดูเธอเดินออกไป

จะโทรไปรายงานใครงั้นหรือ?

เด็กชายที่รับสายโทรศัพท์เมื่อครั้งล่าสุดที่เขาโทรไปหา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวแวบเข้ามาในหัวทันที

โทรหาลูกเหรอ? หรือว่าโทรหาพ่อของลูกกันแน่?

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่รู้ว่ามู่อวี้เฉิงกำลังคิดอะไรอยู่

เธอเดินถือโทรศัพท์ออกมาข้างนอกและกดโทรหากู้ชิง   “กู้ชิง คืนนี้ฉันรบกวนคุณไปดูแลลูกที่บ้านให้หน่อยได้มั้ย พอดีตัวเทคโนโลยีที่ทางเราส่งมอบให้มู่กรุ๊ปมีปัญหานิดหน่อย ฉันต้องอยู่จัดการปัญหาที่นี่ก่อน”

กู้ชิงไม่ปฏิเสธ

หลังจากวางสายแล้ว ถงเหมี่ยวเหมี่ยวโทรศัพท์หา      เสี่ยวเป่าอีกครั้ง

“หม่ามี้~”

“เสี่ยวเป่า เดี๋ยวอีกสักพักคุณป้ากู้ชิงที่เป็นผู้ช่วยแม่จะแวะไปดูแลหนูที่บ้าน อย่าลืมเปิดประตูบ้านให้คุณป้ากู้ชิงด้วยล่ะ”

“แล้วหม่ามี้ล่ะ?”

“หม่ามี้ยังทำงานไม่เสร็จ คืนนี้คงจะกลับไปไม่ได้ หนูอยู่บ้านต้องเชื่อฟังคุณป้ากู้ชิงนะลูก รีบเข้านอนเร็ว ๆ ด้วยล่ะ เข้าใจมั้ย?”

“เข้าใจแล้ว หม่ามี้ก็พักผ่อนด้วยสิ อย่าทำงานหนักนัก”

เสี่ยวเป่าตอบรับอย่างเชื่อฟังจนทำให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกอบอุ่นหัวใจ

หลังจากวางสายแล้ว เธอเดินถือโทรศัพท์กลับเข้ามายังห้องทำงานและตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ

มู่อวี้เฉิงปล่อยให้ลู่หมิงยืนประกบอยู่ด้านหลังและไล่พวกช่างเทคนิคให้กลับไปพักผ่อนก่อน

จนกระทั่งตกดึกลู่หมิงถือกาแฟเข้ามาเสิร์ฟสองแก้ว และมอบอีกแก้วหนึ่งให้ถงเหมี่ยวเหมี่ยว

“ขอบคุณค่ะ” ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขอบคุณเขา

ลู่หมิงถามอีกครั้ง “คุณถงหิวหรือเปล่าครับ? อยากทานอะไรรองท้องสักหน่อยมั้ย?”

“ไม่เป็นไรค่ะ”

ทันทีที่พูดจบ เสียงทุ้มของมู่อวี้เฉิงก็ดังก้องอยู่ในห้องทำงาน “ไปซื้อของกลับมาที กินอะไรรองท้องหน่อยน่าจะดีกว่า”

“ครับ” ลู่หมิงตอบรับคำสั่งและเดินออกไป

บรรยากาศในห้องทำงานกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจดจ่ออยู่กับคอมพิวเตอร์และใช้นิ้วกดแป้นพิมพ์เป็นครั้งคราว

จู่ ๆ เธอก็รู้สึกว่าแสงไฟเหนือศีรษะหรี่ลงผิดปกติ

และได้ยินอำพันทะเลที่รู้จักเป็นอย่างดีแต่กลับไม่คุ้นเคย

เธอชะงักทันทีเมื่อปรายตามองและเห็นว่ามู่อวี้เฉิงยืนอยู่ข้างหลังเธอ

ถึงแม้ว่าระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสองจะไม่ได้ใกล้กันมากนัก แต่กลิ่นอายความเป็นตัวเขากลับชัดเจนมากและเต็มเปี่ยมไปด้วยความกดขี่ตามแบบฉบับของเขา

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกอึดอัดอยู่ครู่หนึ่ง

เธอเม้มปากและหันหน้ากลับไปดูว่า “คุณมู่ คุณไปทำธุระของคุณเถอะค่ะ ไม่ต้องมาเฝ้าหรอก คุณวางใจได้ ฉันจะจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย”

“ผมยืนอยู่ตรงนี้มันคงจะไม่ส่งผลกระทบอะไรกับคุณถงใช่มั้ย?”

มู่อวี้เฉิงมองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวจากตำแหน่งสูง มุมนี้ทำให้เขาสามารถสังเกตเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้ชัดเจน

ภายใต้แสงสว่างสีขาวนวลผู้หญิงคนนี้ไม่ได้แต่งหน้า แต่สีผิวของเธอกลับเหมือนหิมะที่สะท้อนแสงแดดยามเช้า

ผมลอนสีดำสยายอยู่เหนือหัวไหล่ ร่างกายส่งกลิ่นหอมจาง ๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าไม่ใช่เวลาทำงานหรือไม่ได้ใส่ชุดทำงาน

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวจึงไม่ได้ดูก้าวร้าวเหมือนปกติ ราวกับว่าเธอถอดชุดเกราะกำบังออกและกลายเป็นคนอ่อนโยนขึ้น

หัวใจของมู่อวี้เฉิงเต้นแรงอย่างอธิบายไม่ถูก ดูใจลอยเล็กน้อย

จู่ ๆ คนตรงหน้าก็คล้ายคลึงกับคนในความทรงจำของเขา

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่รู้ว่ามู่อวี้เฉิงกำลังคิดอะไรอยู่

เธอรู้สึกไม่สบายใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ที่ถูกเขาคนนี้จ้องมอง

โดยเฉพาะดวงตาสีหม่นของเขาที่ราวกับมักจะดึงดูดผู้คนเข้าไปข้างในอยู่เสมอ

เธอหันไปมองทางอื่น “คุณมัวมายืนอยู่อย่างนี้จะทำให้ฉันเสียสมาธิเปล่า ๆ”

มู่อวี้เฉิงยกยิ้มมุมปาก “โอ้? ผมนึกไม่ถึงว่าผมจะมีอิทธิพลต่อคุณถงขนาดนี้”

“...”

ดวงตาของถงเหมี่ยวเหมี่ยวฉายแววความรำคาญ

เธอจะพูดถึงความคิดที่อยู่ในใจออกไปได้อย่างไร?

เธอกระแอมเบา ๆ และแย้งว่า “คุณมู่เข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ฉันแค่ไม่ชินกับการที่มีคนอื่นมายืนอยู่ข้างหลังเวลาทำงาน มันคือนิสัยการทำงานของฉัน หวังว่าคุณมู่จะเข้าใจนะคะ”

มู่อวี้เฉิงไม่ได้พูดอะไร เขามองดูถงเหมี่ยวเหมี่ยวด้วยสายตาลึกซึ้งและโน้มตัวลง

“คุณจะทำอะไร?”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวสะดุ้งตัวโหยงจนแทบจะกระโดดออกจากเก้าอี้

มู่อวี้เฉิงมองดูสีหน้าตกใจของเธอ ยกเอกสารในมือขึ้นและพูดด้วยเสียงทุ้มลึกแกมหยอกล้อชวนน่าหลงใหล “แล้วคุณตงคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะครับ?”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูเอกสารตรงหน้าด้วยความรู้สึกอับอายจนแทบอยากสิ้นใจตาย

แก้มทั้งสองข้างกำลังร้อนผ่าว “เอ่อ... ฉันจะทำงาน     คุณมู่อย่าเข้ามาใกล้ฉันนักสิคะ คุณกำลังรบกวนสมาธิฉันอยู่!”

เธอเลิกสนใจมู่อวี้เฉิงและบังคับตัวเองให้หันกลับมาจดจ่อกับหน้าจอคอมพิวเตอร์

จนกระทั่งเธอตระหนักได้ว่าคนที่ยืนอยู่ทางด้านหลังได้จากไปแล้ว เธอจึงแอบถอนหายใจด้วยความรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

มู่อวี้เฉิงหยิบเอกสารแล้วเดินไปนั่งตรวจสอบที่โซฟา

บรรยากาศในห้องทำงานกลับมาเงียบสงบอีกครั้ง

หลังจากนั้นไม่นานถงเหมี่ยวเหมี่ยวละสายตาออกจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ และหันไปมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาซึ่งไม่ไกลจากเธอนัก

ทรวดทรงคมชัดที่อยู่ภายใต้แสงไฟดูสมบูรณ์แบบไม่มีข้อบกพร่องแม้แต่จุดเดียว

โดยเฉพาะท่าทางที่กำลังจดจ่ออยู่กับการทำงานดูหล่อเหลามีเสน่ห์จนใคร ๆ ก็ละสายตาออกไปไม่ได้

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวหวนนึกถึงภาพลักษณ์ของผู้ชายคนนี้เมื่อหลายปีก่อน

ในตอนนั้นเขานั่งจดจ่ออยู่กับหน้าที่การงานในห้องนั่งเล่นเช่นกัน

หากเป็นในตอนนั้นเธอคงจะเฝ้ามองเขาด้วยหัวใจที่สั่นระรัว

แต่พอเป็นตอนนี้...

จิตใจกลับสงบนิ่งนัก!

ขณะที่เธอกำลังจะละสายตาออก จู่ ๆ ชายคนที่กำลัง   จดจ่ออยู่กับงานก็เงยหน้าขึ้นมามองเธอ

สายตาทั้งสองคู่ประสานเข้าหากัน

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวชะงักเล็กน้อยจนทำอะไรไม่ถูก

ในขณะที่เสียงหัวเราะของเขาดังขึ้น “คุณถง ถ้าอยากจะมองผมก็มองมาตรง ๆ เลยสิครับ ผมไม่ใช่คนขี้งกสักหน่อย”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรู้สึกอับอายจนความร้อนแผ่ซ่านขึ้นมาบนแก้มของเธออีกครั้ง

มันน่าอับอายที่ถูกอีกฝ่ายจับได้ว่ากำลังแอบมองดูอยู่

เธอมองดูรอยยิ้มเยาะเย้ยของอีกฝ่ายและทำเป็นปากแข็งใส่ “คุณคิดมากไปหรือเปล่าคะ ฉันไม่ได้แอบมองคุณสักหน่อย ฉันก็แค่เหม่อลอยไปเรื่อย เอาล่ะ ฉันจะทำงานต่อแล้วค่ะ”

เธอพูดและไม่ได้สนใจท่าทีของมู่อวี้เฉิงอีกต่อไป เธอละสายตากลับ ดึงหน้าตึงดังเดิมและจดจ่ออยู่กับหน้าจอคอมพิวเตอร์

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด