ตอนที่ 108 บัตรเดินทางข้ามมิติ (อ่านฟรี 14/11/2567)
[ภารกิจ เข้าร่วมงานประมูลกิเลนฟ้า สำเร็จ
รายละเอียด : เข้ารวมงานประมูลกิเลนฟ้าในฐานะผู้วางของประมูลโดยต้องให้ทางโรงประมูลประกาศชื่อร้านค้าเซียนรับจ้างเพื่อเป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้ร้าน และต้องประมูลของในงานมาด้วยอย่างน้อยสองชิ้น
รางวัล : สุ่ม 2 ครั้ง]
[“ท่านต้องการสุ่มของรางวัลเลยหรือไม่ ?”] หน้าต่างโปร่งแสงได้ปรากฏขึ้นต่อหน้าของเย่ซี หลังจากนั้นก็มีเสียงของระบบอันคุ้นเคยดังขึ้นมา
[“จัดไป!”] เย่ซีรอเวลานี้มานานแล้ว เขาได้แต่หวังว่าของรางวัลที่ได้จะมีประโยชน์เสียหน่อย
[“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านได้รับ บัตรข้ามมิติแบบสุ่ม 3 วันจำนวน 1 ใบ”]
[“ขอแสดงความยินดีด้วยท่านได้รับสนามประลองจิตวิญญาณ”]
[“ระบบได้ทำการส่งบัตรข้ามมิติเข้าสู่แหวนมิติของท่านแล้ว ส่วนสนามประลองจะทำการติดตั้งข้างร้านเซียนรับจ้างให้แล้วเสร็จภายในสามวัน”]
บัตรข้ามมิติ ? มันคืออะไรกัน... อย่าบอกนะว่าสามารถไปต่างโลกหรืออะไรแบบนั้นได้
“เถ้าแก่ ท่านจะทำอะไรต่อรึ ?” เยี่ยหลิงกล่าวถามออกมาหลังจากผ่านไปสักพักแล้วแต่ชายหนุ่มก็ยังคงนั่งอยู่เฉย ๆ ตามเดิม
“พวกเรากลับไปยังร้านเซียนรับจ้างกันก่อนจะดีกว่า ข้ามีเรื่องต้องตรวจสอบเล็กน้อย” ชายหนุ่มกล่าวจบเขาก็กวาดขนม ของกินเล่นทั้งหมดบนโต๊ะใส่กล่องไม้แล้วยัดเข้าแหวนมิติจนหมด
ของฟรีจะปล่อยทิ้งไว้ทำไมกัน ?
“เจอจนได้! เจ้าเด็กเมื่อวานซืน!” หลังจากที่ชายหนุ่มเดินออกจากห้องมาได้ไม่นานก็มีเสียงอันคุ้นเคยของชายชราดังขึ้น
เมื่อหันกลับไปมองก็พบว่าเป็นโจวชือนั่นเอง
“มีอะไรอีกเจ้าเฒ่า ?” ชายหนุ่มกล่าวออกมาด้วยความรำคาญ ทำไมชายชราคนนี้ถึงชอบตามหาเขานักนะ สินค้าก็ไม่ซื้อสักอย่าง ยังดีที่ชายชราประมูลสินค้าที่เขาเป็นผู้นำฝากประมูลไปสามชิ้น ชายหนุ่มจึงทำเงินจากอีกฝ่ายได้ไม่น้อย
“ข้าแค่จะมาเตือนเจ้าไว้ว่าระวังตัวให้ดี! กล้าหาเรื่องตระกูลโจวเช่นนี้ระวังจะไม่มีอนาคตเอาได้!!” ชายชรากล่าวออกมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
เขาได้ทำการติดต่อไปยังตระกูลแล้ว ซึ่งทางตระกูลก็แจ้งกลับมาว่าจะส่งยอดฝีมือมาจัดการปัญหาดังกล่าวให้ เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้ชายตรงหน้าของเขาจะมีอีกกี่ชีวิตก็ย่อหนีไม่พ้น!
“อ๋ออ ขอบใจมากเจ้าเฒ่า” ชายหนุ่มตอบกลับไปด้วยใบหน้าไม่ได้ล้อเลียน
“ข้ามีบางสิ่งจะบอกเจ้าเช่นกัน” เย่ซีทำหน้าจริงจังก่อนจะกล่าวออกมา เหมือนกับว่าเขากำลังจะพูดเรื่องที่สำคัญมากบางอย่าง ทำเอาชายชราอดที่รู้สึกกดดันขึ้นมาไม่ได้
“อะไร ?” ชายชราถามกลับไป เขาก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายมีอะไรจะบอกเขา
“ข้าคือเจ้าของร้านเซียนรับจ้าง... ตั้งแต่นี้เป็นต้นไปร้านของข้าจะไม่ต้อนรับคนจากตระกูลโจวทุกกรณี” ชายหนุ่มกล่าวออกมาก่อนที่จะเดินจากไปพร้อมกับหญิงงามผมสีขาวข้างกาย ทิ้งให้ชายชราและผู้ติดตามได้แต่ยืนนิ่งอึ้งอยู่อย่างนั้น
โจวชือเมื่อได้ยินว่าอีกฝ่ายคือเจ้าของร้านเซียนรับจ้างเขาก็เกิดความสับสนอยู่บ้าง เพราะสินค้าที่เขาประมูลได้มาในราคาแพงก็คือสินค้าของร้านเซียนรับจ้าง ยังไม่นับว่าการจะมีสิ่งเหล่านี้อยู่ในครอบครองได้แสดงว่าอีกฝ่ายต้องมีฝีมือไม่ใช่น้อย
... หรือไม่ก็อาจจะโชคดีได้มันมา
ครึ่งหลัง
“ท่านผู้อาวุโส เราจะทำยังไงกันดี ?” มีชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังชายชราผู้หนึ่งกล่าวถามออกมา
“ก่อนอื่นคงต้องไปสืบก่อนว่าร้านเซียนรับจ้างอยู่ที่ใด แล้วมีเบื้องหลังยังไงกันแน่” โจวชือที่ได้สติกลับมาจากการถูกลูกศิษย์ถามก็ตอบกลับไป
“แล้วสินค้าของร้านนั้นล่ะท่านผู้อาวุโส ข้าว่านอกจากสิ่งของที่ถูกนำมาประมูล ขึ้นชื่อว่าร้านย่อมต้องมีสิ่งอื่นวางขายเป็นแน่” ลูกศิษย์กล่าวถามต่อทันที เขากลัวว่าตระกูลโจวอาจจะทำผิดพลาดครั้งใหญ่แล้วก็ได้
ที่ผ่านมาพวกเขาไม่เคยกลัวที่จะเจอปัญหามาก่อน แต่ในครั้งนี้ถ้าปัญหาครั้งนี้ทำให้ตระกูลของเขาล้าหลังขุมอำนาจอื่นเพราะไม่อาจหาซื้อของวิเศษจากร้านเซียนรับจ้างได้ มันคงเป็นปัญหาใหญ่เลยทีเดียว
“เจ้าอย่าเพิ่งตื่นตะหนกไป ไม่แน่ว่ามันอาจไม่มีสิ่งใดอย่างที่คาดเดาก็ได้ หรือต่อให้มีเราก็แค่ให้ผู้อื่นที่มันไม่คุ้นหน้าไปซื้อสินค้าจากร้านมันซะก็จบ” สมกับเป็นผู้อาวุโส แม้จะวู่วามไปบ้างแต่ก็ยังมีความเฉลี่ยวฉลาดเหลืออยู่บ้างในบางครั้ง
“ตอนนี้ก็ส่งกลับไปยังที่ดินของพวกเรากันก่อน เรื่องสำคัญเรื่องแรกคือต้องเร่งก่อสร้างสิ่งปลูกสร้างให้เสร็จ เพื่อให้ทันกับการมาถึงของตระกูลหลักในเร็ววันนี้ ส่วนเรื่องร้านเซียนรับจ้างก็ให้สายลับของเราไปแอบสืบมาก็พอ” โจวชือกล่าวสั่งการออกมา ก่อนที่พวกเขาตระกูลโจวจะพากันเดินจากไป
...
“ท่านอาจารย์ ดูเหมือนเถ้าแก่จะเจอปัญหาหนักนะเจ้าคะ” หญิงงามในชุดคลุมสีเขียวกล่าวออกมาเสียวแผ่วเบา
ข้างกายของนางมีหญิงกลางคนที่ปิดบังใบหน้าด้วยผ้าคลุมหน้าสีเขียวอันเข้ากับชุดคลุมที่นางสวมใส่ แม้จะปิดบังหน้าตาเอาไว้แต่ดูจากรูปร่างและกลิ่นอายก็บอกได้ว่าเป็นสาวงามอีกคนหนึ่งอย่างแน่นอน
“ถ้าเป็นแค่ตระกูลโจวที่อยู่ในอาณาจักรนี้ก็ไม่นับว่าเป็นอะไรสำหรับเถ้าแก่” ชิวเหม่ยซือเปิดปากกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“แต่ถ้าตระกูลโจวจากมิติลับตั้งตนเป็นศัตรูกับเถ้าแก่อย่างจริงจัง ก็ยากที่จะบอกได้จริง ๆ ว่าเถ้าแก่จะรับมือได้หรือไม่” นางกล่าวออกมาด้วยความกังวล
ถึงแม้เถ้าแก่จะมีของล้ำค่าที่ไม่มีผู้ใดเคยพบเห็นมาก่อน แต่ก็ใช่ว่าจะดูถูกตระกูลโจวจากมิติลับได้ เพราะตระกูลโจวจากมิติลับคือตระกูลโจวที่มาจากอีกโลกหนึ่ง แต่เดิมแล้วพวกเขาจะมายังโลกไวท์เรียมทุกห้าสิบปี ซึ่งอีกหนึ่งปีก็จะครบกำหนดการนั้นแล้ว
แน่นอนว่าแดนมายาต้วนหลี่ของพวกนางก็เช่นกัน แต่เดิมแดนมายาของพวกนางอยู่ในมิติลับแห่งอื่น แต่เพราะสงครามการแก่งแย่งภายในมิตินั้นพวกนางจึงส่งผู้คนบางส่วนไปยังโลกอื่นเพื่อตั้งฐานที่มั่นสำรองเอาไว้ ซึ่งก็คือแดนมายาต้วนหลี่ของโลกไวท์เรียมในตอนนี้นั่นเอง
“ท่านอาจารย์ หรือพวกเราควรจะหาทางติดต่อตระกูลหลักให้ช่วยเหลือเถ้าแก่ดี ?” ลูกศิษย์ของนางกล่าวถามออกมา นางเป็นถึงศิษย์อัจฉริยะของแดนมายาต้วนหลี่ ย่อมได้รู้ความลับบางส่วนมาบ้างเช่นกัน
“เรื่องนั้นเราจะพูดคุยกันในภายหลัง แต่คงต้องไปเยี่ยมเยียนร้านเซียนรับจ้างอีกคราก่อนค่อยว่ากันใหม่” ชิวเหม่ยซือกล่าวออกมาก่อนที่นางจะพาศิษย์สาวของนางจากไป
...
[“ระบบ ไอ้บัตรข้ามมิตินี่มันคืออะไรกัน ?”] หลังกลับมาถึงร้านเซียนรับจ้างที่มีผู้คนมากขึ้นกว่าวันแรกเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มก็นั่งลงบนเก้าอี้ไม้ตัวเดิมก่อนจะถามระบบทันที
ในเวลานี้เขาสนใจในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก มากจนไม่ได้สนใจด้วยซ้ำว่ามีลูกคนหลายสิบคนที่จ้องมองมายังตัวเขาอยู่
[“เป็นบัตรที่เมื่อท่านใช้งานแล้ว จะทำการสุ่มเคลื่อนย้ายไปยังมิติใดมิติหนึ่ง ซึ่งท่านจะมีระยะเวลาอยู่ในมิตินั้นได้ทั้งหมดสามวัน”] สิ่งที่ระบบตอบกลับมาสร้างความตื่นเต้นให้ชายหนุ่มเป็นอย่างมาก
ข้ามมิติ!! ถึงจะแค่สามวันก็เถอะ