บทที่ 29 ล้างตัว
หลังจากนั้นคุณหม่าก็ได้ฆ่าตัวตาย
หลังจากตะโกนสโลแกนด้วยสีหน้าที่บ้าคลั่ง เขาก็กระแทกหัวเข้ากับผนังและเสียชีวิต
ไม่เพียงเท่านั้นทีมงานบางคนในสถานีโทรทัศน์ก็เป็นบ้าเหมือนกัน พวกเขาทุกคนกระแทกหัวของตัวเองทีละคนแล้วเลือดก็กระเซ็นไปทั่วทั้งผนัง
พิธีกรหญิงตกตะลึงและดูเหมือนว่าวิญญาณของเธอจะหลุดออกจากร่างไปแล้ว
"กรี๊ดดดดดด!"
ทันใดนั้นเธอก็กรีดร้องอย่างรุนแรงและทรุดตัวลงเป็นลมอยู่กับพื้น
ฉากที่น่าสยดสยองนี้คงจะฝังอยู่ในใจของผู้ชมรายการนี้ไปตลอดชีวิต
"มันแปลกมาก คนเหล่านี้ดูเหมือนจะถูกควบคุม"
เกาเถิงหันกลับมามองฟางเหมิงที่ไม่รู้ว่าเธออยู่ข้างหลังเขาตั้งแต่เมื่อไรโดยที่ยังคงถือไม้พายอยู่ในมือ
"นี่อาจจะเป็นฝีมือขององค์กรต่อต้าน สำหรับการฆ่าตัวตายอาจเป็นเพราะพวกเขาไม่ต้องการให้หน่วยข่าวกรองของสำนักงานความมั่นคงอ่านความทรงจำ"
ฟางเหมิงคิดอยู่พักหนึ่งแล้วพูดว่า "เป็นไปได้ไหมที่เป็นองค์กรเพลิงนิล?"
"มันอาจจะเป็นไปได้" เกาเถิงยักไหล่ “การสร้างความวุ่นวายในโลกสามารถเพิ่มยอดขายของ 'ยาเลือดคลั่ง' ได้ทำให้มีเงินไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องเพื่อขยายองค์กรและเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมพวกเขาจะโค่นล้มสำนักงานความมั่นคงและควบคุมโลก”
ฟางเหมิงกล่าวด้วยสีหน้าซับซ้อน "หากเป็นแบบนี้ก็หมายความว่าจะมีคนติดยานี้อยู่ทุกที่งั้นหรอ?"
เกาเถิงถอนหายใจ "ฉันรู้สึกแย่ที่ต้องพูดแต่วันนั้นต้องมาถึงอย่างแน่นอน"
อารมณ์ของฟางเหมิงค่อนข้างหนักใจ เกาเถิงที่แม้แต่ตกอยู่ในอันตรายเขาก็ยังสงบแต่ตอนนี้กลับตื่นตระหนกทำให้เธอรู้ในทันทีว่าในอนาคตนั้นเต็มไปด้วยอันตราย
"จะยังไงก็ช่างเถอะพวกเรารีบกินข้าวแล้วฝึกกันดีกว่า" เกาเถิงยืดตัว "หากในอนาคตเรายังไม่แข็งแกร่งความตายก็เข้ามาเยือนได้ทุกเมื่อ"
ทีวีถูกปิดและทั้งสองเดินไปที่โต๊ะแล้วนั่งลง
เมื่อมองไปที่โต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหารเกาเถิงก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ "ดูเหมือนว่าเธอจะยินดีต้อนรับฉันหรือว่าเธอตั้งตารอที่จะอยู่กับฉันมานานแล้วงั้นหรอ?"
"เห็นหน้าฉันแล้ว..นายคิดว่าไงล่ะ?"
"มันเดายากนะ" เกาเถิงสัมผัสใบหน้าของเขาแล้วพูดว่า "ฉันหน้าตาดีมากก็เลยมีสาวๆอยากอยู่ด้วยกันสินะ"
ฟางหมิงก็พูดอย่างเบื่อหน่าย"กินข้าวกันเถอะ!"
ทั้งสองคนกินอาหารอย่างเงียบๆเมื่อเวลาผ่านไปฟางเหมิงก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย
เธอกับเกาเถิงงั้นยังไม่สนิทและคุ้นเคยกันมากนักฟางเหมิงจึงรู้สึกแปลกๆที่ต้องอยู่อาศัยในบ้านเดียวกัน
"เป้าหมายต่อไปของพวกเราคืออะไร?" ฟางเหมิงทำลายความเงียบที่ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจ
เกาเถิงพูดว่า "ฉันวางแผนที่จะเลื่อนขั้นเป็นสมาชิกระดับกลางให้เร็วที่สุด มีข้อมูลบอกว่าจะมีการแจกยาเสริมความแข็งแกร่งของร่างกายฟรีอีกทั้งไม่มีผลข้างเคียงและอร่อยด้วย"
"...การจะเลื่อนขั้นเป็นระดับกลาง นายต้องมีความแข็งแกร่งระดับ B"
เกาเถิงหยิบเนื้อชิ้นหนึ่งเข้าปากเคี้ยวมันแล้วพูดว่า "ด้วยพรสวรรค์ของฉันใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนช้าที่สุดก็สองเดือน"
ฟางเหมิงหัวเราะแห้งๆ
เธอรู้สึกอยากจะทุบตีใครสักคน..
"ภารกิจต่อไปของพวกเราอาจจะเป็นการจัดการกับผู้มีความสามารถที่ถูกสำนักงานความมั่นคงกดขี่และแสวงหาผลกำไร
คนเหล่านี้มีความสามารถสัมพันธ์ต่ำแม้จะกิน ’ยาเลือดคลั่ง’ แต่ความแข็งแกร่งของเขาอาจจะไม่เกินระดับ B ดังนั้นพวกเราที่เป็นสมาชิกระดับต่ำอาจจะได้รับภารกิจจัดการคนพวกนี้
พวกเขาสูญเสียสิทธิ์ในการควบคุมชีวิตของตัวเองมาเป็นเวลานานแถมยังถูกสำนักงานความมั่นคงเอารัดเอาเปรียบอีกด้วยคงจะมีความแค้นอยู่ในใจอย่างสุดซึ้งเลยล่ะ
ยิ่งไปกว่านั้นอาจจะมีแนวโน้มส่งผลกระทบไปถึงสมาชิกระดับกลางที่ดูไม่มีอนาคต แค่คิดเรื่องนี้ก็รู้สึกแย่แล้ว"
ฟางเหมิงกล่าวด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง "ดูเหมือนการกบฏจะเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่ยังไงเราก็ต้องหยุดพวกเขาเพื่อความยุติธรรม"
"เธอนี่ไร้เดียงสาจริงๆ" เกาเถิงส่ายหัวแล้วพูดว่า "ความยุติธรรมที่เธอรู้จักนั้นผิวเผินเกินไป สิ่งต่างๆในโลกไม่ได้มีแค่ขาวดำหรอกแต่มันปะปนไปด้วยสีนับไม่ถ้วน
เราไม่จำเป็นต้องอ้างถึงความชอบธรรม ประชาชนพวกเขารู้เพียงสิ่งเดียวเท่านั้นว่าใครคือคนทำให้คนธรรมดามีชีวิตที่ดีมากขึ้น
ปัจจุบันภายใต้การปกครองของสำนักงานความมั่นคง ทั้งสังคมยังมีความสามัคคีและมั่นคงอยู่จึงยังไม่มีฝ่ายต่างๆยกเว้นกลุ่มต่อต้าน
ฟางเหมิงคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วพูดว่า "จะเกิดอะไรขึ้นหากสำนักงานความมั่นคงไม่สามารถทำให้คนธรรมดาอยู่อย่างสงบแต่กลับกดขี่และเอาเปรียบพวกเขาแทน"
การแสดงออกของเกาเถิงเริ่มจริงจังอย่างยิ่งและเขาก็ค่อยๆลุกขึ้นยืน
เมื่อเห็นเขาเช่นนี้ฟางเหมิงก็อดไม่ได้ที่จะลุกขึ้นจากเก้าอี้และยืนตัวตรง
"อันที่จริงสิ่งที่ฉันพูดในโรงพยาบาลนั้นเป็นเรื่องจริง ฉันได้ครองโลกจริงๆและก่อตั้งสมาคมเพื่อสร้างระเบียบโลกใหม่ อย่างไรก็ตามอุกกาบาตนั้นไม่ได้ทำให้เธอกระเด็นออกมาจากดิน แต่มันกลับทำให้ฉันเดินทางมายังอดีตในวันที่เราหนีเอาตัวรอดด้วยกันและในอนาคตก็จะเป็นแบบนั้น เธอโชคดีในชีวิตนี้ได้อยู่เคียงข้างฉันและเป็นสักขีพยานในความยิ่งใหญ่นี้"
ฟางเหมิงกลอกตาแล้วเธอก็นั่งลงด้วยความโกรธ “รีบกินซะ!”
หลังจากกินข้าวเสร็จทั้งสองก็ฝึกฝนด้วยกัน สาวสวยสามารถกระตุ้นศักยภาพของผู้ชายและจริงๆบางทีอาจจะเหมือนตอนผู้ชายจีบผู้หญิงด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าด้วยการโชว์ความสามารถ
พวกเขาฝึกกันจนดึกดื่น เมื่อเกาเถิงกำลังจะอาบน้ำและเข้านอน "นายมีความสามารถและพรสวรรค์ดังนั้นฉันต้องพยายามอย่างหนักเพื่อที่จะตามนายให้ทัน"
เมื่อเห็นฟางเหมิงพยายามอย่างหนักเกาเถิงรู้สึกว่าการขี้เกียจนั้นเป็นเรื่องที่น่าละอายมาก ดังนั้นทั้งสองคนจึงฝึกฝนกันต่ออีกครั้ง ฝึกฝน ฝึกฝน และฝึกฝน…
จนเกาเถิงเหนื่อยจนขยับตัวไม่ได้และไม่มีแรงแม้แต่จะขยับนิ้ว
รุ่งสางก็มาถึง
แสงอาทิตย์ส่องผ่านกระจกมายังหน้าทั้งสองคน
ทั้งสองนอนอยู่บนพื้นมองดูแมลงวันบินไปรอบๆด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
เกาเถิงพูดด้วยสีหน้าจริงจัง "ฉันคิดว่านี้ไม่ใช่เรื่องดีนะ พวกเราควรทำอย่างพอประมาณและควรคิดถึงสุขภาพด้วย"
ฟางเหมิงเหลือบมองเขา "ทำไมพอประโยคนี้พูดออกมาจากปากของนายมันถึงได้ดูแปลกๆ?"
"นี่เธอคิดอะไรอีกแล้วเนี่ย"
ฟางเหมิงทำอะไรไม่ถูก
อาการบาดเจ็บของฟางเหมิงหายดีแล้วแถมออร่าเธอยังดูแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย
เกาเถิงสังเกตเห็นว่าความแข็งแกร่งของฟางเหมิงเพิ่มขึ้นอย่างมากและเธอก็เป็นระดับ D อันดับที่ 105 แล้ว
"นายคิดถูก" ฟางเหมิงกล่าวว่า "การต่อสู้จริงสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งได้เร็วมากแม้ฉันจะพ่ายแพ้อย่างน่าสังเวชก็ตาม"
"เธอแพ้อย่างน่าสังเวชงั้นหรอ?"
"ฉันอยากลืมมัน"
ฟางเหมิงไม่สามารถเถียงได้แล้วกลืนความไม่พอใจของเธอ
“ดูเหมือนว่าการฝึกฝนอย่างเดียวคงไม่พอ พวกเราต้องต่อสู้กับศัตรูและฝ่าฟันวิกฤตความเป็นความตายให้ได้” เกาเถิงฟื้นกำลังขึ้นมาเล็กน้อยแล้วลุกขึ้นจากพื้น “วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็แล้วกันฉันเหนื่อยแล้ว”
เธอเข้าไปล้างตัวก่อนก็แล้วกัน เดี๋ยวฉันจะไปอาบน้ำ
ฟางเหมิงกัดฟันของเธอ
ไอ้สารเลวเกาเถิงคนนี้พูดแต่เรื่องลามกอยู่เสมอ
เกาเถิงเดินเข้าไปในห้องน้ำและล้างสิ่งสกปรกออกจากร่างกาย
ในวันนี้เขาได้รับความสามารถใหม่ [เพิ่มพลังงาน] พลังงานในร่างกายของเขาเพิ่มขึ้นประมาณสองเท่าทำให้ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นและอันดับก็เพิ่มขึ้นมามากกว่า 100 อันดับ