ตอนที่ 118: ราวกับเทพเซียนเสด็จสู่โลกหล้า!
“กายาเสวียนเฟิง!” เซียวเฟยตื่นตะลึง!
ปรากฎว่าหลิงเอ๋อไม่ได้ป่วย แต่เกิดมาพร้อมกับกายาที่หายาก
หลินซวนเอ่ย“พรสวรรค์ทางร่างกายนี้ไม่สูงมาก ทว่าต้องมีความอดทนและมีใช้เวลายาวนานในการปลุก หากสามารถผ่านไปได้ ก็จะมีอายุขัยที่ไม่ธรรมดาเช่นกัน.”
“เพราะสิ่งที่เรียกว่า เป็นตายเก้าชีวิตนั้น ก็คือเส้นทางเพื่อก้าวสู่ความเป็นอมตะ.”
เซียวเฟย, มู่โหย่วชิง, จิงไห่ และคนอื่น ๆ พยักหน้าอย่างเงียบ ๆ
ตามที่คาดไว้ ตี้ฟู่มีองค์ความรุ้มากมายและลึกซึ้ง.
“แล้วหลิงเอ๋อจะตื่นได้อย่างไร” เซียวเฟยเอ่ยถามด้วยความกระตือรือร้น
หลินซวนเพิ่งเอ่ยว่าการนิพพานครั้งแรกของเซียวหลิงเอ๋อนั้นยากที่สุด.
นั่นก็หมายความว่ายังคงมีอันตรายและตัวแปรมากมาย.
ถ้านางไม่ประสบความสำเร็จในการนิพพาน เช่นนั้นก็หมายความว่านางอาจไม่ตื่นขึ้นมาอีกเลย.
ทว่าในเมื่อมีหลินซวนอยู่ด้วย เซียวเฟยมั่นใจว่าจะต้องมีวิธีช่วยเหลือหลิงเอ๋อได้อย่างแน่นอน.
หลินซวนเอ่ย“เจ้าต้องค้นหาเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์ ให้พบภายในเก้าสิบเก้าวัน และนำหัวใจของมันมาให้เซียวหลิงเอ๋อ ซึ่งจะช่วยให้นางประสบความสำเร็จในการนิพพานครั้งแรกอย่างแน่นอน!”
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เซียวเฟยก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก.
ตี้ฟู่มีหนทางจริง ๆ!
“ขอบพระทัย ตี้ฟู่!” เซียวเฟยกำหมัดด้วยความตื่นเต้นขณะหันหน้าไปมองเซียวหลิงเอ๋อ "หลิงเอ๋อ แม้ว่าพี่ชายจะต้องค้นหาไปทั่วดินแดนอมตะเก้าสวรรค์ ก็ต้องช่วยเจ้าจับเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์มาให้เจ้าให้ได้!"
แน่นอนว่าเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์นั้นเป็นสัตว์ที่หายากมาก.
พวกมันชอบซ่อนตัวอยู่ในภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นอยู่ โดยมีลาวาหลอมเหลวที่ร้อนจัดซึ่งยากต่อการดักจับ
อย่างไรก็ตาม เพื่อเห็นแก่เซียวหลิงเอ๋อ เซียวเฟยก็ตัดสินใจอย่างหนักแน่น.
ในเวลาเดียวกันนั้น นายพลคนหนึ่งที่รีบก้าวเข้ามา.
“ฝ่าบาท ภูเขาไฟนอกเมืองกวางหยางปะทุขึ้นอย่างกะทันหัน และลาวาก็ไหลออกมายาวหลายพันลี้ ซึ่งเป็นอันตรายต่อเมืองและประชาชนเป็นอย่างมาก!”
เซียวเฟยขมวดคิ้วเมื่อได้ยินสิ่งนี้: "ภูเขาไฟในเมืองกวงหยางไม่ได้รับการคุ้มครองโดยกองทัพพิเศษหรอกรึ? ทำไมมันถึงเป็นอันตรายต่อเมือง?"
นายพลเอ่ยว่า: "ว่ากันว่ามีสัตว์อสูรเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์ขนาดใหญ่กำลังสร้างคลื่นความร้อนในภูเขาไฟ ทำให้กองกำลังพิเศษยากที่จะรับมือได้"
เมื่อได้ยิน ดวงตาของเซียวเฟยก็สว่างขึ้นทันที.
เหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์.
ช่างบังเอิญเป็นอย่างมาก.
เขาเอ่ยอย่างกระตือรือร้น: "สั่งกองทัพที่ประจำการอยู่ที่นั่นปกป้องความปลอดภัยของเมืองด้วยกำลังทั้งหมด แล้วข้าจะพาคนไประงับภัยพิบัติด้วยตัวเอง!"
"รับด้วยเกล้า!" เมื่อได้ยินเช่นนี้ นายพลก็หันหลังและจากไปทันที
และเมื่อเซียวเฟยกำลังจะบอกลาหลินซวน นายพลอีกคนก็เร่งรีบเข้ามา.
“ฝ่าบาท กองทัพอสูรเริ่มโจมตีเมืองเฟิงฉีของพวกเรา และตอนนี้ทั้งเมืองเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถรับมือพวกมันได้นาน!”
"นี้…"
เซียวเฟยผงะไปครู่หนึ่ง
เขาได้เอาชนะเผ่าอสูรทั้งหมดที่เข้ามาบุกรุกชายแดนในครั้งนี้แล้ว
แม้นว่าจะได้ยินข่าวว่าเขาถูกปลด เขาก็คิดว่ากลุ่มอสูรจะไม่สร้างปัญหาในระยะเวลาสั้น ๆ นี้ แล้วเขาค่อยรีบกลับไป.
โดยไม่คาดคิด เพียงแค่ครึ่งวัน กองทัพอสูรก็กลับมาอีกครั้งแล้ว.
นอกจากนี้ เมืองเฟิงฉียังเป็นเมืองที่มีความสำคัญอย่างยิ่งทางชายแดนตะวันตกเฉียงเหนือ
หากปล่อยให้กองทัพอสูรเข้ามาได้ ย่อมเป็นอันตรายต่อเมืองหลวงทันที.
มือซ้ายต้องจับเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์ และมือขวาก็ต้องรักษาเสถียรภาพของประเทศเยว่ชาง.
สิ่งนี้ทำให้เซียวเฟยตกอยู่ในภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่พักหนึ่ง
“เผ่าพันธุ์อสูรสารเลว ข้าจะนำกองกำลังของข้าไปต่อสู้ และกวาดล้างพวกเจ้าทุกตนอย่างแน่นอน!”
“แต่...หากไม่จับเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์... น้องสาวของข้า…”
ท่าทางที่ซับซ้อนพัวพันและ วิตกกังวลปรากฏบนใบหน้าของเซียวเฟย
“อมิตาพุด! ประสกเซียว เจ้าสามารถจัดการกับเผ่าพันธุ์อสูรได้เลย อาตมาจะช่วยจัดการจับเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสรรค์เอง!”
จิงไห่เห็นเซียวเฟยตกอยู่ในภาวะที่อักอ่วนกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
จึงตัดสินใจยื่นมือเข้าช่วยจับเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์เพื่อให้อีกฝ่ายมุ่งเน้นเพื่อดูแลกิจการของชาติ.
เซียวเฟยยิ้มด้วยความดีใจ: "ต้องรบกวนใต้ซือแล้ว!"
จิงไห่มีฐานบ่มเพาะของอาณาจักรเสมือนจักรพรรดิ และเขาย่อมสามารถจับเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์ได้อย่างแน่นอน.
ด้วยเหตุนี้เซียวเฟยจึงสามารถที่จะวางใจ ยกทัพเข้ารับมือกับเผ่าอสูรได้.
หลังจากทักทายหลินซวนแล้ว เซียวเฟยก็รีบก้าวไปพร้อมกับนายพล
“เจี่ยฟู่เกอ อย่างไรซะยังมีเวลาอยู่ไม่น้อย ก่อนถึงงานชุมนุมกระบี่รุ่นเยาว์ พวกเราไปยังเมืองกวงหยางด้วยกันดีหรือไม่?”
มู่โหย่วชิงให้ตงหวงเห่าหยูและคนอื่น ๆ ไปยังสวนราชวังเพื่อฝึกกระบี่ จากนั้นนางก็มาหาหลินซวนเอ่ยด้วยความคาดหวัง.
หลินซวนเอ่ยออกมาว่า "เจ้าต้องการปรับแต่งกระดูกสันหลังของเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับกระบี่ชิงหลวนของเจ้างั้นรึ?”
อสูรเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์ที่ควบคุมภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นได้ต้องเป็นอสูรเต็มตัวเต็มวัย.
เหยี่ยวเพลิงสายฟ้าเพลิงสวรรค์ที่โตเต็มวัยย่อมเป็นอสูรยักษ์เหนือระดับสาม.
กระดูกสันหลังของมันสามารถที่จะหลอมเข้ากับกระบี่เพื่อเพิ่มพลังได้.
โดยเฉพาะกระบี่ชิงหลวนของมู่โหยวชิงที่ทำมาจากกระดูกสันหลังของชิงหลวนโบราณ.
กระดูกสันหลังของเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์ ย่อมเข้ากันได้อย่างกลมกลืนกับกระบี่ชิงหลวนของนาง.
มู่โหย่วชิงเผยยิ้มอย่างสวยงาม: "ไม่อาจปกปิดเจี่ยฟู่ได้จริง ๆ"
นางคิดกับตัวเองเสมอว่าเจี่ยฟู่ของนางมีพลังมากมายจนสามารถมองผ่านความคิดทั้งหมดของนางได้อย่างรวดเร็ว.
หลินซวน พยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจนัก: "ถ้าอย่างนั้นก็ไปเถอะ"
"เสด็จพ่อไปกันเถอะ!"
“ใช่เสี่ยวอี พวกเราไปดูเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์กัน!”
เมื่อเห็นหลินซวนและมู่โหยวชิงพูดคุยกันอยู่นั้น เสวียนจู่ เสวียนหาน เสวียนซีและเสวียนหยู ก็วิ่งออกมาอย่างรวดเร็ว.
จิงไห่เหลือบมองฮุยเหนิงแล้วเอ่ยออกมาว่า:
“พวกเราก็รีบเดินทาง ไม่เพียงแค่จับเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์ ยังช่วยชาวเมืองกวงหยางด้วย.”
หลังจากเอ่ยจบ เขาก็คว้าฮุยเหนิงเร่งฝีเท้าติดตามพวกหลินซวนไป.
ครึ่งชั่วโมง หลินซวนและคนอื่น ๆ ก็เดินทางเกือบ 50,000 ลี้
ทางเหนือของเมืองที่อยู่ด้านหน้า เต็มไปด้วยเปลวเพลิงที่ลุกโชน.
คลื่นความร้อนที่แผ่ออกมา.
ดูเหมือนว่ามันกำลังจะบุกทะลวงกำแพง กลืนทุกสิ่งทุกอย่างของเมืองอย่างต่อเนื่อง.
ฮุยเหนิงอดไม่ได้ที่จะเผยความจริงจัง“พระอาจารย์ มันไม่ง่ายเลยที่จะหยุดทะเลเพลิงที่ใหญ่ขนาดนี้!”
"ทำให้ดีที่สุด!"
จิงไห่กระตุ้นแก่นแท้ในร่างกายของเขาทันที และแสงสีทองของอำนาจพุทธก็ระเบิดออกมาจากร่างกายของเขา.
เขาได้ใช้ทักษะระฆังทองช้างมังกรเพื่อปกป้องกำแพงเมืองเอาไว้.
และในเวลาเดียวกันนั้น.
แสงสีฟ้าที่ส่องสว่างก็ล่วงหล่นลงใจกลางเมืองกวางหยาง.
ในชั่วพริบตาเดียว แสงสีฟ้าก็กระจายลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าปกคลุมทั่วทั้งเมืองเอาไว้ด้วยความเร็วที่ไม่อาจจินตนาการถึงได้.
ซูมมมม~
ทันใดนั้นฝนก็ตกหนังลงมาราวกับฟ้ารั่วไหลบ่ายังกับแม่น้ำเหลืองเก้าสาย.
คลื่นน้ำที่ปะทะเข้ากับเปลวเพลิง พร้อมกับลดความร้อนทั้งหมดลงอย่างรวดเร็ว.
จิงไห่ที่เงยหน้าขึ้น มองไปยังหลินซวน พร้อมกับเผยความตื่นเต้นดีใจ“นี่คือฝีมือของตี้ฟู่!”
เขาบอกได้ทันทีว่านี่คือ “มหาค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าวิถี!” ซึ่งเป็นค่ายกลโบราณ.
ฟู่~บูม!
ค่ายกลแม่น้ำเหลืองเก้าวิถีที่ดับไฟในเมือง ลดอุณหภูมิลงอย่างลวดเร็ว.
อย่างไรก็ตามแมกมาร้อนที่อยู่ห่างออกไปหลายร้อยลี้ก็ยังคงส่งผลต่อพื้นที่รอบ ๆ.
ด้วยเหตุนี้ หลินซวนที่วาดมือสร้างผนึกสีน้ำเงินและโยนออกไปอีกครั้ง.
หวึ่ง ๆ! -
ทันใดนั้นแสงสีฟ้าที่ปกคลุมท้องฟ้าปกปิดดวงตะวัน.
ก้อนศิลาสีน้ำเงินขนาดใหญ่ก็ทำการแบ่งพื้นที่ขวางลาวาเอาไว้.
ทะเลลาวาถูกแยกออกจากเมืองกวงเหยา ปิดกั้นพื้นที่รัศมี 300,000 ลี้เอาไว้ทันที.
ไม่ว่าลาวาจะร้อนอย่างไรก็ไม่อาจเคลื่อนที่เข้าใกล้กำแพงเมืองกวงเหยาได้อีกต่อไป.
ดวงตาของจิงไห่สั่นไหว”นี่คือมหาค่ายกลฮุ่นหยวนหลง ค่ายกลโบราณที่น่าเกรงขาม ด้วยค่ายกลนี้เมือง กวงหยางไม่ต้องกังวลอีกต่อไปแล้ว.
แทบจะในทันที.
ผู้คนนับล้านในเมืองกวงหยางที่ตกอยุ่ในความสับสนวุ่นวายและเงียบลงทันที ด้วยการปรากฎตัวของสองค่ายกล.
พวกเขาตระหนักได้ว่าได้รับการคุ้มครองปกป้องเรียบร้อยแล้ว จึงได้แสดงความเคารพต่อหลิงชวน.
“บุรุษชุดขาวนั้นเหมือนกับเทพเซียนเสด็จสู่โลกหล้าเพื่อช่วยขจัดภัยพิบัติให้กับปวงประชา!”
“สองค่ายกลโบราณในคราวเดียว จะต้องเป็นเทพเจ้าแน่ ๆ!”
“ลักษณะท่าทางของเขาราวกับผู้เป็นอมตะมาเยือนโลกหล้า น่าชื่นชมยิ่งนัก!”
ในสายตาของผู้คนนับล้าน ล้วนแต่เต็มไปด้วยความชื่นชมเป็นอย่างมาก.
มู่โหย่วชิงหันมาหาหลินซวนและเผยยิ้ม: "เจี่ยฟู่ ภูเขาไฟเต็มไปด้วยเถ้าถ่านและอากาศสกปรก ท่านพาเด็ก ๆ ไปรอในเมืองสักพักเถอะ!"
หลินซวนพยักหน้า: "ได้"
เมื่อภูเขาไฟระเบิด อุณหภูมิไม่เพียงแต่ร้อนเท่านั้น แต่ยังมีฝุ่นที่เต็มไปด้วยสารพิษ ไม่ควรนำเด็กเข้ามาใกล้.
ยิ่งไปกว่านั้นหลินซวน รู้สึกว่าด้วยความแข็งแกร่งของมู่โหยวชิงและจิงไห่ ที่มีขอบเขตกึ่งจักรพรรดิ ย่อมสามารถจัดการกับเหยี่ยวสายฟ้าเพลิงสวรรค์ได้.
ภายใต้การจ้องมองของผู้คนนับล้าน เขาก็พาเด็ก ๆ เข้ามาในเมืองกวงหยาง.