ตอนที่แล้วบทที่ 153 สุสานกระบี่มรณะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 155 ขับออกจากวงศ์ตระกูล

บทที่ 154 เจ้าส่งเติ้งอี้มาใช่หรือไม่


เนื่องจากหยางเสี่ยวเทียนในตอนนี้ ดำรงตำแหน่งเป็นเจ้าตำหนักกระบี่ เฉินฉางชิงจึงกังวลต่อความปลอดภัยหยางเสี่ยวเทียน

“ยังไม่จำเป็น” หยางเสี่ยวเทียนโบกมือพลางส่ายศีรษะ

เพราะหลัวชิงในตอนนี้ ได้ทะลวงเข้าสู่ขั้นบรรพจารย์ยุทธ์แล้ว และผู้ที่คอยปกป้องเขานั้นล้วนมีฝีมือที่ไม่ธรรมดา

แน่นอนว่า ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขาก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน หากมีผู้ใดคิดจะลอบสังหารก็หาใช่เรื่องง่ายไม่

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ เฉินฉางชิงก็ไม่กล้าบังคับหยางเสี่ยวเทียน และกล่าวว่า “นับแต่นี้ ให้เราคอยติดตามท่านเจ้าตำหนักดีหรือไม่ หากมีอะไรเกิดขึ้นจึงจะสามารถปกป้องท่านได้”

“ไว้ก่อน ตอนนี้ พวกท่านทำตัวตามสบายเถิด” หยางเสี่ยวเทียนยิ้ม

แม้เขาจะไม่รับรู้ถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของผู้อาวุโสทั้งห้า แต่ในฐานะผู้อาวุโสของตำหนักกระบี่ พวกเขาต้องมีฝีมือไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน

เมื่อถึงเวลาเผชิญหน้ากับสำนักถัวหลัว มีความเป็นไปได้ที่เขาจะต้องขอให้ผู้อาวุโสทั้งห้าช่วยลงมือ

ทันใดนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็พลันเอ่ยถามเฉินฉางชิง “ผู้อาวุโสเฉิน ท่านพอทราบตำแหน่งของไฟประหลาดชนิดอื่นอีกหรือไม่”

โดยปกติแล้ว ไฟประหลาดและไฟศักดิ์สิทธิ์มิควรอยู่รวมกันมากเกินไป เพราะยิ่งมากพวกมันจะยิ่งต่อต้านกันเอง

เพราะเฉินฉางชิงศึกษาเกี่ยวกับเปลวไฟแห่งสวรรค์และโลก ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่เขาอาจจะรู้ตำแหน่งของไฟประหลาดอื่นๆ ด้วย

เฉินฉางชิงสะดุ้งทันทีหลังได้ยินคำถามเช่นนี้ เขาพลันตอบว่า “ข้ารู้ ข้ารู้ แต่เจ้าตำหนัก หากท่านครอบครองไฟประหลาดมากกว่าหนึ่งชนิด พวกมันจะต่อต้านกัน ซึ่งแทบไม่มีใครสามารถควบคุมไฟประหลาดทั้งสองประเภทพร้อมกันได้เลย”

ไฟประหลาดแต่ละประเภทมีพลังที่แตกต่างกันและไร้ซึ่งความเกี่ยวโยง มันจะเป็นอันตรายอย่างยิ่งหากนำไฟประหลาดสองประเภทหลอมรวมอยู่ในร่างคนๆ เดียว

เมื่อไฟประหลาดสองชนิดระเบิดพร้อมกัน ร่างของคนผู้นั้นจะถูกพลังย้อนกลับ จนทำให้เส้นลมปราณจะถูกทำลาย ตันเถียนเสียหาย และเลวร้ายที่สุดคือ มันจะนำไปสู่ความตาย

หยางเสี่ยวเทียนยิ้มและกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล หากข้าควบคุมมันไม่ได้ ข้าจะไม่ฝืนตนเองแน่นอน”

แม้นหยางเสี่ยวเทียนจะมีทั้งไฟศักดิ์สิทธิ์และไฟประหลาดอย่างละประเภท แต่สำหรับเขาแล้วยิ่งมากชนิดก็ยิ่งดี

เฉินฉางชิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งจนที่สุด ก็บอกถึงตำแหน่งไฟประหลาดอีกสามประเภท ให้หยางเสี่ยวเทียนรับรู้

หยางเสี่ยวเทียนมีความยินดียิ่ง เมื่อได้ทราบถึงตำแหน่งของไฟประหลาดทั้งสามชนิด

เป็นเรื่องยากสำหรับผู้อื่น ที่จะสามารถควบคุมไฟประหลาดให้หลอมรวมอยู่ในกายตนเองได้ถึงสองประเภท แต่เขามีอาจารย์ติง ปราณแท้มังกร และทักษะควบคุมไฟ ดังนั้น เขาจึงไม่กังวลเกี่ยวกับปัญหานี้

ไม่ช้า หยางเสี่ยวเทียนก็ออกจากโถงตำหนักกระบี่และกลับมายังลานด้านนอก ซึ่งระหว่างเดินทางกลับ เขาได้พบกับหูซิง เฉิงเป้ยเป้ย และหยางจง ยืนจับกลุ่มคุยกันสามคน

“หยางเสี่ยวเทียน!” ทันทีที่เฉิงเป้ยเป้ยเห็นหยางเสี่ยวเทียนอีกครั้ง ริมฝีปากบางของนางก็ขบเม้มแน่นพร้อมกัดฟันกรอด ดวงตาอันงดงามก็พลันลุกโชนด้วยความแค้น

เนื่องจากลูกเตะของหยางเสี่ยวเทียนในงานเลี้ยงฉลองวันนั้น ทำให้นางต้องนอนเจ็บปวดอยู่บนเตียงหลายวัน มันจึงตราตรึงฝังลึกในใจนางเป็นที่สุด

แต่หูซิงและหยางจงกลับมีอากัปกิริยาแตกต่างกันเมื่อเห็นหยางเสี่ยวเทียน หูซิงเต็มไปด้วยความริษยาและอาฆาตแค้น ในขณะที่หยางจงกลับเต็มไปด้วยความหวาดกลัว

หยางเสี่ยวเทียนเหลือบมองไปยังเฉิงเป้ยเป้ยผู้กำลังยืนในสีหน้าโกรธเกลียดเขา “ตอนนี้ข้าเป็นเจ้าตำหนักกระบี่ ตามกฎของสำนัก เจ้าต้องคำนับเมื่อเห็นข้ามิใช่หรือ ไฉนกลับยืนแข็งทื่อราวกับไก่ไม้ ประหนึ่งไม่มีผู้ใดเสี้ยมสอนมารยาทให้”

“เจ้าหมายความว่าอย่างไร เจ้าสั่งให้ข้าคำนับเจ้างั้นรึ! เจ้ากำลังท้าทายข้าหรืออย่างไร” เฉิงเป้ยเป้ยตะโกนแแผดเสียงแหลมอย่างเกรี้ยวกราดประหนึ่งลูกแมวถูกเหยียบหาง

ขณะนางกำลังเดือนพล่าน หูซิงผู้ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง กลับโค้งคำนับแล้วกล่าวว่า “น้อมคารวะท่านเจ้าตำหนัก”

“น้อมคารวะท่านเจ้าตำหนัก” สุ้มเสียงหยางจงสั่นเทา

เฉิงเป้ยเป้ยยังคงจ้องหยางเสี่ยวเทียนเขม็งด้วยดวงตาลุกโชน โดยไม่ลดสายตาลงแม้แต่น้อย

ด้วยนางเป็นถึงองค์หญิงผู้สง่างามของอาณาจักร จึงมิมีทางเชื่อ ว่าหยางเสี่ยวเทียนจะไม่สามารถทำอะไรผู้มีอำนาจเช่นนางได้

“อาการบาดเจ็บของเจ้าหายดีแล้วหรือ” หยางเสี่ยวเทียนเหลือบมองยังคนร่างเล็กที่กำลังสั่นเทาด้วยความโกรธ

เมื่อเฉิงเป้ยเป้ยได้ยินหยางเสี่ยวเทียนถามถึงอาการบาดเจ็บราวกับเป็นการซ้ำเติม ภาพที่หยางเสี่ยวเทียนเตะนางกระเด็นในวันนั้น ก็พลันผุดขึ้นมาในหัวอีกหน ทำเฉิงเป้ยเป้ยเดือดดาลด้วยโกรธแค้นพร้อมจะชักกระบี่ยังมือออกมา

หูซิงที่เห็นนางกำลังจะชักกระบี่ ก็พลันยื่นมือเข้าไปคว้าจับด้ามกระบี่ของเฉิงเป้ยเป้ยเอาไว้อย่างรวดเร็ว ไม่ให้นางทันชักออกจากฝัก

เนื่องจาก ครั้งแรกที่เฉิงเป้ยเป้ยใช้กระบี่ของนางกับหยางเสี่ยวเทียน นางก็ถูกเตะจนร่างกระเด็นราวกับใบไม้ และลูกเตะของหยางเสี่ยวเทียนครั้งที่สองนั้น ก็หนักหน่วงกว่าทุกครั้งมาก

หากเฉิงเป้ยเป้ยยังดึงดันจะใช้กระบี่ในครั้งนี้ เกรงจะถูกทำร้ายกระทั่งบาดเจ็บกว่าครั้งไหนๆ เป็นแน่

เมื่อเห็นหูซิงพุ่งปราดเข้ามาคว้าด้ามกระบี่ของเฉิงเป้ยเป้ย หยางเสี่ยวเทียนจึงแสร้งเอ่ยขึ้น “หูซิง”

“เจ้าส่งเติ้งอี้มาใช่หรือไม่” ทั้งแววตาและน้ำเสียงของหยางเสี่ยวเทียนล้วนเย็นเยียบขณะเอ่ยถาม

เมื่อหูซิงได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของเขาก็ฉายแววตื่นตระหนกพร้อมกล่าวอย่างเสแสร้ง

“ท่านเจ้าตำหนัก ข้าไม่รู้ว่าท่านพูดถึงเรื่องอะไร”

หยางเสี่ยวเทียนไม่ได้กล่าวอะไรต่อและจากไปทันที แต่ระหว่างเฉียดผ่านหยางจง เขาก็กล่าวว่า

“เจ้าเองก็ทำตัวดีๆ ล่ะ”

หยางจงไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมอง ขณะหยางเสี่ยวเทียนเดินผ่าน

หลังหยางเสี่ยวเทียนเดินพ้นไป เฉิงเป้ยเป้ยก็ยังคงจับจ้องมองตามเขาและกล่าวขึ้นด้วยความเจ็บแค้น

“ในอีกไม่กี่วัน ข้าจะกลับไปเมืองหลวง แล้วรายงานเรื่องนี้ต่อเสด็จพ่อ ให้เขาสั่งประหารเจ้าลูกหมาหยางเสี่ยวเทียน!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด