ตอนที่ 12 ความยากลำบาก
ตอนที่ 12 ความยากลำบาก
“กล้าดียังไงข่มขู่ผู้ดูแล? ช่างไม่รู้จักกลัวตาย!” เฮ่อซงที่ใช้งานอาวุธลับโจมตีงูดำเพื่อกระตุ้นให้มันโจมตีใส่จี้เตี๋ยเพราะความโกรธ ขณะนี้กำลังตื่นเต้นยินดี
เพราะหากกล้ามีเรื่องกับผู้ดูแล อนาคตภายหน้านับจากนี้ของอีกฝ่ายก็ยากลำบากแล้ว
แต่ก็ยังมีเรื่องหนึ่ง เช่นวันนี้อีกฝ่ายจะรอดพ้นจากคอกมารับความยากลำบากหรือไม่!
จี้เตี๋ยจ้องมองเฮ่อซงด้วยสายตาเย็นเยือก เพราะได้เห็นผลไม้มากมายพุ่งเข้าหาตน ทำให้เขาไม่มีเวลาพอจะไปสนใจภายนอก เขาเร่งร้อนใช้ตะกร้าผลไม้เป็นโล่เพื่อต้านรับเอาไว้ตรงหน้า ขณะที่ในใจเกิดความรู้สึกเย็นวาบ
ภายหลังมาเยือนสำนักเจ็ดลึกล้ำ เขาไม่เคยสร้างปัญหาใด และคิดเพียงแค่อยากอยู่อย่างสงบ แต่เสมือนโลกไม่ยินยอม แม้เขาไม่ข่มเหงผู้อื่น ก็เป็นผู้อื่นมาข่มเหง
ถ้าอย่างนั้นจงเข้ามา!
หากฆ่ากันไม่ได้ เช่นนั้นไม่ช้าข้าจะหาทางฆ่าเจ้าเอง!
ตึงตึง! ผลไม้ที่เข้าปะทะกับตะกร้าระเบิดออก บางส่วนรุนแรงจนทำตะกร้าเป็นรูโหว่ ขณะที่บางส่วนกระเด็นมาโดนแขนของเขาทำให้รู้สึกปวดจนชอกช้ำ
ส่วนภายนอกคอกก็ปรากฏเสียงร้องดังให้ได้ยิน มันคือการโจมตีที่ไม่ระบุเป้าหมาย เพราะผลไม้บางส่วนมันทะลวงผ่านกรงไม้ออกไปปะทะกับผู้คน
ภายหลังเสียงร้องสงบลงไปบ้าง จี้เตี๋ยจึงโยนตะกร้าที่พังแล้วทิ้งขณะเมินเฉยอาการบาดเจ็บของตนเอง สายตาของเขาเงยมองขึ้นไปยังงูดำที่กำลังคลุ้มคลั่ง
โซ่ที่ยืดออกจนสุด มันราวกับจะพังได้ทุกเมื่อ เสียงขู่ร้องของมันดังอย่างต่อเนื่อง ลูกธนูลับเมื่อครู่คือตัวกระตุ้นความดุร้าย ด้วยเหตุนั้นมันจึงมองทุกคนตรงหน้าเป็นศัตรู
โชคดีที่คอกมีขนาดใหญ่กว้างกว่าสิบฉื่อ และเจ้างูดำยังคงโดนโซ่พันธนาการเอาไว้แน่น ปัจจุบันมันจึงยังไม่อาจโจมตีเขาได้
เพียงแต่สภาพปัจจุบันของมัน ก็ไม่ใช่อะไรที่ใครจะเข้าไปใกล้ได้!
“ไอ้เดรัจฉาน…” จี้เตี๋ยหลบตาปิดซ่อนความรู้สึก เพราะชายหน้าม้ายังคงจับตามองอยู่
หากว่าทำงานพลาด เขาจะถูกตั้งข้อหาจนถูกขับไล่ออกจากสำนัก ทั้งยังถูกทำลายการฝึกฝน
ถ้าอย่างนั้นก็ต้องสยบเจ้างูดำให้จงได้!
“ฟ่อ!” งูดำที่เพิ่งถูกเล่นงาน ปัจจุบันมันกำลังแสดงท่าทีก้าวร้าว ยามพบเห็นจี้เตี๋ยเข้าไปใกล้ หัวอันใหญ่โตของมันพลันพุ่งทะยานเข้าหาโดยทันที
“น่าเวทนาเจ้าเด็กใหม่ซะจริง” ศิษย์คนอื่นผู้อยู่ภายนอกคอกส่ายศีรษะด้วยความเวทนา
เจ้างูดำสำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สามจุดสูงสุด นอกจากนี้ยังเป็นสัตว์อสูรมีเกล็ดหนา ความยอดเยี่ยมของมันไม่ใช่อะไรที่มนุษย์ผู้เพิ่งกลั่นลมปราณจะเทียบเปรียบ กระทั่งว่ามีระดับการฝึกตนเดียวกับมันยังอาจต้องใช้สองถึงสามคนเพื่อสยบ
หากว่าไม่ได้ฝึกวิทยายุทธ์ เกรงว่าคงไม่มีโอกาสเอาชนะ
แต่เรื่องราวเกินคาดได้บังเกิดขึ้น เพราะร่างของจี้เตี๋ยเคลื่อนไหวอย่างว่องไวจนสามารถหลบเลี่ยงการโจมตีของงูดำไปได้
“เร็วอะไรขนาดนั้น!” ขณะทุกคนประหลาดใจ งูดำกลับพุ่งเข้าโจมตีอีกครั้ง ปากอ้ากว้างสีแดงสดของมันคิดกัดเข้าใส่จี้เตี๋ย
“เจ้าเดรัจฉาน สงบเสงี่ยมหน่อย” ในแววตาของจี้เตี๋ยหาได้มีความหวาดกลัวไม่ เขาใช้ความว่องไวเพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีจากปากงูยักษ์ได้
“ฟ่อ!!” หางของงูดำเล็งเป้าขณะถอนตัวกลับไปตั้งหลัก มันพยายามเข้ากัดร่างจี้เตี๋ยครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกครั้งเด็กหนุ่มสามารถหลบเลี่ยง แต่ก็ยิ่งทำให้มันดุร้ายมากยิ่งขึ้นเช่นกัน
สัตว์ร้ายที่ฝึกไม่ยอมเชื่อง!
ในเมื่อฝึกให้มันเชื่องไม่ได้ ก็ต้องใช้วิธีการทุบตีจนกว่ามันจะยอมสยบ!
นัยน์ตาของจี้เตี๋ยทอประกายอันเย็นเยือก เขาบิดร่างเพื่อหลบเลี่ยงการพุ่งเข้ากัดของเจ้างูยักษ์อีกครั้ง ถัดจากนั้นจึงใช้พลังวิญญาณซึ่งรวบรวมเอาไว้ฟาดผ่านมือเปล่าเข้าปะทะหัวของงูยักษ์
ตึง! หัวของเจ้างูดำมีเกล็ดอยู่บนศีรษะก็จริง แต่การโจมตีนี้ก็ยังรุนแรงจนทำมันมึนงง ปากที่อ้ากว้างเวลานี้ยิ่งส่งเสียงฟ่อคำรามดังออกมา
กลิ่นคาวอันไม่พึงประสงค์ซัดเข้าใส่จี้เตี๋ยเต็มหน้า ประกายความเย็นเยือกในดวงตาของเขายิ่งทอประกายลึกล้ำ จิตใจของเขายังคงกระจ่างและสงบนิ่ง ก้าวเท้าเริ่มปราดเปรียวและว่องไวมากขึ้น เพื่อหลบเลี่ยงการโจมตีจากปากสีแดงชาดของงูดำ
ก่อนงูดำจะทันตอบสนอง จี้เตี๋ยกลับกระโดดขึ้นไปบนตัวของมันพร้อมต่อยหมัดเข้าใส่อีกครั้งหนึ่ง
“เจ้าเดรัจฉาน! จะยอมฟังข้าหรือไม่!?”
งูดำส่งเสียงร้องคร่ำครวญด้วยความเจ็บปวด เพราะจี้เตี๋ยสำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สี่ พละกำลังของเขาจึงเหนือกว่า ทั้งยังระดมหมัดเข้าใส่จนสร้างความเจ็บปวดรวดร้าวให้ มันพยายามเหวี่ยงสะบัดร่างอย่างรุนแรงเพื่อสะบัดเขาให้พ้นออกจากตัว
“ไอ้เดรัจฉานนี่ จะดื้อรั้นก็ให้มันพอดีหน่อย!” จี้เตี๋ยขยับขาบีบรัดร่างของมันเอาไว้แน่น แม้ถูกสะบัดอย่างแรงก็ไม่อาจทำให้เขาหลุดจากตัวงูดำ ด้วยเหตุนั้นหมัดจึงระดมต่อยรัวเข้าใส่อย่างต่อเนื่อง
เพียงแต่เพราะมันคือสัตว์ที่มีเกล็ดปกคลุม การโจมตีแต่ละครั้งจึงเปรียบเสมือนการทำร้ายตนเองไปด้วย ไม่ช้าหมัดของเขาจึงต้องชุ่มด้วยเลือดไหลเจิ่ง!
“ยังไม่ยอมหรือ?!” จี้เตี๋ยราวกับลืมเลือนความเจ็บปวด ความดุร้ายในดวงตาของเขารวมกับความโกรธราวกับถูกระบายออก หมัดแต่ละหมัดที่ต่อยเข้าใส่ประหนึ่งห่าฝนจึงทำให้งูดำส่งเสียงร้องฟ่อดังออกมาอย่างต่อเนื่อง
“บ้ากันไปแล้ว มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง? เจ้าหนูนั่นแข็งแกร่งขนาดนั้นเลยงั้นหรือ? งูดำนั่นสำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สามจุดสูงสุดเลยนะ?!”
เรื่องราวดำเนินไปไกลเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด กระทั่งเฮ่อซงที่คลุ้มคลั่งยังแสดงออกชัดราวกับเห็นภาพหลอน
กระทั่งชายหน้าม้าก็ยังต้องขมวดคิ้ว พร้อมได้ตระหนักว่าข่าวที่ตนได้ยินมาสมควรผิดพลาด ไฉนเลยเจ้าเด็กนี่จะสำเร็จแค่การกลั่นลมปราณขั้นที่สองได้? เพราะตอนนี้จี้เตี๋ยกำลังเล่นงานงูดำอย่างเป็นฝ่ายเหนือกว่า!
งูดำซึ่งโดนต่อยเล่นงานที่หัวอย่างหนักจนแทบจะเห็นดาว เวลานี้มันพยายามฟาดลำตัวด้านหลังเข้ากับกำแพง เพื่อพยายามขับไล่จี้เตี๋ยให้ลงจากตัวมัน
และการเคลื่อนไหวครั้งนี้ได้ผล ตอนเกิดการปะทะ จี้เตี๋ยที่ขี่ร่างมันอยู่ถึงกับอดไม่ได้จนต้องส่งเสียงคร่ำครวญเจ็บปวดดังออกมา
“ไอ้เดรัจฉานนี่ ไม่รู้จักยอมงั้นหรือ มาดูกันว่าใครกันแน่ที่จะทนต่อไม่ไหว!” พบเห็นงูดำพยายามฟาดร่างตัวมันเข้ากับกำแพงอีกครั้งหนึ่ง จี้เตี๋ยพลันเผยสีหน้าดำมืดขณะรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดที่มีโรมรันออกผ่านหมัดเข้าปะทะยังหัวของมัน
หนึ่งคนหนึ่งงูพยายามต่อสู้ยื้อยุดกันไปมา จี้เตี๋ยโดนเล่นงานหนักมากขึ้น ขณะที่งูดำไม่เพียงแต่ต้องอดกลั้นต่ออาการบาดเจ็บที่เอาร่างตัวมันไปปะทะกำแพง แต่ยังต้องรับการโจมตีของจี้เตี๋ยร่วมไปด้วย จนกระทั่งผ่านไปพักหนึ่ง ท้ายที่สุดเสียงล้มตึงกับพื้นจึงดังขึ้น มันไม่อาจขยับร่างกายได้ไหวอีกต่อไปแล้ว
พบเห็นเรื่องราว จี้เตี๋ยจึงหยุดการโจมตีก่อนจะกระโดดลงมาจากร่างของมัน
ร่างของเขาโดนงูดำฟาดเล่นงานกับกำแพงหลายต่อหลายครั้ง ความเจ็บปวดที่แบกรับยามนี้จึงไม่ใช่เล็กน้อย กระทั่งรู้สึกราวกับกระดูกในร่างกายแทบหัก แต่เขาคือผู้ที่ยังยืนหยัด ขณะที่งูดำในเวลานี้คือฝ่ายนอนแทบเท้า
“ยอมหรือไม่?”
งูดำย่อมไม่อาจพูดตอบได้ แต่สายตาที่มันมองมายังเขาได้แสดงออกอย่างเปี่ยมล้นว่าหวาดกลัว
จี้เตี๋ยแค่นเสียงตอบ มันเป็นอย่างที่เขาคาดคิด บางทีโลกใบนี้ก็ต้องสยบด้วยกำลัง กับอีกฝ่ายที่ดื้อด้านไม่หลาบจำ แค่ป้อนน้ำป้อนอาหารย่อมไม่พอทำให้มันจดจำว่าใครกันแน่ที่เป็นนาย
วิธีการใช้กำลังทุบตีสร้างความหวาดกลัว อย่างไรก็ได้ผลลัพธ์ที่ดีกว่า!
ฟ่อ…
ขณะเดียวกันนั้น ภายนอกคอกหมายเลขที่สิบเอ็ดกลับเงียบงัน หากจะมีเสียงใดก็คงเป็นเสียงลมหายใจ
ภาพฉากที่เห็นนี้โหดเหี้ยมและรุนแรง งูดำที่สำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สามจุดสูงสุด ถึงขั้นถูกเด็กใหม่เล่นงานจนพ่ายแพ้ด้วยมือเปล่า!
“ไอ้หนูนั่นสำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สามแล้วหรือ?” ด้วยสถานะบุคคลผู้มีการฝึกฝนสูงที่สุดในที่แห่งนี้ ชายหน้าม้าตระหนักพบเห็นอย่างชัดเจน กระทั่งเผยสีหน้าเคร่งเครียดออกมา
เขามั่นใจว่าจี้เตี๋ยไม่มีทางใช่ผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณขั้นที่สอง
เพราะแม้ว่าการเคลื่อนไหวของงูดำจะถูกจำกัดเอาไว้จนไม่อาจแสดงกำลังแท้จริงออกมา แต่อีกฝ่ายก็ใช้ความว่องไวและคล่องแคล่วที่เหนือกว่าจนเอาชนะมาได้
นอกจากนี้ งูดำยังเป็นสัตว์อสูรกลั่นลมปราณขั้นที่สามจุดสูงสุด การโจมตีของผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณขั้นที่สองไม่มีทางทำให้มันได้รับบาดเจ็บได้ อย่างมากก็คงเหมือนเป็นการสะกิดให้คัน!
มันจึงนำไปสู่ข้อสรุปที่ว่าอย่างน้อยเด็กหนุ่มจะต้องสำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สาม
ทั้งที่จี้เตี๋ยเพิ่งมาเยือนสำนักเจ็ดลึกล้ำได้เพียงแค่เจ็ดวัน แต่กลับสามารถก้าวหน้าสำเร็จได้ถึงสองขั้น!
วันที่อีกฝ่ายมาพร้อมกับศิษย์พี่หญิงซ่ง เขาตระหนักได้ชัดเจนว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงผู้ฝึกตนกลั่นลมปราณขั้นที่หนึ่ง
จี้เตี๋ยย่อมไม่อาจทราบความคิดของชายหน้าม้า เพราะเขากำลังอดกลั้นต่อความเจ็บปวด เพื่อหยิบแปรงขัดและไม้กวาดไปเก็บกวาดความวุ่นวาย
งูดำที่แม้หมดสิ้นเรี่ยวแรงก็ยังคิดดิ้นรน เมื่อครู่ตอนที่จี้เตี๋ยขี่หลัง เพราะเป็นสัตว์อสูรที่มีเกล็ดหนาปกคลุมจึงไม่ได้รับบาดเจ็บมากมายนัก เพียงแต่สภาพโดยรวมก็ไม่ใช่ว่าดี มันต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะฟื้นฟู
“ห้ามขยับ!” จี้เตี๋ยที่พบเห็นมันพยายามดิ้นรน เขาจึงต่อยอีกหนึ่งหมัดลงใส่หัวของมัน
งูดำตระหนักทราบถึงความดุร้าย เวลานี้จึงไม่กล้าขยับเคลื่อนไหวอีก