ข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 9
ข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 9
ท่ามกลางฝูงโครงกระดูก
หยานจู่และจั่วมู่เกอถูกรายล้อมไปด้วยนักรบโครงกระดูกจำนวนมาก
เปลวเพลิงลุกโชนอยู่รายรอบเทพธิดาเพลิง หอกเพลิงในมือกราดแทงออกไปไม่ได้หยุด
-654
-635
-652
…......
ตัวเลขค่าความเสียหายอันน่าสยดสยองผุดขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง
พวกนักรบโครงกระดูกถูกเพลิงแผดเผาจนไหม้เกรียม กลายเป็นโครงกระดูกกระจัดกระจายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที
อย่างไรก็ตาม เมื่อหยานจีจัดการนักรบโครงกระดูกไปได้กลุ่มหนึ่ง นักรบโครงกระดูกกลุ่มใหม่ก็จะดาหน้าเข้ามาแทนที่
พวกมันพุ่งเข้ามาโจมตีเธอด้วยดาบผุพังในมือ
-5
-4
-4
แม้ว่าค่าความเสียหายนี้จะไม่มากนัก แต่เมื่อสะสมรวมกันแล้วก็ไม่อาจประมาทได้
ด้านหลังของเธอ ไคทาสีขาวในมือจั่วมู่เกอเปล่งแสงออกมา
ประกายแสงศักดิ์สิทธิ์ส่องต้องใบหน้าอันน่ารักของเธอ ขณะที่เธอเอ่ยขึ้นเบาๆว่า
"โล่วจนะศักดิ์สิทธิ์!"
ทันใดนั้นความเสียหายทั้งหมดก็ถูกดูดซับเอาไว้
จั่วมู่เกอโบกคทาอีกครั้ง
"วจนะศักดิ์สิทธิ์: ฮีลลิ่ง!"
เกิดแสงระยิบระยับห่อหุ้มร่างกายของหยานจี
ทันใดนั้นพลังชีวิตของเธอก็ฟื้นฟูกลับมาจนเต็ม
จากนั้นจั่วมู่เกอก็ร่ายเกราะขึ้นมาต้านทานการโจมตีให้ตัวเอง
หยานจีแทงหอกออกไป สีหน้าของเธอดูไม่สู้ดีสักเท่าใด
"บ้าจริง ฉันไม่นึกเลยว่าจะมีบอสอยู่ข้างใน แล้วก็ยังเป็นถึงเนโครแมนเซอร์ที่จัดการยากที่สุดด้วย!"
จั่วมู่เกอขมวดคิ้ว
"เสี่ยวจีจี น้ำยามานาของฉันใกล้หมดแล้ว"
หยานจีหน้าเปลี่ยนสี จากนั้นเธอจึงกัดฟันพูดว่า
"ตามมา! ฉันจะพาเธอฝ่าออกไป!"
"มังกรเพลิงทะลวง!"
หยานจีแทงหอกในมือออก ร่างเงาของมังกรเพลิงก็ปรากฏขึ้นห่อหุ้มพวกเธอไว้
เงามังกรเพลิงกู่ร้องคำราม มันแหวกฝ่านักรบโครงกระดูกที่ขวางทางออกไปอย่างรวดเร็ว
-
-976
-962
ตู้ม ตู้ม ตู้ม!
ร่างของทั้งสองคนพุ่งผ่านไปที่ชายขอบของฝูงโครงกระดูกอย่างรวดเร็ว
อย่างไรก็ตาม ขณะที่อยู่ห่างจากชายขอบฝูงโครงกระดูกเพียงสิบกว่าเมตร ร่างเงาของมังกรเพลิงก็สลายไป
หยานจีหน้าซีดเผือด เธอช็อคจนแทบจะลืมหายใจ
ในฐานะที่เป็นสกิลมรดกของอาชีพอัศวินมังกรเพลิง มังกรเพลิงทะลวงย่อมทรงพลังไม่ผิดแน่
เพียงแต่ความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเธอยังต่ำเกินไป
ยังไม่ต้องพูดถึงว่ามันใช้ได้แค่หนึ่งครั้งต่อวันเท่านั้น และหลังจากใช้แล้วก็จะทำให้เธอเหน็ดเหนื่อยอย่างมาก!
เธอเหลือบมองไปที่ชายขอบของฝูงโครงกระดูกก่อนจะสูดหายใจเข้าลึกๆ
"ถอยไปนะ!"
ขณะที่พูด เธอก็ยังขยับหอกในมือไม่ได้หยุด
อย่างไรก็ตาม เมื่อพละกำลังอ่อนโทรมลง พลังโจมตีของหอกก็ลดลงไปมาก
เป็นการยากที่จะสังหารนักรบโครงกระดูกได้ในเวลาไม่กี่วินาทีอีก
เมื่อทั้งสองกำลังจะฝ่าออกไปได้ พวกเธอก็ถูกพวกนักรบโครงกระดูกล้อมเอาไว้อีกครั้ง
เหล่าผู้มีพลังพิเศษที่อยู่ไกลๆเองก็ย่อมมองเห็นฉากนี้เช่นกัน
"สองคนนั้นมัน....คนของตระกูลหยานและตระกูลจั่ว!"
"สามารถปลุกพลังอัสวินมังกรเพลิงและนักบวชวจนะศักดิ์สิทธิ์ได้ พวกเธอเป็นทายาทตระกูลสายหลัก!"
"ทำยังไงดี? พวกเราต้องเข้าไปช่วยไหม?"
นั่นเป็นตระกูลหยานและตระกูลจั่วเชียวนะ!
ตระกูลทั้งสองก็คือตระกูลผู้ปกครองเมืองประกายแสง!
ประโยชน์ที่จะได้รับนั้นก็เห็นกันชัดเจนอยู่แล้วหากสามารถช่วยเหลือทายาทของตระกูลที่สามารถปลุกพลังอาชีพหายากขึ้นมาได้
และหากว่าสามารถเอาชนะใจสาวงามได้ นั่นก็จะไม่ต่างจากหนูตกถังข้าวสารเลย!
บางคนเริ่มขยับตัวจะเข้าไปช่วย!
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่พวกเขาจะทันได้วิ่งเข้าไปช่วย คำพูดหนึ่งก็คล้ายกับมีถังน้ำเย็นสาดใส่หัวของพวกเขา
"ช่วยงั้นเหรอ? จะเอาอะไรไปช่วย? ไม่เห็นฝูงโครงกระดูกพวกนั้นรึไง!?"
"ใช่ ในฝูงนั่นอย่างน้อยๆก็มีพันตัวเห็นจะได้ และเจ้าบอสนั่นก็ไม่ใช่สิ่งที่พวกเราจะต่อกรด้วยได้เลย!"
"รีบไปกันเถอะ ถ้าพวกเราตกเป็นเป้าหมายของบอสไปด้วย พวกเราจะต้องตายอยู่ที่นี่แน่!"
คนส่วนใหญ่ยังคงมีเหตุผล ไม่ถูกความงามที่อยู่เบื้องหน้าล่อลวงจนหน้ามืดตามัว
ขณะที่พวกเขากำลังจะหันหลังเดินจากไป พวกเขาก็เห็นชายหนุ่มผมสีดำกำลังเดินตรงไปทางฝูงโครงกระดูก
"เจ้านี่...."
"หรือไม่กลัวตายเลย?"
ทุกคนหันไปมองด้วยความตกใจ
หลินอวี่เดินเข้าไปใกล้ฝูงโครงกระดูกก่อนจะตะโกนขึ้นยิ้มๆว่า
"นั่นมันคุณนักเรียนโต๊ะเดียวกันไม่ใช่เหรอ? ดูสีหน้าไม่ค่อยดีเท่าไรเลยนะ? ต้องการให้ช่วยมั้ย?"
เมื่อเจอกันทักทายเช่นนี้ แม้แต่หยานจีและจั่วมู่เกอที่กำลังต่อสู้ด้วยความยากลำบากก็ยังต้องตกตะลึง
"เพื่อนร่วมโต๊ะ?"
จั่วมู่เกอสับสน จากนั้นจึงหันไปมองหยานจี
เพื่อนร่วมโต๊ะของเธอเป็นผู้หญิง
แต่เสียงที่ตะโกนเข้ามานี้เป็นเสียงของผู้ชายชัดๆ
สีหน้าของหยานจีเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เธอย่อมจำเสียงของหลินอวี่ได้
อย่างไรก็ตาม หลินอวี่เป็นแค่นักเวทธรรมดาๆไม่ใช่เหรอ?
เขามาทำอะไรที่นี่?
เจอกับมอนสเตอร์โครงกระดูกฝูงใหญ่แบบนี้ นักเวทฝึกหัดอย่างเขาจะทำอะไรได้?
เธอย่อมไม่มีความคิดจะฉุดดึงคนอื่นเข้ามาในปักโคลนด้วยกัน
เธอกัดฟันก่อนจะตะโกนออกไปว่า "หลินอวี่?! นายมาทำอะไรที่นี่?! รีบหนีไปเร็วเข้า!"
หลินอวี่นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ จากนั้นจึงปรายตามองนักรบโครงกระดูกสองตัวที่กำลังถือมีดผุพังเดินเข้ามาหาเขา
นักรบโครงกระดูกทั้งสองใช้มีดในมือฟันใส่หลินอวี่ที่ยังคงยืนนิ่งไม่ขยับเขยื้อน
-0
-0
-0
ต่อให้สร้างความเสียหายไม่ได้ พวกมันก็ยังโจมตีอย่างไม่ยอมย่อท้อ
คล้ายกับการโจมตีเป็นการสร้างความสุขสำหรับพวกมัน
หลินอวี่ยกมือขึ้นจับหัวกะโหลกของนักรบโครงกระดูกที่เบื้องหน้าอย่างอดไม่ได้
อืม เป็นสัมผัสที่ให้ความรู้ดีจริงๆ
แค่กๆ ไม่ใช่สิ ที่สำคัญที่สุดในตอนนี้คือการช่วยคน!
หลินอวี่สลัดความคิดไร้สาระทิ้ง จากนั้นจึงโบกคทาที่อยู่ในมือ
เปลวเพลิงเริ่มควบแน่นกลายเป็นบอลไฟก่อนจะพุ่งเข้าไปตกกลางฝูงโครงกระดูก
ตู้ม!
เปลวไฟที่มีรัศมี 20 เมตรกำลังระเบิดออกมาเป็นควันรูปเห็ดอันงดงาม
-1193
-1201
-1190
…........
ค่าความเสียหายอันน่าพรั่นพรึงเด้งขึ้นรัวๆ นักรบโครงกระดูกหลายสิบตัวถูกระเบิดจนกระจุยกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย......