ตอนที่ 13 ถูกเกลียดชัง
ตอนที่ 13
ถูกเกลียดชัง
เซ่าหมิงเวยเดินออกมาจากห้องทำงานของผู้จัดการและป่าวประกาศคำสั่งการของถงเหมี่ยวเหมี่ยว
เมื่อมีข่าวออกมาพนักงานเบื้องล่างยังคงบ่นพึมพำเหมือนเช่นเคย
พวกเขารู้สึกว่าผู้จัดการที่ได้รับการแต่งตั้งใหม่มักจะแสดงอิทธิพลก่อนที่จะแสดงความสามารถ และอดทนรอไม่ไหวที่จะไล่ออกคำสั่งทันทีที่มาถึง
การมีผู้นำเป็นคนทะเยอทะยานย่อมเป็นเรื่องดี แต่สุดท้ายความทุกข์ทรมานกลับตกมาอยู่ที่พวกเขา
พวกเขาต้องทำงานล่วงเวลาที่บริษัทเป็นเวลาสองวันติดต่อกันแล้ว
ทว่าตลอดสองวันที่ผ่านมา ถงเหมี่ยวเหมี่ยวกลับบ้านตรงเวลาและไม่เคยทำงานล่วงเวลาเลย
วันนี้พนักงานบริษัทต่างพากันจับกลุ่มนินทาอีกครั้งเมื่อเห็นถงเหมี่ยวเหมี่ยวถือกระเป๋าออกจากมาห้องทำงานและเลิกงานตรงเวลา
“เธอดูสิ หล่อนเลิกงานตรงเวลาอีกแล้ว นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ สั่งให้พวกเราทำงานล่วงเวลา แต่ทีตัวเองกลับเลิกงานก่อนชาวบ้านเขา”
“นั่นน่ะสิ ไร้มนุษยธรรมซะจริง”
“พวกเรามาประท้วงกันมั้ย”
“ประท้วงเหรอ? ก็ได้นะ”
“ฉันว่าพวกเธอหยุดสร้างปัญหาดีกว่า ผู้จัดการคนใหม่ดูดื้อด้านเอาเรื่อง ถึงเวลาไปประท้วงแบบนั้นจะตกงานเอาเสียเปล่า ๆ”
“ตกงานก็ตกไปสิ ต้องมานั่งทำงานเส็งเคร็งล่วงเวลาแบบนี้ทุกวัน ใครอยากทำก็ทำไป”
ทุกคนระบายความในใจออกมาแล้วและกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองต่อ
สองวันต่อมา พนักงานเบื้องล่างยังคงพร่ำบ่นเหมือนเดิม
จนทำให้ข้อความแย่ ๆ แพร่กระจายไปทั่วทั้งบริษัท
เดิมทีถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังไม่รู้อะไร
จนกระทั่งวันหนึ่งเธอบังเอิญเดินผ่านห้องครัวส่วนกลางและได้ยินใครบางคนกำลังพูดเอ่ยถึงชื่อเธอ
“ถ้าให้ฉันพูดนะฉันก็อยากจะบอกว่าถงเหมี่ยวเหมี่ยวไม่เหมาะที่จะเป็นผู้จัดการทั่วไปเลย พวกเราต้องมานั่งทำงานล่วงเวลาแบบนี้ แต่หล่อนกลับไม่ได้แสดงความเสียใจอะไรด้วยซ้ำ”
“ใช่ ไม่คิดด้วยซ้ำว่ามันกดดันพวกเราขนาดไหน บางทีงานของพวกเรามันก็ต้องมีข้อบกพร่องอยู่แล้วเป็นธรรมดา แต่กลับไม่ยอมหยวนแถมยังไปหักโบนัสอีก”
“นี่เธอกำลังพูดถึงเสี่ยวจางจากแผนกวางแผนอยู่หรือเปล่า?”
“ก็เขานั่นแหละ เห็นว่าถูกหักโบนัสไปตั้งครึ่งเดือนเลยนี่ ชายร่างใหญ่ต้องไปแอบร้องไห้อยู่ใต้บันไดจนฉันล่ะสงสารเลย ก็รู้ ๆ กันอยู่ว่าที่บ้านเสี่ยวจางมีทั้งคนแก่คนเด็ก ทั้งสองคนป่วยหนักจนพึ่งพาตัวเองไม่ได้ ทั้งครอบครัวต่างพึ่งพาเงินเดือนกับเงินโบนัสของเขา แต่เงินเดือนเขากลับถูกหักออกไปหนึ่งในสามส่วนแล้ว นี่มันไร้มนุษยธรรมมากเลยนะ”
“หล่อนคงไม่รู้หรอกว่าพวกเราต้องทุกข์ทรมานกันยังไงบ้าง รู้แบบนี้ให้หัวหน้าฝ่ายฉินลู่เข้านั่งตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ยังดีกว่าอีก”
“หัวหน้าฝ่ายฉินลู่เป็นคนดีมากจริง ๆ ฉันก็ชอบหัวหน้าฉินลู่มากกว่า”
“ตอนที่นังแม่มดยังไม่มาที่นี่ ฉันนึกว่าหัวหน้าฝ่ายฉินลู่จะได้ขึ้นเป็นผู้จัดการใหญ่ แต่นึกไม่ถึงว่าหล่อนจะเข้ามาแทรก แถมยังมีนิสัยแบบนี้อีก มันน่ารำคาญจริง ๆ”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยืนอยู่ข้างนอกประตูด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง และไม่มีทีท่าว่าจะเดินเข้าไปข้างใน
หลังจากนั้นไม่กี่วินาทีต่อมาเธอได้ยินกลุ่มคนข้างในเปลี่ยนหัวข้อบทสนทนาจึงเดินออกจากห้องครัวส่วนกลางไป
เธอเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน กดโทรศัพท์โทรออกสายในและเรียกให้กู้ชิงมาหา
“ผู้จัดการเกิดอะไรขึ้นเหรอคะ?”
“ลงไปเรียกฝ่ายแผนการมาประชุม!”
“ค่ะ” กู้ชิงตอบรับคำสั่งและเดินออกไป
ภายในห้องประชุมกว้างขวางและมีชีวิตชีวา
พนักงานทุกคนจากแผนกวางแผนมาถึงที่หมายแล้ว แต่ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังไม่มา
ทำให้พนักงานทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะกระซิบกระซาบกัน
“นังแม่มดเรียกเราประชุมจะให้พวกเราทำอะไรอีกล่ะ?”
“หวังว่าจะไม่เพิ่มภาระงานให้พวกเราอีกนะ ถ้าเกิดยังทำงานล่วงเวลาแบบนี้ต่อไปเกรงว่าพวกเราจะตายกันจริง ๆ”
“ถ้าจะให้ทำงานเพิ่มอีก ผมจะลาออกแล้วจริง ๆ”
“ฉันก็ด้วย”
ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันเสียงรองเท้าส้นสูงก็ดังลอดออกมาจากด้านนอกประตู
ค่อย ๆ ใกล้เข้ามา
ภายในมีกี่วินาทีต่อมาถงเหมี่ยวเหมี่ยวที่สวมรองเท้าส้นสูงกว่าสิบนิ้วก็เดินเข้ามา
เธออยู่ในชุดเครื่องแบบสูทสีเทา ดูเป็นปัญญาชนที่มีความสามารถแต่ใบหน้ากลับไร้ความรู้สึก
ผู้คนที่พากันกระซิบนินทาตกอยู่ในความเงียบสงบทันที
ห้องประชุมเงียบสงัดราวกับสายน้ำสงบนิ่ง
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวเปรยตามองดูรอบ ๆ ราวกับราชินี แล้วจึงเดินหลังตรงไปยังโต๊ะประชุมที่อยู่เบื้องหน้า
เธอวางกองเอกสารในมือลง มองดูผู้คนด้วยสายตาเย็นชาและพูดเข้าประเด็นสำคัญ “ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้พวกคุณไม่พอใจกันมากที่ฉันขอให้พวกคุณทำงานล่วงเวลา ทำไม? งานเล็ก ๆ แค่นี้ก็ทนไม่ไหวกันแล้วเหรอ? หรือพวกคุณรู้สึกว่าการทำงานพวกนี้กำลังล่วงล้ำเวลาส่วนตัวของพวกคุณอยู่?”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวขึ้นเสียงในประโยคสุดท้าย
ใบหน้าเต็มไปด้วยความกดขี่
จนทุกคนไม่กล้าที่จะหายใจ
แน่นอนว่าใครบางคนที่รู้สึกไม่พอใจตอบโต้กลับอย่างกล้าหาญว่า “ผมทำงานล่วงเวลาจนถึงทุ่มสองทุ่มทุกวัน พอกลับบ้านไปแล้วก็ไม่มีเวลามาจัดการเรื่องส่วนตัวเลยด้วยซ้ำ”
น้ำเสียงของเขาไม่ดังมากแต่เพียงพอที่จะทำให้ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวได้ยิน
เธอตวัดสายตามองคนที่เพิ่งพูดและพูดตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ถ้าเป็นในกรณีนี้พวกคุณก็ควรจะจดจ่อกับงานให้มาก ๆ และปรับปรุงงานให้มีประสิทธิภาพ ส่วนเหตุผลที่ฉันกลับบ้านตรงเวลาทุกวันเพราะฉันสะสางงานที่ควรจะทำเสร็จในเวลาทำงาน”
เธอพูดและหยุดชั่วคราวเพื่อสังเกตปฏิกิริยาของพนักงานด้านล่าง
แต่เมื่อเห็นว่าพนักงานบางคนยังไม่พอใจ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะหรี่ตาลง “ทำไม ยังไม่พอใจอีกเหรอ? ก็ได้ งั้นเรามาพูดถึงข้อเท็จจริงกัน”
พนักงานที่อยู่ด้านหน้าตกตะลึงและรู้สึกแย่ขึ้นมาทันใด
น้ำเสียงเย็นชาของถงเหมี่ยวเหมี่ยวดังก้องขึ้นในหูอีกครั้ง “ฉันให้พวกคุณทำงานล่วงเวลาแล้วฉันจ่ายค่าทำงานล่วงเวลาให้พวกคุณมั้ย ไม่ได้ให้คุณทำงานโดยเปล่าประโยชน์ซะหน่อย ยังมีหน้ามาบ่นกันอีก ตอนนี้ฉันจะเปิดโอกาสให้พวกคุณ ถ้าพวกคุณไม่อยากทำงานต่อก็เชิญลาออกกันไปซะ ฉันจะไม่บีบบังคับพวกคุณอีก!”
พนักงานทุกคนเงียบลงหลังจากได้ยินประโยคดังกล่าว
พนักงานที่ไม่พอใจในตอนแรกนั่งก้มหน้าก้มตาพยายามทำราวกับว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่นี่
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวตวัดสายตามองพนักงานทุกคน
จนพนักงานตกใจสีหน้าซีดเซียว
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวรออยู่สองสามนาทีและเห็นว่าไม่มีใครพูดอะไร เธอจึงลดระดับน้ำเสียงลงและพูดต่อ “เอาล่ะ ในเมื่อไม่มีใครอยากลาออกก็หัดทำตัวสงบเสงี่ยมแล้วไปตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อ ฉันเป็นคนชัดเจน ถ้าทำงานไม่ดีก็ย่อมลงโทษวิพากษ์วิจารณ์เป็นธรรมดา แต่ถ้าทำงานออกมาดีผลตอบแทนที่ทางบริษัทจะมอบให้ก็ไม่ใช่น้อย ๆ ตอนนี้ฉันร้องขอเบื้องบนไปแล้วว่าถ้าใครทำผลงานออกมาดีปีนี้จะได้รับโบนัสเพิ่มอีกหนึ่งแสนหยวน!”
พนักงานทุกคนตกตะลึง บางคนถึงกับตาลุกวาวเมื่อได้ยินจำนวนเงิน!
จนกระทั่งพวกเขาเงียบลง ใครบางคนจ้องมองไปที่ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวและถามอย่างตื่นเต้นว่า “ผู้จัดการ นี่เป็นเรื่องจริงเหรอครับ?”
“ก็จริงน่ะสิ นอกจากนี้ฉันจะควักเงินสองหมื่นหยวนจากกระเป๋าตัวเองใส่เพิ่มให้ด้วย!”
พนักงานทุกคนตกอยู่ในความโกลาหลอีกครั้ง
“ผู้จัดการสุดยอดมาก!”
“พอได้ยินผู้จัดการพูดแบบนี้ ฉันก็รู้เลยว่าการทำงานล่วงเวลาคือรักแท้ของฉัน”
“ใช่ โบนัสหนึ่งแสนหยวนเป็นแรงจูงใจชั้นเลิศ!”
ถงเหมี่ยวเหมี่ยวมองดูพนักงานด้วยสายตาเย็นชา เธอปรบมือด้วยสีหน้าเคร่งขรึมอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเวลาจวนจะจบลง “ไหน ๆ ตอนนี้ทุกคนก็มีแรงบันดาลใจกันแล้วกลับไปทำงานต่อเถอะ ฉันหวังว่าจะได้เป็นแผนการที่น่าพึงพอใจเร็ว ๆ นี้!”
หลังจากนั้นการประชุมก็สิ้นสุดลง
ต้องบอกว่ากลยุทธ์ตบหัวและลูบหลังของ ถงเหมี่ยวเหมี่ยวยังคงเอาชนะใจผู้คนได้อยู่เสมอ และปราบปรามพนักงานในแผนกวางแผนได้สำเร็จ