บทที่ 88 พลังพิเศษ
[ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novel(ลงช้ากว่าthai-novel100ตอน)กับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]
[ถ้าแชร์กันอ่านหรืออะไรงี้ ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายกันเป็นกลุ่มเหมาอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]
[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]
บทที่ 88 พลังพิเศษ
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว ครึ่งเดือนผ่านไปเร็วมาก
ในช่วงดึกภายในห้องที่ถูกเปลี่ยนเป็นห้องปฏิบัติการ ห้องนี้ตั้งอยู่ที่จุดลึกที่สุดของฐานปล่อยขีปนาวุธนิวเคลียร์ซึ่งถูกทิ้งร้าง มันอยู่ลึกลงไปในใต้ดินเกือบร้อยเมตร
ซุนเฉิงซ่อนตัวอยู่ที่นี้ เขามองไปที่แถบข้อมูลบนจอภาพขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้าเขา ในหัวเขากำลังคิดไม่ตก
"...เป็นแบบนี้เองสินะ..."
ซุนเฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลังจากที่เขาพยายามอยู่หลายวัน ในที่สุดเขาก็ประสบความสำเร็จในการดึงชิปหน่วยความจำของแบล็คเอาท์ออกจากแกนหลักได้แล้ว
เขาทำงานร่วมกับดีเซปติคอนตัวใหม่ที่เขาตั้งชื่อว่า "กรีนสคิน" ซึ่งเต็มใจทำหน้าที่เป็นหนูทดลองสำหรับการทดลองครั้งนี้
มันมีตำนานโบราณบางส่วนผุดขึ้นจากความทรงจำของเฟรนซี่ ซุนเฉิงรู้สึกว่าเขาเข้าใจความลับบางอย่างที่เกี่ยวกับแกนหลัก รูปร่าง สปาร์คและแม้แต่อารยธรรมไซเบอร์ตรอนเนียน
สปาร์คเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ล้ำค่าที่มีมาตั้งแต่ยุคกำเนิดของอารยธรรมไซเบอร์โทรเนียน
ตำนานเล่าว่าสปาร์คเป็นแหล่งที่มาของชีวิตและวิญญาณของชาวไซเบอร์ตรอน และเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดของชีวิตหุ่นยนต์ หากไม่มีสปาร์ค ชีวิตก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้
ในช่วงแรกของดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอน มันอุดมไปด้วยทรัพยากร และดูเหมือนจะมีช่วงเวลาแห่งสันติสุขอันยาวนานในช่วงเริ่มต้นของอารยธรรมไซเบอร์ตรอนเนียน ซึ่งในเวลานั้น ราชวงศ์ไพร์มอันรุ่งโรจน์ได้ถือกำเนินขึ้นบนดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอน แต่น่าเสียดายที่ข้อมูลนี้ไม่สามารถยืนยันได้
ชาวไซเบอร์ตรอนในยุคแรกมีระบบการสืบพันธุ์ที่สมบูรณ์แบบเช่นเดียวกับมนุษย์บนโลกเรา ชีวิตจักรกลของหนุ่มสาวสามารถตั้งครรภ์ได้ตามธรรมชาติจากร่างกายของแม่ และจะมีสปาร์คทันทีที่พวกเขากำเนิด
ต่อมา ดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนถูกรุกรานโดยเคาน์เตส ซึ่งเคาน์เตสผู้ชั่วร้ายก็ปกครองไซเบอร์โทรเนียนอย่างไร้ความปราณีมาเป็นเวลานาน
[ขอเปลี่ยนไซเบอร์โตรเนียน เป็นไซเบอร์โทรเนียนนะครับ]
จนกระทั่งความโกรธเกรี้ยวอันเกิดจากการถูกเอารัดเอาเปรียบของชาวไซเบอร์โทรเนียนปะทุขึ้น พวกเขาจึงขับไล่เคาน์เตสโดยการปฏิวัติและนําเข้าสู่ยุคสภาโบราณที่รุ่งโรจน์และก้าวหน้าทางเทคโนโลยีที่สุดบนดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอน
ชาวไซเบอร์โทรเนียนใช้รูปแบบต่าง ๆ หรือที่เรียกกันว่าโมดูล เพื่อแยกระดับความแตกต่างของนักวิทยาศาสตร์ นักรบ คนงาน และอื่น ๆ เหมือนกับอาชีพของมนุษย์ คาดว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นจุดกำเนิดของแกนหลัก
ช่วงเวลาของยุคสภาโบราณเป็นช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของอารยธรรมไซเบอร์โทรเนียน ดังนั้นซุนเฉิงจึงคาดเดาว่าแม่แบบอาจเกิดขึ้นในช่วงเวลานี้
ความเสื่อมถอยมักตามหลังความรุ่งโรจน์เสมอ ดูเหมือนว่าในช่วงหลังของสภาโบราณ ชนชั้นปกครองที่เคยมีความรู้และความดีค่อย ๆ เสื่อมถอยลง ชีวิตที่ยืนยาวได้ทําให้พวกเขาเริ่มหลงระเริงกับการแย่งชิงอํานาจและความเพลิดเพลิน จนนําไปสู่การเอารัดเอาเปรียบตามระดับชนชั้น
ความขัดแย้งกับพวกอารยธรรมนอกโลกเช่น อีเชมส์ ยังทําให้เกิดความขัดแย้งภายในของไซเบอร์ตรอนทวีความรุนแรงขึ้น จนในที่สุด ผู้ที่ไม่พอใจกับการปกครองที่ทุจริตและการเอาเปรียบของสภาโบราณก็ลุกขึ้นสู้
สงครามเย็นกินเวลานานนับไม่ถ้วน จนกระทั่งแผ่นดินไหวเกิดขึ้น ชาวไซเบอร์โทรเนี่ยนยังคงกร่ำศึกกันไป ต่อให้ภูเขาไฟปะทุและแม้แต่ทะเลก็เริ่มแห้งยังไม่มีทีท่าว่าจะเปลี่ยน และในที่สุด เหล่าดีเซปติคอนและพวกออโต้บอตส์ก็ตระหนักว่าสงครามกลางเมืองได้นําดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนไปสู่การล่มสลาย การสูญพันธุ์
ดังนั้นด้วยทางเลือกสุดท้าย พวกเขาจึงต้องมานั่งโต๊ะเจรจา และหลังจากการต่อสู้ที่แสนยาวนาน ในที่สุดพวกเขาก็ทำข้อตกลง ยุติการหยุดยิงของทั้งสองฝ่าย
สงครามที่ต่อเนื่องได้ทำลายอารยธรรมไซเบอร์ตรอนอย่างรุนแรงมาก ทำให้สิ่งมีชีวิตทางจักรกลไม่สามารถสืบพันธุ์ตามธรรมชาติได้อีกต่อไป ทรัพยากรหมดลง อารยธรรมถดถอย และเทคโนโลยีเกิดช่องว่างขนาดใหญ่
หลังจากสงครามกลางเมืองครั้งแรกได้สิ้นสุด เพื่อรักษาการอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ของพวกเขา ทั้งเหล่าดีเซปติคอนและพวกออโต้บอตส์ต่างเลือกหนทางเดียวกัน พวกเขาทำลายพิกัดระหว่างดวงดาวทั้งหมด ปิดผนึกดาวเคราะห์ไซเบอร์ตรอนและเข้าสู่ช่วงจำศีลอันยาวนาน
จนกระทั่งเมื่อกว่าหนึ่งหมื่นปีก่อน เหล่าดีเซปติคอนและพวกออโต้บอตส์ต่างก็ตื่นจากการหลับใหลทีละคน ซึ่งหลังจากนั้นไม่นาน สงครามกลางเมืองครั้งใหม่ที่กินเวลายาวนานหลายหมื่นปีจึงเริ่มต้นขึ้น
แนวคิดของ "แกนหลัก" ไม่ได้ปรากฏในยุคโบราณของชาวไซเบอร์โทรเนี่ยน ว่ากันว่ามันอาจมีต้นกำเนิดมาจากฝีมือของช็อคเวฟ นักวิทยาศาสตร์ผู้ยิ่งใหญ่ของกองทัพดีเซปติคอน หลังจากเผ่าพันธุ์ของพวกเขาสูญเสียความสามารถในการสืบพันธุ์ตามธรรมชาติไปแล้ว มันทำให้พวกเขาขาดแคลนกำลังพล ดังนั้นเขาจึงได้ใช้พื้นฐานของ "แม่แบบ" มาพัฒนาให้กลายเป็น "สปาร์ค" แบบเรียบง่ายและระดับล่างกว่า ซึ่งมันมีประสิทธิภาพของ "แม่แบบ" อยู่ด้วยเช่นกัน ทำให้กองทัพดีเซปติคอนสามารถจัดหาสมุนและคนงานได้อย่างต่อเนื่อง
ดังนั้นหากจะพูดอย่างถูกต้องแล้ว ความเข้าใจก่อนหน้านี้ที่ซุนเฉิงคิดว่า "สปาร์ค" คือ "แกนหลัก" นับได้ว่าเป็นความเข้าใจผิดมากเลยจริง ๆ
ส่วนเหตุผลที่เหล่าดีเซปติคอนตัวใหม่ที่เกิดจากแผ่รังสีของ "ออลสปาร์ค" ด้อยกว่าสมุนของดีเซปติคอนระดับต่ำที่ติดตั้ง "แกนหลัก" มากนั้น ซุนเฉิงพอจะคาดเดาเหตุผลคร่าว ๆ ได้แล้ว
ความแข็งแกร่งของร่างกายจักรกลของดีเซปติคอนส่งผลต่อประสิทธิภาพของ "แกนหลัก" และ "สปาร์ค" เดิมทีกรีนสคินเป็นเพียงเครื่องขายน้ำหยอดเหรียญธรรมดาในลาสเวกัส และไม่ได้มีอะไรเลย
นอกจากนี้ข้อมูลและพลังงานที่ฉีดเข้ามาจาก "ออลสปาร์ค" ในระหว่างการเปลี่ยนแปลงยังมีจำกัดมาก ซึ่งนำไปสู่การเกิดเปลือกเปล่าที่มี "สปาร์ค" แต่ไม่มีพลังงานอะไร
ขณะที่ซุนเฉิงกำลังจ้องไปยังหน้าจอเพื่อตรวจสอบข้อมูล เขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าก้าวมาใกล้ ๆ เขารู้ทันทีว่าฟอร์เรนเนอร์ที่เขาส่งออกไปปฏิบัติภารกิจเมื่อไม่กี่วันก่อนได้กลับมาแล้ว
เขาเลือกที่จะบันทึกงานของเขาอย่างรวดเร็วและเก็บผลลัพธ์ไว้ในฮาร์ดไดรฟ์ของเซิร์ฟเวอร์
ไม่นานหลังจากนั้น เสียงของฟอร์เรนเนอร์ก็ดังขึ้น "นายท่าน ภารกิจที่ท่านมอบหมายให้ข้าทำเสร็จเรียบร้อยแล้ว และข้าก็กลับมาแล้ว!"