ตอนที่ 23 ห้ามไปเด็ดขาด
ตอนที่ 23 ห้ามไปเด็ดขาด
พลังชีวิตมหาศาลไหลเวียนอยู่ในร่างของเซียวเฉิน ปราณแผ่วเบาของเขาค่อย ๆ สงบลง
"ดีนัก เซียวเฉินยังไม่ตาย!" ไป๋เนี่ยนปิงร้องออกมาด้วยความตกตะลึง ทำให้ทุกคนในตระกูลไป๋งงงันจนตั้งตัวไม่ติด
ในขณะที่พลังรากฐานแก่นแท้หมดลง ทว่ายังรับมือกับฝ่ามือทรงพลังของซินตู้ได้ ทั้งยังทำให้ซินตู้ต้องพิษตาย ทุกคนคิดว่าเขาต้องตายเป็นแน่ แต่กลับยังมีชีวิตอยู่ได้อย่างไร
"พ่อหนุ่มนี่จะสร้างปาฏิหาริย์อีกกี่ครั้งกัน" ผู้อาวุโสของตระกูลไป๋ก้าวเข้ามาตรวจสอบว่าเซียวเฉินฟื้นตัวแล้วจริง ๆ จึงอดถอนหายใจออกมาไม่ได้
"ยังไม่ตายอย่างนั้นหรือ" หลิงหยวนถูจ้องมองด้วยสายตาแข็งทื่อ ราวกับสงสัยว่าตนเองหูฝาด
กองทัพเกราะสีครามพ่ายแพ้ ซินตู้ถูกวางยาพิษ ผู้แข็งแกร่งขอบเขตทะเลทุกข์ขั้นเก้าของจวนเจ้าเมืองถูกกำจัดสิ้น ทว่าเซียวเฉินกลับไม่ตาย เขายังมีชีวิตอยู่
มันย่อมเป็นจุดจบที่หลิงหยวนถูไม่อาจยอมรับได้
"ท่านเจ้าเมือง ท่านเสียแรงเปล่าแล้ว" ไป๋ชิงเฟิงหัวเราะร่าอย่างสะใจ ทำการใหญ่โตขนาดนี้แต่สุดท้ายก็ไร้ผล
"ไม่ ข้าไม่เชื่อ!" หลิงหยวนถูคำราม เลือดเก่ากระอักพุ่งออกมา เขาถอยซวนเซไปพร้อมรอยยิ้มขมขื่นบนใบหน้า
"ห้ามปล่อยคนตระกูลเหล่งและตระกูลโจวที่เข้าร่วมในการปิดล้อมในวันนี้เหลือรอดไปได้!" ยามนี้ไป๋ชิงเฟิงเบิกบานใจนัก หลังจากนี้เมืองวายุไกลจะตกอยู่ใต้อาณัติของตระกูลไป๋แต่เพียงผู้เดียว
ทุกคนในตระกูลไป๋ต่างตื่นเต้นมากเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรุ่นลูกหลานที่ไชโยโห่ร้อง พวกเขาได้รับขวัญกำลังใจจากความเก่งกาจไร้เทียมทานของเซียวเฉินก่อนหน้านี้จึงพากันเข้ากระโจนฆ่าฟัน
ผู้อาวุโสของตระกูลไป๋หลายคนพุ่งเป้าไปยังผู้นำตระกูลเหล่งในทันที พวกเขารุมโจมตีเต็มกำลัง แม้ผู้นำตระกูลเหล่งจะรู้สึกเสียใจและร้องขอความเมตตา ถึงกระนั้นผู้อาวุโสของตระกูลไป๋ก็ไม่ยอมปล่อยเขาไป!
เดิมทีผู้แข็งแกร่งของจวนเจ้าเมือง รวมถึงผู้อาวุโสของตระกูลเหล่งและตระกูลโจว เมื่อเผชิญหน้ากับตระกูลไป๋ก็อาจจะไม่ได้ไร้ซึ่งพลังในการต่อสู้เสียทีเดียว ทว่าพวกเขาแตกแยกกันและคิดแต่จะหนีเอาตัวรอด จึงไม่มีกำลังจะสู้กลับ
ไป๋ชิงเฟิงไม่ออมมือเช่นกัน เขาทุ่มพลังทั้งหมดของตนฟาดไปทางของหลิงหยวนถู ด้วยหากไม่ฆ่าอีกฝ่าย ผลลัพธ์ที่ตามมาจะร้ายแรงไม่น้อย!
ปัง!
หลิงหยวนถูรีบส่งฝ่ามือต้านทาน แต่ก็ถูกพลังฝ่ามืออันแข็งแกร่งของไป๋ชิงเฟิงกระแทกจนกระอักเลือดและกระเด็นถอย สายตาของเขาไม่ได้มองไปยังไป๋ชิงเฟิง กลับจ้องเซียวเฉินที่นอนอยู่ไม่ไกลเขม็ง
พลั่ก!
เขาวิ่งตรงไปหาเซียวเฉิน ราวกับไม่สนใจไป๋ชิงเฟิงแต่อย่างใด บัดนี้แม้ต้องแลกด้วยชีวิตก็ต้องฆ่าเซียวเฉินตายตกให้จงได้
"ฉึก!"
ไม่ทันถึงตัวเซียวเฉิน ดาบเล่มหนึ่งก็แทงทะลุหน้าอกของเขาแล้ว มันคือดาบที่ไป๋เนี่ยนซงส่งออกมาสังหาร หลิงหยวนถูไม่แม้แต่จะหลบ เพียงปล่อยให้ดาบเล่มนั้นแทงทะลุร่างของเขาไป
ในที่สุดหลิงหยวนถูก็ล้มลงตรงหน้าเซียวเฉิน สายตาของเขาเต็มไปด้วยความดันทุรังและเคียดแค้น น่าเสียดายที่ความเคียดแค้นที่ลูกชายของเขาถูกฆ่าไม่มีวันได้สะสางแล้ว
ทุกคนต่างทอดถอนใจอย่างสะเทือนใจ สถานการณ์ในเมืองวายุไกลเป็นอันชัดเจนแล้ว
"อย่าฆ่าเราเลย เราถูกบังคับ!" ผู้อาวุโสตระกูลโจวถูกบีบให้จนมุม ผู้อาวุโสสองคนจากตระกูลไป๋จ้องมองพร้อมลงมือในเวลาเดียวกัน บดขยี้อวัยวะภายในของอีกฝ่ายแหลกละเอียด
"ตอนติดตามหลิงหยวนถูเก่งกาจนักไม่ใช่หรือ บัดนี้กลับบอกว่าถูกบังคับ สายเกินไปแล้ว!"
ไม่นานหลังจากนั้น ตระกูลไป๋ไม่ก็เพียงสังหารผู้บุกรุกจากตระกูลโจวและตระกูลเหล่ง แต่ยังบุกจวนของทั้งสองตระกูลโดยตรง เพื่อปล้นเคล็ดวิชาวิเศษ รวมถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์และโอสถลูกกลอนที่ถูกเก็บรักษาไว้
สำหรับสองตระกูลใหญ่ มันเป็นการจู่โจมที่รุนแรงที่สุด
ไป๋ชิงเฟิงนำคนไปที่จวนเจ้าเมืองด้วยตนเอง แทนที่จะช่วงชิงสิ่งต่าง ๆ เขากลับโยนศพของหลิงหยวนถูลงบนพื้น เพื่อข่มขู่คนในจวนเจ้าเมือง
ในที่สุดญาติของหลิงหยวนถูก็ยอมมอบสมบัติล้ำค่าให้แต่โดยดีเพื่อวิงวอนให้ไว้ชีวิต
"รบกวนฮูหยินเขียนจดหมายส่งให้คนไปส่งที่เมืองหลวง เนื้อความของจดหมายต้องเขียนอย่างไรนั้นอย่าให้ข้าต้องพูดมาก" ไป๋ชิงเฟิงเอ่ยกับภรรยาของหลิงหยวนถู
"ข้าเข้าใจแล้ว สามีข้าทำชั่วไว้มากมาย ไม่คู่ควรกับสวรรค์ ความตายของเขาไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่น" ภรรยาของหลิงหยวนถูพูดเสียงสั่น
"ฮูหยินไม่แค้นเคืองข้าหรือ" ไป๋ชิงเฟิงถามอย่างไม่มั่นใจนัก
"เพราะไอ้คนสิ้นคิดผู้นั้น เพื่อแก้แค้นให้ลูกชายเกิดแก่อนุ เขาไม่เพียงแต่จะแลกด้วยชีวิตของตน แต่ยังนำทั้งจวนเจ้าเมืองเข้าแลก!" นางสบถสาปส่ง
ไป๋ชิงเฟิงยิ้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก
เขาจับตามองภรรยาของเจ้าเมืองเขียนจดหมาย ส่งคนที่ไว้ใจไปยังเมืองหลวง หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ออกไปจากจวนเจ้าเมือง
ภรรยาของหลิงหยวนถูมองแผ่นหลังไป๋ชิงเฟิง ถอนหายใจเฮือกใหญ่ จากนี้เกรงว่านางจะไม่สามารถหลุดพ้นจากสายตาของตระกูลไป๋ได้อีกแล้ว
ตระกูลไป๋เข้ายึดครองจวนเจ้าเมืองภายในไม่กี่วันต่อมา รวมถึงกิจการของตระกูลโจวและตระกูลเหล่ง ทั้งเมืองวายุไกลแทบจะตกอยู่ในอำนาจการควบคุมของตระกูลไป๋
ก่อนหน้านี้ตระกูลไป๋ไม่กล้าแม้แต่จะคิดว่าจะมีวันแบบนี้
และผู้ที่นำพาสิ่งเหล่านี้มาให้กับตระกูลไป๋อย่างเซียวเฉินก็ฟื้นขึ้นแล้ว ด้วยกระดูกเต๋าและพลังสวรรค์อมตะของเขา แม้เขาจะอยากตายก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
"ข้าอยากให้เจ้าจัดการทรัพย์สินของตระกูลโจว รวมถึงของจวนเจ้าเมืองและตระกูลเหล่งด้วย เจ้าอยากได้อะไรก็สามารถเอาไปได้" วันนั้นไป๋ชิงเฟิงมาที่เรือนของเซียวเฉินก่อนบอกด้วยรอยยิ้ม
"ผู้นำตระกูลน่าจะรู้ว่าข้าไม่สนใจเรื่องพวกนี้" เซียวเฉินส่ายหัวพลางยกยิ้ม
"ไม่เป็นไร ภายภาคหน้าหากเจ้ากับเนี่ยนปิงเหน็ดหนื่อยจากการท่องโลก ก็สามารถกลับมาดูแลโรงเตี๊ยมได้ จะได้สามารถใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย" ไป๋ชิงเฟิงพูดด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม ชวนให้ไป๋เนี่ยนปิงซึ่งอยู่ข้าง ๆ หน้าขึ้นสีแดงเรื่อ
"ท่านพ่ออย่าพูดเหลวไหล"
"เหลวไหลอย่างไร ข้าไม่มีความปรารถนาใดมากมาย แค่หวังให้เจ้าอยู่ดีมีสุข" ดวงตาของไป๋ชิงเฟิงชื้นหยาดน้ำขึ้นเล็กน้อย แท้จริงเขาหวังให้ลูกสาวอยู่เคียงข้างเขา ทว่าในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เขาสังเกตเห็นแล้วว่าไป๋เนี่ยนปิงคงออกเดินทางไปเมืองหลวงพร้อมเซียวเฉิน
"ผู้นำตระกูล ว่าแต่ข้าอยากถามท่านเรื่องหนึ่ง" เซียวเฉินโพล่งขึ้น
"เจ้าถามมาเลย ด้วยความสัมพันธ์ของเราสอง เจ้าไม่ต้องเกรงใจ" ไป๋ชิงเฟิงกล่าว
"ข้าอยากรู้ว่า ท่านได้รับโอสถจิตโกลาหลมาจากที่ใด พิษชนิดนี้ไม่ค่อยพบเห็น" เซียวเฉินถามคำถามที่คาใจเขามานาน
ไป๋ชิงเฟิงตกใจในตอนแรก จากนั้นก็ถอนหายใจ "เรื่องนี้ข้าตั้งใจจะเก็บไว้เป็นความลับ สถานที่แห่งนั้นอันตรายเกินไป ข้าไม่ต้องการให้พวกเจ้าเข้าไปพัวพัน"
“ในเมื่อเจ้าถามแล้วก็ช่างเถอะ รู้ไว้แล้วหลีกเลี่ยงคงดีกว่า”
สิ้นคำไป๋ชิงเฟิงก็หยิบป้ายสำริดโบราณออกมาจากแขนเสื้อวางไว้ตรงหน้าเซียวเฉิน มันดูเก่าแก่และล้ำค่ามากทีเดียว
"นี่คือ..." ดวงตาของเซียวเฉินหรี่ลงเล็กน้อย ป้ายสำริดโบราณนี้ทำให้กระดูกเต๋าของเขาปั่นป่วน!
"ข้าก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไร เมื่อครึ่งปีก่อนข้าออกไปท่องเที่ยว ได้ยินคนพูดกันว่า นอกเมืองอาทิตย์ตะวันออกมีถ้ำเซียนปรากฏ ด้านในมีสมบัติล้ำค่า ข้าได้ยินแล้วสนใจจึงเดินทางไปถ้ำเซียนแห่งนั้น ไม่คาดคิดว่าที่นั่นจะเป็นดินแดนต้องห้าม ผู้ที่เดินทางไปด้วยกันกับข้าล้วนตายหมด ข้าหยิบป้ายสำริดโบราณนี้ได้ในช่วงชุลมุน ก่อนหนีออกมาได้อย่างหวุดหวิด ข้าได้รับพิษในตอนนั้น ช่วงแรกยังไม่มีอาการ กระทั่งกลับมาแล้วถึงได้สังเกตเห็นความผิดปกติ"
เมื่อย้อนนึกถึงเรื่องนั้น สายตาของไป๋ชิงเฟิงยังฉายแววหวาดกลัวที่นานทีจะแสดงให้เห็น
"ที่นั่นเป็นดินแดนต้องห้ามแบบไหนกัน" เซียวเฉินดูเหมือนจะอยากรู้อยากเห็น
"เป็นสถานที่ที่เต็มไปด้วยเลือดและความโกลาหล เป็นดินแดนที่โหดร้าย จำให้ขึ้นใจว่าห้ามไปที่นั่นเด็ดขาด!"