บทที่ 27 ยังมีหน้ามาพูดอีก
อาการบาดเจ็บของฟางเหมิงนั้นรุนแรงมากโดยปกติแล้วต้องพักผ่อนอย่างน้อย 1 เดือนถึงจะฟื้นตัวดี
อย่างไรก็ตามที่บ้านของเธอมี "น้ำพุแห่งชีวิต" จึงออกจากโรงพยาบาลได้อย่างรวดเร็ว
เกาเถิงได้ดูแลเธอและพาไปส่งที่บ้านด้วยรถเข็น
"ฉันเพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเธอเป็นเจ๊ผู้ร่ำรวยตั้งแต่อายุยังน้อยแถมยังอยู่ในวิลล่าอีก"
บ้านฟางเหมิงอยู่ในย่านที่แพงที่สุดในเมืองมีทะเลสาบ ภูเขา ป่าไม้ และมีทิวทัศน์ที่สวยงาม
"พ่อกับแม่ทิ้งเอาไว้ให้ฉันนะ"
ฟางเหมิงพูดในขณะที่เธอปลดล็อคมือถือด้วยลายนิ้วมือ
พวกเขาเปิดประตูเข้าไป
สไตล์การตกแต่งเรียบง่ายและดูหรู มีรูปถ่ายมากมายบนผนังที่เป็นรูปของครอบครัวจำนวน 3 คนที่ดูมีความสุข
"พาฉันไปที่ตู้เสื้อผ้า"
"ได้"
เมื่ออยู่หน้าตู้เสื้อผ้าเธอก็ได้เอากล่องบางอย่างออกมา
ป้อนรหัสผ่านเพื่อปลดล็อค
ในกล่องมีเข็มฉีดยาหกอัน
เกาเถิงอดไม่ได้ที่จะเบิกตากว้างเขาได้ตรวจสอบเรื่องนี้แล้ว "น้ำพุแห่งชีวิต" แต่ละเข็มมีมูลค่าถึง 400,000 แต่นี่เธอมีถึง 6...
"ฉันรู้ว่านายคิดอะไรอยู่ทั้งหมดล้วนเป็นของที่พ่อแม่ทิ้งเอาไว้ให้ฉัน"
หลังจากที่ฟางเหมิงพูดจบ เธอก็สอดเข็มเข้าไปในเส้นเลือดที่แขนแล้วดันของเหลวสีน้ำเงินเข้าไป
หลังจากผ่านไปสิบวินาทีผลของยาก็เริ่มทำงาน บาดแผลและเลือดก็เริ่มสมานกันอย่างรวดเร็วซึ่งสามารถมองเห็นความเร็วการรักษาด้วยตาเปล่าได้
เพียงระยะเวลาสั้นๆอาการบาดเจ็บของเธอก็หายไปอย่างรวดเร็ว
"ฉันจะไปเปลี่ยนเสื้อผ้านายจะไปนั่งรอตรงไหนก็ได้"
เธอลุกจากรถเข็นแล้วเดินอย่างแข็งทื่อไปที่ห้องนอนเพราะเธอถูกห่อด้วยผ้าพันแผลไว้เหมือนกับมัมมี่
"อยากให้ฉันตัดผ้าพันแผลให้หรือเปล่า? ฉันมีความสามารถในการตัดผ้าพันแผลด้วยนะ"
"ไม่เป็นไรขอบคุณ!"
น้ำเสียงของฟางเหมิงเย็นชาเป็นพิเศษ เธอเข้าไปในห้องนอนปิดประตูอย่างแรงแล้วล็อคมัน
ทันใดนั้นร่างกายของเธอก็สั่น ผ้าพันแผลที่อยู่รอบๆตัวก็ขาดไปเผยให้เห็นร่างกายที่สวยงามผิวแวววาวราวกับหยกสีชมพูหิมะ
"น้ำพุแห่งชีวิต" มีผลดีเป็นอย่างมากและไม่ทิ้งรอยแผลเป็นไว้บนร่างกายเธอ
หลังจากเธอสวมชุดสีขาวแล้วก็ได้หยิบผ้าพันแผลบนพื้นเพื่อไปทิ้งในถังขยะ เมื่อฟางเหมิงออกมาจากห้องนอนก็ได้เห็นเกาเถิงที่มองดูรูปถ่ายบนผนังโดยเอามือไพล่หลัง
วันนี้เกาเถิงได้เปิดหูเปิดตาจริงๆ
ภาพถ่ายที่เป็นความทรงจำของฟางเหมิงในวัยต่างๆ
มีรูปถ่ายที่ฟางเหมิงดูเหมือนจะอายุเจ็ดขวบ ยกบาร์เบลที่ดูหนักด้วยมือข้างเดียวและมีรอยยิ้มที่สดใสโดยที่ฟันหน้าซี่นึงหายไป
มีรูปถ่ายที่ฟางเหมิงดูเหมือนเธออายุเก้าขวบ มีเชือกพันรอบตัวแล้วลากก้อนหินขนาดใหญ่ด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
มีรูปถ่ายของฟางเหมิงที่ดูเหมือนอายุสิบเอ็ดปีกำลังนั่งสมาธิอยู่ใต้น้ำตกอันงดงามและสงบ
นอกจากนี้ยังมีรูปถ่ายของฟางเหมิงที่ดูเหมือนอายุสิบสามปี ล้มชายที่ดูแข็งแกร่งกว่าเธอมากบนสังเวียนโดยที่ยกมือข้างนึงขึ้น
"ในที่สุดฉันก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเธอถึงแข็งแกร่งได้เร็วขนาดนี้หลังจากปลุกความสามารถ ปรากฏว่าเธอฝึกฝนมาตั้งแต่เด็กแล้ว"
"แล้วไงล่ะ?"ฟางเหมิงกล่าวว่า "นายก็เอาชนะฉันได้ง่ายๆไม่ใช่หรอ?"
เกาเถิงพูดอย่างไร้ยางอาย "ฉันเป็นอัจฉริยะไม่สามารถเทียบกับคนปกติได้"
"ใช่แล้ว นายเก่งที่สุด"
ฟางเหมิงดูเหมือนจะฉลาดขึ้นเมื่อเกาเถิงพูดโอ้อวดเกี่ยวกับตัวเองเธอไม่รู้สึกพูดไม่ออกอีกต่อไปแต่กลับดูสนุกและผ่อนคลายมากขึ้น
"แล้วความสามารถสัมพันธ์ของเธอเท่าไหร่งั้นหรอ?" เกาเถิงถาม
"95%"
ดวงตาของเกาเถิงเป็นประกายแล้วพูดว่า "ความสามารถสัมพันธ์ 95% ก็เป็นศักยภาพระดับ S ไม่ใช่หรอ?"
"แต่ถึงยังไงก็ไม่เก่งเท่านายเพราะเมื่อความสามารถสัมพันธ์เกิน 90% ขึ้นไปแม้จะห่างกันเพียงแค่ 1% ก็ถือว่าต่างกันมากยิ่งไม่ต้องพูดถึง 5% เลย"
ฉันอาจจะสามารถเป็นระดับ A ได้หรือบางทีอาจจะไปถึง S เลยด้วยซ้ำแต่ความน่าจะเป็นมันมีน้อยมาก
เกาเถิงส่ายหัวและพูดด้วยความโกรธ "จริงๆแล้วการมีความสามารถสัมพันธ์มากเกินไปก็ไม่ใช่เรื่องดีหรอก ฉันรู้สึกเหมือนรถสปอร์ตที่สามารถวิ่งด้วยความเร็ว 1,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้แต่ร่างกายของฉันอ่อนแอจึงสามารถวิ่งด้วยความเร็วได้แค่ 100 กิโลเมตรเท่านั้นมากกว่านี้ร่างกายอาจจะไม่สามารถทนได้หากพยายามให้มันวิ่งถึงที่สุดตอนนั้นร่างกายก็คงจะร้อนอย่างมากและระเบิดเป็นดอกไม้ไฟอย่างแน่นอน
บางทีฉันก็อิจฉาคนที่มีความสามารถสัมพันธ์ต่ำจริงๆที่ไม่ต้องเครียดเรื่องแบบนี้
ฟางเหมิง “…”
หึ ทำมาเป็นพูดเพื่อหลอกฉันงั้นหรอ
"ปกติเธอฝึกยังไง? สอนการฝึกให้ฉันบ้างสิ โลกใบนี้อันตรายเกินไปฉันต้องรีบไปให้ถึงระดับ S ภายใน 1 ปีเพื่อเตรียมตัวรับมือกับเหตุการณ์ในอนาคต"
"นายแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วขนาดนี้ยังต้องการตารางการฝึกของฉันอีกหรอ?"
"ใช่" เกาเถิงกล่าวว่า "ปกติฉันฝึกแบบไม่รู้เลยแค่ออกกำลังกายให้เหงื่อไหลเท่านั้น แต่ตอนนี้ฉันต้องพัฒนาตัวเองให้เป็นแบบแผนที่วางไว้"
"งั้นรอเดี๋ยว"
ฟางเหมิงหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาจากโต๊ะกาแฟที่เธอเขียนเป้าหมายการฝึกซ้อมในแต่ละวัน
หลังจากที่เกาเถิงเห็นแล้วดวงตาของเขาก็มัวหมอง
ตามตารางการฝึกนี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการฝึกฝน
"เธอฝึกแบบนี้ทุกวันหรอ?" เกาเถิงถามด้วยความไม่เชื่อ
"ใช่แล้วฉันฝึกฝนแบบนี้ตั้งแต่จำความได้แต่ตอนนั้นยังไม่หนักมากเพราะร่างกายของฉันยังเป็นเด็กอยู่" ฟางเหมิงกล่าว
"พ่อกับแม่หวังว่าฉันจะเป็นผู้มีความสามารถระดับ S และปกป้องตัวเองได้ อาจเป็นเพราะชีวิตมีความสุขมากเกินไปตอนนั้นจึงไม่สามารถปลุกความสามารถของตัวเองได้ แต่หลังจากที่พ่อแม่จากไปแล้วฉันก็…"
หลังจากนิ่งไปชั่วครู่ฟางเหมิงก็ยิ้มอย่างซาบซึ้ง "พ่อกับแม่คงจะกังวลเกี่ยวกับฉันเมื่อพวกเขาจากไปหากฉันเป็นเพียงคนธรรมดาที่ไม่ได้ปลุกความสามารถจะเอาชีวิตรอดในโลกที่โหดร้ายแบบนี้ได้อย่างไร"
เกาเถิงเงียบไปครู่หนึ่งไม่อยากให้ฟางเหมิงจมลึกเกินไปในอารมณ์เศร้า
เขาเปลี่ยนเรื่องและพูดว่า "วันแรกๆอาจจะทำได้แต่ฉันเกรงว่าหลังจากผ่านไป 1 สัปดาห์จะขี้เกียจน่ะสิ"
ฟางเหมิงยิ้มและพูดว่า "เมื่อนายมีเป้าหมาย หัวใจของนายจะบังคับให้ก้าวไปข้างหน้า"
"ฉันมีเป้าหมายแต่..."
บางทีเกาเถิงคิดว่าเขาอาจจะได้รับความสามารถที่ทำให้ร่างกายแข็งแรงขึ้นมากกว่าเดิมอีก จึงทำให้จิตใจเขารู้สึกเกียจคร้านและหวังพึ่งการได้รับทักษะมากเกินไป
เพราะมนุษย์ก็เหมือนสัตว์เกียจคร้านไม่เช่นนั้นพวกเขาคงไม่คิดค้นและสร้างเครื่องมือมากมายมาขนาดนี้หรอก
"ยังไงก็เถอะบ้านเธอมีห้องว่างบ้างหรือเปล่า?"
"มีอยู่แล้วนายจะทำอะไร?"
"ฉันจะย้ายมาอยู่กับเธอ เราจะได้ช่วยกันฝึกและจะไม่มีใครขี้เกียจ"
ฟางเหมิงหรี่ตา “ทำไมรู้สึกเหมือนว่านายพยายามจะหลอกฉัน? บอกจุดประสงค์ที่แท้จริงของนายมาซะ”
"อย่าพูดไร้สาระ จุดประสงค์ของฉันง่ายมากเพียงเพื่อการฝึกฝนเท่านั้นและไม่ต้องห่วงฉันไม่ฉวยโอกาสเธอหรอก ฉันควรกลัวว่าเธอจะฉวยโอกาสฉันมากกว่าอีก"
ฟางเหมิงดูโกรธ "นายยังมีหน้ามาพูดงั้นหรอ?"
"ใช่สิ"