ตอนที่แล้วตอนที่ 12 หม่ามี้อดเจอผู้ชายดี ๆ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 14 คุณทำได้ไหม

ตอนที่ 13  ถูกเกลียดชัง


ตอนที่ 13

ถูกเกลียดชัง

เซ่าหมิงเวยเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้จัดการและป่าวประกาศคำสั่งการของถงเหมี่ยวเหมี่ยว

เมื่อมีข่าวออกมาพนักงานเบื้องล่างยังคงบ่นพึมพำเหมือนเช่นเคย

พวกเขารู้สึกว่าผู้จัดการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่มักจะแสดงอิทธิพลก่อนที่จะแสดงความสามารถ และอดทนรอไม่ไหวที่จะไล่ออกคำสั่งทันทีที่มาถึง

การมีผู้นำเป็นคนทะเยอทะยานย่อมเป็นเรื่องดี แต่สุดท้ายความทุกข์ทรมานกลับตกมาอยู่ที่พวกเขา

พวกเขาต้องทำงานล่วงเวลาที่บริษัทเป็นเวลาสองวันติดต่อกันแล้ว

ทว่าตลอดสองวันที่ผ่านมา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับบ้านตรงเวลาและไม่เคยทำงานล่วงเวลาเลย

วันนี้พนักงานบริษัทต่างพากันจับกลุ่มนินทาอีกครั้งเมื่อเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวถือกระเป๋าออกจากมาห้องทำงานและเลิกงานตรงเวลา

“เธอดูสิ หล่อนเลิกงานตรงเวลาอีกแล้ว นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ สั่งให้พวกเราทำงานล่วงเวลา แต่ทีตัวเองกลับเลิกงานก่อนชาวบ้านเขา”

“นั่นน่ะสิ ไร้มนุษยธรรมซะจริง”

“พวกเรามาประท้วงกันมั้ย”

“ประท้วงเหรอ? ก็ได้นะ”

“ฉันว่าพวกเธอหยุดสร้างปัญหาดีกว่า ผู้จัดการคนใหม่ดูดื้อด้านเอาเรื่อง ถึงเวลาไปประท้วงแบบนั้นจะตกงานเอาเสียเปล่า ๆ”

“ตกงานก็ตกไปสิ ต้องมานั่งทำงานเส็งเคร็งล่วงเวลาแบบนี้ทุกวัน ใครอยากทำก็ทำไป”

ทุกคนระบายความในใจออกมาแล้วและกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ

สองวันต่อมา พนักงานเบื้องล่างยังคงพร่ำบ่นเหมือนเดิม

จนทำให้ข้อความแย่ ๆ แพร่กระจายไปทั่วทั้งบริษัท

เดิมทีถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังไม่รู้อะไร

จนกระทั่งวันหนึ่งเธอบังเอิญเดินผ่านห้องครัวส่วนกลางและได้ยินใครบางคนกำลังพูดเอ่ยถึงชื่อเธอ

“ถ้าให้ฉันพูดนะฉันก็อยากจะบอกว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่เหมาะที่จะเป็นผู้จัดการทั่วไปเลย พวกเราต้องมานั่งทำงานล่วงเวลาแบบนี้ แต่หล่อนกลับไม่ได้แสดงความเสียใจอะไรด้วยซ้ำ”

“ใช่ ไม่คิดด้วยซ้ำว่ามันกดดันพวกเราขนาดไหน บางทีงานของพวกเรามันก็ต้องมีข้อบกพร่องอยู่แล้วเป็นธรรมดา แต่กลับไม่ยอมหยวนแถมยังไปหักโบนัสอีก”

“นี่เธอกำลังพูดถึงเสี่ยวจางจากแผนกวางแผนอยู่หรือเปล่า?”

“ก็เขานั่นแหละ เห็นว่าถูกหักโบนัสไปตั้งครึ่งเดือนเลยนี่ ชายร่างใหญ่ต้องไปแอบร้องไห้อยู่ใต้บันไดจนฉันล่ะสงสารเลย ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าที่บ้านเสี่ยวจางมีทั้งคนแก่คนเด็ก ทั้งสองคนป่วยหนักจนพึ่งพาตัวเองไม่ได้ ทั้งครอบครัวต่างพึ่งพาเงินเดือนกับเงินโบนัสของเขา แต่เงินเดือนเขากลับถูกหักออกไปหนึ่งในสามส่วนแล้ว นี่มันไร้มนุษยธรรมมากเลยนะ”

“หล่อนคงไม่รู้หรอกว่าพวกเราต้องทุกข์ทรมานกันยังไงบ้าง รู้แบบนี้ให้หัวหน้าฝ่ายฉินลู่เข้านั่งตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ยังดีกว่าอีก”

“หัวหน้าฝ่ายฉินลู่เป็นคนดีมากจริง ๆ ฉันก็ชอบหัวหน้าฉินลู่มากกว่า”

“ตอนที่นังแม่มดยังไม่มาที่นี่ ฉันนึกว่าหัวหน้าฝ่ายฉินลู่จะได้ขึ้นเป็นผู้จัดการใหญ่ แต่นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะเข้ามาแทรก แถมยังมีนิสัยแบบนี้อีก มันน่ารำคาญจริง ๆ”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยืนอยู่ข้างนอกประตูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง และไม่มีทีท่าว่าจะเดินเข้าไปข้างใน

หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาเธอได้ยินกลุ่มคนข้างในเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาจึงเดินออกจากห้องครัวส่วนกลางไป

เธอเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน กดโทรศัพท์โทรออกสายในและเรียกให้กู้ชิงมาหา

“ผู้จัดการเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”

“ลงไปเรียกฝ่ายแผนการมาประชุม!”

“ค่ะ” กู้ชิงตอบรับคำสั่งและเดินออกไป

ภายในห้องประชุมกว้างขวางและมีชีวิตชีวา

พนักงานทุกคนจากแผนกวางแผนมาถึงที่หมายแล้ว แต่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังไม่มา

ทำให้พนักงานทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบกัน

“นังแม่มดเรียกเราประชุมจะให้พวกเราทำอะไรอีกล่ะ?”

“หวังว่าจะไม่เพิ่มภาระงานให้พวกเราอีกนะ ถ้าเกิดยังทำงานล่วงเวลาแบบนี้ต่อไปเกรงว่าพวกเราจะตายกันจริง ๆ”

“ถ้าจะให้ทำงานเพิ่มอีก ผมจะลาออกแล้วจริง ๆ”

“ฉันก็ด้วย”

ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันเสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังลอดออกมาจากด้านนอกประตู

ค่อย ๆ ใกล้เข้ามา

ภายในมีกี่วินาทีต่อมาถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่สวมรองเท้าส้นสูงกว่าสิบนิ้วก็เดินเข้ามา

เธออยู่ในชุดเครื่องแบบสูทสีเทา ดูเป็นปัญญาชนที่มีความสามารถแต่ใบหน้ากลับไร้ความรู้สึก

ผู้คนที่พากันกระซิบนินทาตกอยู่ในความเงียบสงบทันที

ห้องประชุมเงียบสงัดราวกับสายน้ำสงบนิ่ง

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเปรยตามองดูรอบ ๆ ราวกับราชินี แล้วจึงเดินหลังตรงไปยังโต๊ะประชุมที่อยู่เบื้องหน้า

เธอวางกองเอกสารในมือลง มองดูผู้คนด้วยสายตาเย็นชาและพูดเข้าประเด็นสำคัญ “ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้พวกคุณไม่พอใจกันมากที่ฉันขอให้พวกคุณทำงานล่วงเวลา ทำไม?           งานเล็ก ๆ แค่นี้ก็ทนไม่ไหวกันแล้วเหรอ? หรือพวกคุณรู้สึกว่าการทำงานพวกนี้กำลังล่วงล้ำเวลาส่วนตัวของพวกคุณอยู่?”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขึ้นเสียงในประโยคสุดท้าย

ใบหน้าเต็มไปด้วยความกดขี่

จนทุกคนไม่กล้าที่จะหายใจ

แน่นอนว่าใครบางคนที่รู้สึกไม่พอใจตอบโต้กลับอย่างกล้าหาญว่า “ผมทำงานล่วงเวลาจนถึงทุ่มสองทุ่มทุกวัน พอกลับบ้านไปแล้วก็ไม่มีเวลามาจัดการเรื่องส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ”

น้ำเสียงของเขาไม่ดังมากแต่เพียงพอที่จะทำให้             ถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้ยิน

เธอตวัดสายตามองคนที่เพิ่งพูดและพูดตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าเป็นในกรณีนี้พวกคุณก็ควรจะจดจ่อกับงานให้มาก ๆ และปรับปรุงงานให้มีประสิทธิภาพ ส่วนเหตุผลที่ฉันกลับบ้านตรงเวลาทุกวันเพราะฉันสะสางงานที่ควรจะทำเสร็จในเวลาทำงาน”

เธอพูดและหยุดชั่วคราวเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของพนักงานด้านล่าง

แต่เมื่อเห็นว่าพนักงานบางคนยังไม่พอใจ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง “ทำไม ยังไม่พอใจอีกเหรอ? ก็ได้ งั้นเรามาพูดถึงข้อเท็จจริงกัน”

พนักงานที่อยู่ด้านหน้าตกตะลึงและรู้สึกแย่ขึ้นมาทันใด

น้ำเสียงเย็นชาของถงเหมี่ยวเหมี่ยวดังก้องขึ้นในหูอีกครั้ง “ฉันให้พวกคุณทำงานล่วงเวลาแล้วฉันจ่ายค่าทำงานล่วงเวลาให้พวกคุณมั้ย ไม่ได้ให้คุณทำงานโดยเปล่าประโยชน์ซะหน่อย ยังมีหน้ามาบ่นกันอีก ตอนนี้ฉันจะเปิดโอกาสให้พวกคุณ ถ้าพวกคุณไม่อยากทำงานต่อก็เชิญลาออกกันไปซะ ฉันจะไม่บีบบังคับพวกคุณอีก!”

พนักงานทุกคนเงียบลงหลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว

พนักงานที่ไม่พอใจในตอนแรกนั่งก้มหน้าก้มตาพยายามทำราวกับว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่นี่

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตวัดสายตามองพนักงานทุกคน

จนพนักงานตกใจสีหน้าซีดเซียว

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรออยู่สองสามนาทีและเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร เธอจึงลดระดับน้ำเสียงลงและพูดต่อ “เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีใครอยากลาออกก็หัดทำตัวสงบเสงี่ยมแล้วไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ ฉันเป็นคนชัดเจน ถ้าทำงานไม่ดีก็ย่อมลงโทษวิพากษ์วิจารณ์เป็นธรรมดา แต่ถ้าทำงานออกมาดีผลตอบแทนที่ทางบริษัทจะมอบให้ก็ไม่ใช่น้อย ๆ ตอนนี้ฉันร้องขอเบื้องบนไปแล้วว่าถ้าใครทำผลงานออกมาดีปีนี้จะได้รับโบนัสเพิ่มอีกหนึ่งแสนหยวน!”

พนักงานทุกคนตกตะลึง บางคนถึงกับตาลุกวาวเมื่อได้ยินจำนวนเงิน!

จนกระทั่งพวกเขาเงียบลง ใครบางคนจ้องมองไปที่        ถงเหมี่ยวเหมี่ยวและถามอย่างตื่นเต้นว่า “ผู้จัดการ นี่เป็นเรื่องจริงเหรอครับ?”

“ก็จริงน่ะสิ นอกจากนี้ฉันจะควักเงินสองหมื่นหยวนจากกระเป๋าตัวเองใส่เพิ่มให้ด้วย!”

พนักงานทุกคนตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง

“ผู้จัดการสุดยอดมาก!”

“พอได้ยินผู้จัดการพูดแบบนี้ ฉันก็รู้เลยว่าการทำงานล่วงเวลาคือรักแท้ของฉัน”

“ใช่ โบนัสหนึ่งแสนหยวนเป็นแรงจูงใจชั้นเลิศ!”

ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูพนักงานด้วยสายตาเย็นชา เธอปรบมือด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเวลาจวนจะจบลง “ไหน ๆ ตอนนี้ทุกคนก็มีแรงบันดาลใจกันแล้วกลับไปทำงานต่อเถอะ ฉันหวังว่าจะได้เป็นแผนการที่น่าพึงพอใจเร็ว ๆ นี้!”

หลังจากนั้นการประชุมก็สิ้นสุดลง

ต้องบอกว่ากลยุทธ์ตบหัวและลูบหลังของ                          ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงเอาชนะใจผู้คนได้อยู่เสมอ และปราบปรามพนักงานในแผนกวางแผนได้สำเร็จ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด