ตอนที่แล้วข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 2
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 4

ข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 3


ข้านี่แหละจอมเวทไร้เทียมทาน ตอนที่ 3

หลังจากซื้อของบางอย่างเสร็จแล้ว หลินอวี่ก็ได้ซื้อคทาระดับ F ที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่เลเวล 1 มา

-----------------------------------------------

คทาฝึกหัด: +5 พลังโจมตีเวทมนตร์

-----------------------------------------------

คทาระดับต่ำสุด

แน่นอน สำหรับหลินอวี่ที่มีระเบิดไฟซึ่งทรงพลังมากอยู่แล้ว นี่ไม่สำคัญสักเท่าไหร่

เมื่อเทียบกับค่าความเสียหายทั้งหมดของลูกไฟเล็กแล้ว มันก็ไม่ได้เลวร้ายไปกว่านั้น

เขายังซื้อเสื้อคลุมระดับ F ที่สามารถใช้ได้ตั้งแต่เลเวล 1 มาด้วย

-----------------------------------------------

เสื้อคลุมฝึกหัด: +2 พลังป้องกันกายภาพ

-----------------------------------------------

...ก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย

แม้ว่าจะเป็นคทาและเสื้อคลุมระดับต่ำสุด แต่ก็ยังมีราคาถึง 5,000 เหรียญซึ่งนับว่าแพงหูฉี่สำหรับหลินอวี่

ถึงอย่างไรมันก็เป็นไอเทมของนักผจญภัยล่ะนะ

ถ้าไม่ใช่เพราะเงินค่าชดเชยของพ่อแม่ เขาก็คงไม่สามารถซื้อทั้งสองอย่างนี้ได้ด้วยซ้ำ

หลังจากที่ซื้อพวกมันมาแล้ว เขาก็เหลือเงินอยู่ในกระเป๋าเพียงพันกว่าเหรียญ

หลินอวี่หมดคำจะพูดจริงๆ

เมื่อสวมเสื้อคลุมฝึกหัดสีเทา และถือคทาสีเทายาวครึ่งเมตรอยู่ในมือแล้ว

หลินอวี่ก็กลายเป็นนักเวทที่ดูหล่อเหลา มีราศีที่นักเวทผู้หนึ่งพึงมี

บนท้องถนนมีนักผจญภัยหญิงหลายคนแอบมองดูเขา

เขาไม่ได้หยุดอยู่ที่นี่นานเกินไปนัก เขาเดินไปขึ้นรถบัส และนั่งไปยังเขตนอกเมือง

หอคอยมิติของเมืองประกายแสงนั้นเชื่อมต่อกับมิติลับหลายมิติ

มิติลับเหล่านี้ถูกสะกดเอาไว้ด้วยพลังอันยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ และประตูทางเข้ามิติก็ถูกย้ายมาไว้ที่นี่

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้เป็นมิติลับระดับต่ำ

ในบรรดามิติเหล่านี้ มีที่ราบกระดูกเหี่ยวเฉาซึ่งเหมาะสำหรับไว้ฝึกฝนผู้มีพลังพิเศษระดับฝึกหัดอยู่

ค่าเข้าสำหรับนักเรียนนั้นจะลดลงครึ่งหนึ่ง ซึ่งราคาเต็มของมันคือ 500 เหรียญ แต่ตอนนี้มันเหลือเพียง 250 เหรียญเท่านั้น

หลังจากจ่ายค่าธรรมเนียมแล้ว หลินอวี่ก็มองไปที่ยอดเงินคงเหลือซึ่งต่ำกว่า 1,000 ด้วยความเศร้า เขากลายเป็นคนจนจริงๆแล้ว

อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ใช้จ่ายเงินทั้งหมดไปแล้ว หลินอวี่ก็เชื่อมั่นว่าด้วยความแข็งแกร่งของเขา เขาจะได้รับมันกลับมาในไม่ช้า

หลังเดินผ่านประตูมิติของมิติลับมา หลินอวี่ก็ปรากฏตัวขึ้นในสถานีขนาดเล็กแห่งหนึ่ง

ที่นี่มีเพียงทหารกลุ่มเล็กๆเท่านั้นที่ประจำการอยู่ เช่นเดียวกับพวกนักผจญภัยและพ่อค้าที่เดินซื้อขายสินค้าอยู่ไม่มาก

"เร่เข้ามา เร่เข้ามา ที่นี่มีโครงกระดูก ผงกระดูก ลูกแก้วอันเดด..."

"หาคนมาตั้งทีมด้วยกัน ขอคนที่มีเลเวล 5 ขึ้นไป พวกเราจะไปที่โถงแห่งความตาย...."

"…"

เสียงร้องตะโกนเหล่านี้ทำให้หลินอวี่มึนงงเล็กน้อย

นี่มันเหมือนกับบรรยากาศภายในเกมออนไลน์ในชีวิตที่แล้วของเขาเลยนี่หน่า

น่าเสียดาย ที่นี่ไม่ใช่เกม ทุกคนมีเพียงหนึ่งชีวิต และหากพวกเขาตาย พวกเขาก็จะตายจริงๆ

เขาส่ายหัวและสลัดความคิดในใจทิ้งไป

ตอนนี้เอง นักผจญภัยสามคนที่อายุยังน้อยก็เดินเข้ามา

นักรบ นักธนู และนักบวช

หัวหน้ากลุ่มที่เป็นนักรบเดินเข้ามาพูดกับหลินอวี่

"สหาย นายเวลอะไร? สนใจร่วมทีมของพวกเราเพื่อไปที่ป่ากระดูกหินมั้ย? เรากำลังขาดนักเวทอยู่"

"ไม่ล่ะ"

หลินอวี่ชำเลืองมองพวกเขา จากนั้นจึงหมุนตัวเดินจากไป

ลู่หยานเมื่อถูกปฏิเสธ ใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นน่าเกลียดเล็กน้อย

"นักเวทที่อยากจะฉายเดี่ยวงั้นเหรอ? ไม่ประมาณตนเลย"

อีกสองคนก็พยักหน้า

"ที่เขาสวมมันเสื้อคลุมฝึกหัดระดับต่ำสุดไม่ใช่เหรอ?"

"คนจะรนหาที่ตาย จะไปห้ามเขาทำไม?"

"คิดว่าตัวเองเป็นผู้มีพลังพิเศษอาชีพหายากรึไง?"

"…"

ทั้งสามคนสาปแช่งอยู่สองสามคำแล้วจึงหาเพื่อนร่วมทีมต่อ

ไม่นานหลังจากนั้น แสงก็สว่างวาบ และเทพธิดาเพลิงผลาญที่สวมชุดเกราะสีแดงก็เดินออกมาจากประตูมิติ

ข้างๆเธอเป็นผู้หญิงผมดำสลวยในชุดคลุมสีขาวบริสุทธิ์

เธอก็คือ หยานจี และเพื่อนสนิทของเธอ จั่วมู่เกอ

ทั้งสถานีเงียบงันไปครู่หนึ่ง และทุกคนต่างก็ถูกหญิงสาวแสนสวยทั้งสองดึงดูดความสนใจไป

ทั้งสองไม่ได้หยุดพัก พวกเธอเดินออกจากสถานีทันที

จนกระทั่งทั้งสองคนจากไปแล้ว ทุกคนค่อยรู้สึกตัว

"นั่นมันคุณหนูใหญ่ของตระกูลหยานกับคุณหนูใหญ่ของตระกูลจั่วไม่ใช่เหรอ?"

"อัศวินมังกรเพลิงและนักบวชวจนะศักดิ์สิทธิ์ สุดยอดเกินไปแล้ว"

"การได้เกิดในตระกูลใหญ่นี่มันดีจริงๆ ถ้านายมีโอกาส นายก็สามารถปลุกพลังอาชีพที่หายากได้โดยตรง"

ลู่หยานและคนอื่นๆก็เฝ้าดูหยานจีและจั่วมู่เกอเดินออกไปลับสายตา ก่อนที่พวกเขาจะถอนสายตากลับมา

ลู่หยานกล่าวว่า

"ช่างมันเถอะ ฉันรอมาตั้งนานแล้ว ยังไม่เห็นจะหาคนได้เลย ไม่มีนักเวทก็ไม่มีนักเวทเถอะ เราจะล่าให้ช้าลงก็แล้วกัน ไปกันเถอะ"

"โอส!"

…….......

นอกสถานีเป็นที่ราบกระดูกเหี่ยวเฉา

ท้องฟ้าเป็นสีเทาหม่น และในอากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นเหม็นเน่าเล็กน้อย

หลินอวี่เลี่ยงผ่านพวกโครงกระดูก ซอมบี้ และสุนัขโครงกระดูกที่อยู่โดดเดี่ยวไปเรื่อยๆ และในไม่ช้า เขาก็พบค่ายโครงกระดูก

ค่ายโครงกระดูกมีพื้นที่ประมาณ 20 ตารางเมตร ในค่ายมีกลุ่มนักรบโครงกระดูก และมีแม้กระทั่งนักเวทโครงกระดูก

เมื่อห่างจากค่ายโครงกระดูกประมาณ 50 เมตร หลินอวี่ก็หยุดเพื่อซ่อนตัว

เกือบจะอยู่ในระยะแล้ว

เขาเริ่มร่ายเวท

ธาตุไฟไหลมารวมตัวกันที่เบื้องหน้าเขา และขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ในเวลาเพียงหนึ่งวินาที ธาตุไฟก็ควบแน่นกลายเป็นลูกไฟขนาดเท่าอ่างล้างหน้า

หลินอวี่ชี้คทาออกไป และลูกไฟนั้นก็กลายเป็นลำแสงพุ่งไปที่ค่ายโครงกระดูก

ตู้ม!

ลูกไฟที่ตกลงไปในค่ายเกิดการระเบิดขึ้น เปลวไฟแผ่ออกไปทั่วทุกทิศทุกทาง ครอบคลุมรัศมีประมาณสิบเมตร ไอร้อนและคลื่นระเบิดสามารถแผ่ออกมาถึงตำแหน่งที่หลินอวี่อยู่

-338

-343

….........

ในพื้นที่ที่ลูกไฟระเบิด ความเสียหายแผ่พุ่งออกมากลืนกินพวกโครงกระดูกทีละตัว กระดูกของมันแตกกระจุยกระจาย

"ติ๊ง! ผู้เล่น หลินอวี่ สังหารนักรบโครงกระดูกระดับ 4 ได้รับค่าประสบการณ์ 4 แต้ม"

"ติ๊ง! ผู้เล่น หลินอวี่ สังหารนักรบโครงกระดูกระดับ 5 ได้รับค่าประสบการณ์ 5 แต้ม"

"…"

ข้อความแจ้งเตือนเด้งขึ้นรัวๆ

แต้มประสบการณ์ของหลินอวี่เพิ่มขึ้นเป็น 54 แต้ม!

จากนั้นนักรบโครงกระดูกและนักเวทโครงกระดูกที่เหลือก็พบเห็น หลินอวี่ จากระยะไกล พวกมันรีบออกจากค่ายเพื่อบุกมาโจมตีเขาทันที

อย่างไรก็ตาม ทันทีที่พวกมันวิ่งออกจากค่าย ลูกไฟขนาดใหญ่อีกลูกหนึ่งก็ตกลงไปกลางกลุ่มของพวกมัน

ตู้ม!

นักรบโครงกระดูกและนักเวทโครงกระดูกที่เหลืออยู่ถูกฆ่าทั้งหมด

แต้มประสบการณ์ของหลินอวี่พุ่งไม่หยุดอีกครั้ง!