ตอนที่ 18 มาเพื่อเขา
ตอนที่ 18 มาเพื่อเขา
สายตาของทุกคนต่างจับจ้องดาบในมือเซียวเฉิน หากดาบเล่มนี้ฟาดลงไป โจวหลิงเสวี่ยคงไม่ใช่อัจฉริยะที่ทุกคนจับตามองอีกต่อไป
กระดูกเต๋าตื่นขึ้นในร่างของโจวหลิงเสวี่ย นางจึงได้ครอบครองกายเต๋าโดยกำเนิด
แต่หากสูญเสียกระดูกเต๋าไป โจวหลิงเสวี่ยจะเป็นอะไรได้อีก
"กระดูกเต๋าได้หลอมรวมกับข้าแล้ว แม้เจ้าจะนำมันกลับไปก็ไร้ประโยชน์" โจวหลิงเสวี่ยเอ่ยขณะไอออกมาเป็นเลือด
"มันเป็นของข้า ข้าจะนำมันกลับคืนมา จะมีประโยชน์หรือไม่นั้นไม่ใช่สิ่งที่เจ้าควรพิจารณา" สายตาของเซียวเฉินไม่โหดเหี้ยมแต่กลับเด็ดเดี่ยว
ฟึ่บ!
ดาบฟาดผ่าอากาศ พุ่งตรงไปยังท้องน้อยของโจวหลิงเสวี่ย
ตูม!
เสี้ยววินาทีนั้นพลังกดดันมหาศาลแผ่ลงมา แขนของเซียวเฉินราวกับถูกตรึงด้วยบางอย่าง พลังนี้เกาะกุมเขาไว้ให้ดาบของเขาหยุดนิ่งกลางอากาศ!
"หืม" ทุกคนเห็นว่าเซียวเฉินชะงักการเคลื่อนไหว ระหว่างกำลังสับสนก็เห็นผู้อาวุโสตระกูลหวังเหาะเหินเดินอากาศออกมาก่อนยืนขวางหน้าของโจวหลิงเสวี่ยเอาไว้
ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้ว
ไม่ใช่ว่าเซียวเฉินใจอ่อน แต่มีคนไม่ยินยอมให้เขานำกระดูกเต๋าไป
"ท่านผู้อาวุโสหมายความว่าอย่างไร" เซียวเฉินจ้องผู้อาวุโสตระกูลหวังเขม็ง พลังของผู้แข็งแกร่งในขอบเขตตำหนักลี้ลับนั้นน่าเกรงขามนัก
แม้ว่าเขาจะมีกระดูกเต๋าและกายเต๋าอมตะ แต่ก็ยากที่จะหลุดพ้นจากพันธนาการของอีกฝ่าย!
"เรื่องนี้ยุติแต่เพียงเท่านี้เถิด" ผู้อาวุโสตระกูลหวังเผยสีหน้าเย็นชา พยุงโจวหลิงเสวี่ยขึ้นจากพื้น
"ยุติแต่เพียงเท่านี้เถิดหรือ" สีหน้าของเซียวเฉินไม่สู้ดี ผู้อาวุโสตระกูลหวังจะให้เขายุติการแก้แค้นแต่เพียงเท่านี้หรือ
"เจ้าต้องการอย่างไรอีกเล่า"
ผู้อาวุโสตระกูลหวังแค่นเสียง ฝ่ามือข้างหนึ่งกำหมัดกลางอากาศ ชั่วขณะนั้นพลังฟ้าดินก็รวมตัวกันเป็นฝ่ามือขนาดยักษ์ บีบเข้าที่ลำคอของเซียวเฉินโดยตรง
"ตอนนี้ถือว่าโจวหลิงเสวี่ยเป็นคนของตระกูลหวังแล้ว เจ้ามีความคิดที่จะฆ่านาง ตระกูลหวังของเราย่อมไม่ปล่อยให้เจ้ามีชีวิตอยู่" ฝ่ามือของผู้อาวุโสตระกูลหวังกระชับขึ้นในอากาศ เลือดไหลออกมาจากมุมปากของเซียวเฉินอย่างช้า ๆ
"เซียวเฉิน!" ไป๋เนี่ยนปิงและคนอื่น ๆ หน้าเปลี่ยนสี ผู้อาวุโสตระกูลหวังคิดจะกำจัดเซียวเฉินหรือ
ผู้คนในเมืองวายุไกลถอนหายใจ ไม่ว่าเซียวเฉินจะแข็งแกร่งเพียงใดก็ยังไม่สามารถต่อกรกับตระกูลหวังได้
ผู้แข็งแกร่งในขอบเขตตำหนักลี้ลับ เลือดเย็น ไร้ปราณี เพียงคิดก็สามารถกำหนดเป็นตายได้
ครั้งนี้เซียวเฉินคงจบสิ้นแล้ว
"ช้าก่อนผู้อาวุโส"
ในเวลานี้หญิงสาวร่างสูงที่เงียบงันตั้งแต่มาถึงเมืองวายุไกลกล่าวขึ้น นางลุกขึ้นอย่างช้า ๆ เดินไปยังลานประลอง
"มีเรื่องอะไร" ผู้อาวุโสตระกูลหวังมองหญิงสาวร่างสูง นางอยู่ในขอบเขตสะพานชีวาขั้นเก้าด้วยอายุน้อยเช่นนี้ คงเป็นอัจฉริยะในสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต
"ข้าอยากให้ท่านผู้อาวุโสปล่อยเขาไป" หญิงสาวร่างสูงพูดพร้อมรอยยิ้ม
"ด้วยฐานะของเจ้านั้นยังไม่เพียงพอ" ผู้อาวุโสตระกูลหวังหรี่ตาลง "ศัตรูของตระกูลหวังไม่ควรมีชีวิตอยู่บนโลกนี้"
หญิงสาวได้ยินคำพูดนี้ก็ไม่ได้ตอบกลับในทันที กลับมองไปที่เซียวเฉิน
"ในฐานะศิษย์ในของสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต ข้าขอรับเจ้าเป็นศิษย์แทนอาจารย์ เจ้ายินดีที่จะเข้าร่วมสำนักหรือไม่"
สายตาของเซียวเฉินเป็นประกาย หญิงสาวคนนี้ต้องการช่วยชีวิตเขาหรือ
เขาไม่ทันได้ตอบผู้อาวุโสตระกูลหวังก็ยิ่งกระชับมือจากพลังรากฐานแก่นแท้ให้แน่น เซียวเฉินแม้แต่จะหายใจยังลำบากจึงพูดไม่ออก
"ผู้อาวุโสปฏิบัติต่อศิษย์น้องของข้าเช่นนี้ หากอาจารย์ของข้ารู้เข้าย่อมไม่ยอมอยู่เฉยแน่" สีหน้าของนางเย็นชาลง
"อาจารย์ของเจ้าเป็นใครกัน" ผู้อาวุโสตระกูลหวังถาม
"อาจารย์ของนางคืออาจารย์เหมย" จัวชิงตอบแทนนาง
"อาจารย์เหมย!" ผู้อาวุโสตระกูลหวังคลายมือลงอย่างเห็นได้ชัด
อาจารย์เหมยเป็นคนลี้ลับในสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต ทว่าไม่มีใครในกองกำลังใหญ่ในเมืองหลวงแคว้นไพศาลไม่รู้จักอาจารย์เหมย
"เมื่อรู้จักอาจารย์ข้าแล้วยังไม่รีบปล่อยศิษย์น้องของข้าอีก!" หญิงสาวร่างสูงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
"เขายังไม่ได้ตอบตกลงกับเจ้า ยังไม่ถือว่าเป็นศิษย์น้องของเจ้า" ผู้อาวุโสตระกูลหวังท้วง ทว่าน้ำเสียงไม่เกรี้ยวกราดเหมือนก่อนหน้า
"สายตาของเขาตอบตกลงแล้ว"
คำตอบของนางทำให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นั้นตะลึงงัน สายตาตอบตกลงแล้วอย่างนั้นหรือ
สายตาแบบใดกัน
เซียวเฉินตกใจเช่นกัน นี่ถือว่าเป็นการมัดมือชกให้เขาเข้าสำนักหรือไม่
"ข้ามาเมืองวายุไกลก็เพื่อเขา หากเขาได้รับบาดเจ็บ ความโกรธของอาจารย์ของข้า แม้แต่ท่านผู้อาวุโสก็คงรับไว้ไม่ไหว" ถ้อยคำของหญิงสาวร่างสูงแฝงแววข่มขู่ เรียกสีหน้าถมึงทึงของผู้อาวุโสตระกูลหวัง
"มาเพื่อเขาหรือ" ไป๋เนี่ยนปิงมองนางแล้วผละไปมองเซียวเฉินพลางกะพริบตา
"ก็ได้ ข้าจะให้เกียรติอาจารย์เหมย" ผู้อาวุโสตระกูลหวังคิดทบทวนอย่างถี่ถ้วน จากนั้นจึงปล่อยเซียวเฉิน ไม่ต้องการทำให้บุคคลที่มีชื่อเสียงอย่างอาจารย์เหมยขุ่นเคืองใจเพราะมดปลวกตัวหนึ่ง
ในแคว้นไพศาล อาจารย์เหมยยังมีฉายาหนึ่ง ‘เหมยบ้าระห่ำ!’
"แค่ก ๆ"
เซียวเฉินกระแอม ลำคอของเขายังรู้สึกแสบร้อน
เขาเข้าใจดีว่าเหตุผลที่อีกฝ่ายปล่อยเขาไปไม่ใช่เพราะความเมตตา แต่เป็นเพราะความแข็งแกร่งของอาจารย์เหมย
นี่คือกฎของโลกการบำเพ็ญ กฎตลอดกาลที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง!
"ขอบคุณศิษย์พี่หญิง" เซียวเฉินเอ่ยคำ ทำให้หญิงสาวร่างสูงเผยรอยยิ้มสดใส
ชั่วขณะต่อมาหญิงสาวร่างสูงก็วางสองมือบนไหล่เซียวเฉิน ขยับใบหน้าประชิดเขาราวกับกำลังชื่นชมบางอย่าง
"ได้ศิษย์น้องรูปงามมาเลี้ยงที่บ้านเป็นอาหารตานั้นดีไม่น้อย"
"เอ่อ..." เซียวเฉินไม่รู้จะตอบอย่างไรชั่วขณะ
"ศิษย์น้องหญิง" อีกด้านหนึ่ง จัวชิงเดินไปที่ด้านข้างของโจวหลิงเสวี่ย "การแพ้ชนะในศึกครั้งนี้ไม่จำเป็นต้องใส่ใจนัก เจ้าครอบครองกายเต๋าโดยกำเนิดแต่กลับติดอยู่ในเมืองวายุไกลแห่งนี้ เมื่ออาจารย์ของข้าหาเทคนิควิชาที่เหมาะสมให้กับเจ้าได้แล้ว จะทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอย่างก้าวกระโดดเป็นแน่ เมื่อถึงเวลานั้นเข้าก็จะเอาชนะบางคนได้เอง"
"ได้ศิษย์พี่ชี้แนะ ข้าจะจดจำไว้ในใจ" แววตาเย็นชาของโจวหลิงเสวี่ยมองไปยังเซียวเฉินเป็นครั้งคราว "ความอัปยศอดสูในวันนี้ เจ้าจะต้องชดใช้ให้ข้าร้อยเท่า"
เซียวเฉินมองจัวชิงและโจวหลิงเสวี่ยอย่างเย็นชา "หากไม่มีใครปกป้องเจ้า ยามนี้เจ้าคงกลายเป็นศพเย็นชืดไปแล้ว ชีวิตของเจ้า ข้าจะไปเอาคืนที่แคว้นไพศาลด้วยตัวเอง เมื่อถึงเวลานั้นก็ไม่มีใครขวางกั้นได้!"
ผู้อาวุโสตระกูลหวังและจัวชิงต่างก็ส่งไอสังหารออกมาพร้อมกัน ไม่มีใครขวางกั้นได้ หมายถึงพวกเขาหรือ
"น่าขันนัก แม้เจ้าจะเป็นศิษย์ของอาจารย์เหมย แต่ก็ยังคงเป็นมดปลวกตัวหนึ่ง" จัวชิงผู้อยู่ในขอบเขตสะพานชีวาระดับเก้ากล่าวด้วยท่าทีเย็นชา
"กลับไปเก็บของเถอะ เราจะไปเมืองหลวงกันเดี๋ยวนี้" ผู้อาวุโสตระกูลหวังอารมณ์ก็ไม่ดีนักเช่นกัน โจวหลิงเสวี่ยพ่ายแพ้ให้กับเซียวเฉินในวันนี้ ทำให้ตระกูลหวังเสียหน้าไม่น้อย
"ผู้อาวุโสและศิษย์น้องสามารถโดยสารนกกระเรียนของข้าได้"
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ จัวชิงก็เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมา เขามองไปยังหญิงสาวร่างสูง "จูชิงฮวน ลำบากเจ้ากลับแคว้นไพศาลด้วยตัวเองแล้ว"
"ยินดีเป็นอย่างยิ่ง" จูชิงฮวนยิ้มบาง อาจารย์ของจัวชิงกับอาจารย์เหมยนั้นไม่ถูกชะตากัน
เซียวเฉินมองออกว่าความสัมพันธ์ระหว่างจูชิงฮวนและจัวชิงนั้นไม่ดีนัก แม้จะเดินทางมาด้วยกันแต่บรรยากาศกลับตึงเครียดมาก
‘คงมีฝักฝ่ายต่างๆ ในสำนักสวรรค์ไร้ขอบเขต’ เซียวเฉินคิดในใจ
โจวหลิงเสวี่ยไม่ได้เก็บของแต่อย่างใด เพียงกล่าวคำอำลาโจวขวางเจาสั้น ๆ ก่อนเหยียบขึ้นหลังนกกระเรียน โบยบินจากไปพร้อมกับสายลม
นางไม่อยากอยู่เมืองวายุไกลอีกต่อไปแล้ว!
ไม่เพียงเพราะที่นี่ห่างไกลและทุรกันดารเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะวีรกรรมน่าอับอายของนางถูกเปิดเผยต่อสาธารณชน!
"จบแล้วหรือ" เมื่อโจวหลิงเสวี่ยหายลับตาไป ทุกคนจึงพลันนึกขึ้นได้
งานประลองครั้งใหญ่ของเมืองวายุไกลจบลงแล้วหรือ