ตอนที่ 8 การฝึกฝนที่พรั่งพรู
ตอนที่ 8 การฝึกฝนที่พรั่งพรู
“ไม่รู้เลยว่ามันจะได้ผลแค่ไหน” จี้เตี๋ยสูดลมหายใจเข้าลึกขณะคว้าผลไม้และส่งมันเข้าปาก สุดท้ายจึงเริ่มเคี้ยวมันพลางพินิจพิจารณา
รสชาติของมันค่อนข้างแตกต่างจากที่เคยได้ทาน กระทั่งว่าเนื้อของมันหลอมละลายภายในปาก
ถัดจากนั้นกระแสความอบอุ่นจึงเริ่มพวยพุ่งแผ่ซ่านภายในร่างกายของเขา มันคือพลังวิญญาณ!
“มันมีสรรพคุณจริง! ผลไม้นี่ก็ถือเป็นสมุนไพรทางยาชนิดหนึ่งงั้นสินะ!” จี้เตี๋ยเบิกดวงตากว้างแสดงอาการยินดี ความรู้สึกรักและหลงใหลในตัวหม้อทองแดงยามนี้ยิ่งพุ่งสูง
มันคือสมบัติอันแท้จริงที่นำพาความประหลาดใจมาให้เขาได้อย่างต่อเนื่อง!
เพียงแต่สิ่งสำคัญอันดับหนึ่งในเวลานี้คือการกลั่นพลังวิญญาณที่ได้รับ ดังนั้นจี้เตี๋ยจึงไม่อาจยินดีได้นาน เขาเร่งร้อนหลับตาลงเพื่อเริ่มฝึกฝนวิชามหาลึกล้ำ แปรเปลี่ยนพลังวิญญาณมาเป็นของตนเอง และส่งพวกมันไหลเวียนไปตามร่างกายอย่างต่อเนื่อง
ทันใดนี้เองที่จี้เตี๋ยตระหนักทราบถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่าน รูขุมขนของเขาราวกับถูกเปิดออกจนรับรู้ได้ถึงความสบายอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ภายหลังดูดกลืนสรรพคุณทางยาจนหมดสิ้น เขาจึงลืมตาขึ้นและเผยความยินดีขณะมองผลไม้ที่ตนเองเพิ่งกัดกิน
“สรรพคุณของผลยกวิญญาณนี้ดีเยี่ยม กินหนึ่งคำแทบจะเทียบเท่าการดูดกลืนศิลาวิญญาณถึงสามก้อน!”
ผลลัพธ์นี้มันทำให้จี้เตี๋ยต้องรู้สึกยิ้มยินดีอยู่ภายใน
ดังทราบว่ากว่าจะดูดกลืนศิลาวิญญาณได้ก็จำเป็นต้องใช้เวลา เพียงแต่ผลไม้นี้กลับใช้เวลาเพียงแค่ไม่กี่ชั่วสิบลมหายใจ สรรพคุณของมันแทบจะเทียบเท่าการฝึกตนราวสองถึงสามวัน เรียกได้ว่าไม่แปลกใจที่ศิษย์คนอื่นจะแสดงความอิจฉากันออกมา
มันคือของดี!
และด้วยหม้อทองแดงที่มี ขอเพียงต้องการ เขาก็สามารถมีพวกมันมากเท่าที่ต้องการได้!
“ก่อนอื่นก็ต้องไปให้ถึงการกลั่นลมปราณขั้นที่สอง!” จี้เตี๋ยเผยดวงตาเป็นประกายขณะจูบเข้ากับหม้อทองแดงด้วยความยินดี ขณะเดียวกันเขายังรู้สึกได้ ว่าอาการตีบตันทางการฝึกฝนก่อนหน้านี้ได้รับการผ่อนคลาย หากว่ามีพลังวิญญาณมากกว่านี้ เขาจะต้องไปถึงการกลั่นลมปราณขั้นที่สองได้อย่างแน่นอน!
ภายหลังกัดผลยกวิญญาณในมือไปครั้งหนึ่ง เวลานี้เขาทานมันต่อจนหมดโดยไม่คิดรีรอให้เสียเวลา
ตู้ม! ครั้งนี้กระแสความอบอุ่นแผ่ซ่านอย่างยิ่งใหญ่ และภายใต้การชี้นำของวิชามหาลึกล้ำ มันจึงไหลบ่าเข้าไปยังทะเลลมปราณภายในกายของเขา
ผ่านไปช่วงเวลาหนึ่ง เสียงปะทุดังลั่นพลันออกมาจากร่างกายของเขา จี้เตี๋ยรับรู้ได้ถึงกระแสความอบอุ่นที่แผ่ซ่าน ลมปราณภายในร่างกายแข็งแกร่งขึ้นกว่าที่เคยเป็นอย่างรู้สึกได้ เขาเพิ่งสำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สอง ทั้งที่ก่อนหน้านี้แทบจะหาทางไปต่อไม่ได้!
ยิ่งไปกว่านั้น ภายหลังการข้ามผ่าน มันไม่ได้หยุดยั้งลงแค่เพียงเท่านี้ ปัจจุบันจี้เตี๋ยยังคงไม่ลืมตา เขายังพยายามกลั่นสรรพคุณทางยาที่ยังเหลืออยู่จนหมดสิ้น
จนกระทั่งเส้นทางพลังวิญญาณที่เคยหนาเพียงนิ้วมือ ได้ขยับขยายขึ้นหลายเท่าจนแทบจะเทียบได้กับท่อส่งน้ำขนาดเล็ก เวลานี้เองที่เขาลืมตาขึ้น
“ในที่สุดเราก็สำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สอง” จี้เตี๋ยลืมตาเผยแววตาอันกระจ่างใส
เดิมผิวกายของเขาที่ค่อนข้างคล้ำ ภายหลังการข้ามผ่านมันเริ่มสุกสว่างมากขึ้น ส่วนสูงเองก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน มันคือความเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งทำให้เขามั่นใจ!
“พอมาคิดดูแล้ว ก็คงต้องของคุณสตรีใจโฉดนางนั้น” เมื่อนึกถึงอีกฝ่าย จี้เตี๋ยอดไม่ได้จนต้องแค่นเสียงออกมา
หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายส่งเขามายังคอกสัตว์แห่งนี้ เขาก็คงไม่อาจมีโอกาสได้ก้าวหน้ารวดเร็วถึงขนาดนี้
แน่นอนว่าเขาไม่ได้นึกขอบคุณต่ออีกฝ่าย และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้เขาถือดี!
“การกลั่นลมปราณขั้นที่สองไม่ใช่ปลายทาง เราจะถือดีเพราะเรื่องแค่นี้ไม่ได้ เรายังแข็งแกร่งไม่พอ และไม่รู้ด้วยว่าสตรีนางนั้นฝึกตนไปถึงระดับใดแล้ว แต่ไม่ช้าก็เร็วเราจะต้องข้ามผ่านนางไปให้ได้…” ภายหลังส่ายศีรษะ จี้เตี๋ยตั้งมั่นว่าจะไม่ลืม ว่าตนเองเพิ่งสำเร็จเพียงแค่การกลั่นลมปราณขั้นที่สอง
เขากระทั่งคิดออกไปเก็บผลไม้เหล่านั้นมาเพิ่มอีกสักจำนวนหนึ่ง เพื่อใส่พวกมันลงหม้อทองแดงและยกระดับการฝึกตนของตนเองให้ก้าวหน้ามากขึ้น
การกระทำของจี้เตี๋ยไม่มีใครให้ความสนใจ เพราะผลไม้เหล่านี้เติบโตอย่างรวดเร็ว จนเรียกได้ว่าแทบจะมีท่วมสวน
เพียงแต่จี้เตี๋ยก็ไม่ได้เก็บพวกมันมามากมายแต่อย่างใด
ทางหนึ่งเพราะหากเก็บมามากเกินไปคงใช้งานได้ไม่หมด และเขาไม่อยากทำให้ผู้อื่นเกิดความสงสัย
แม้ว่าจะไม่มีใครคาดคิดถึง แต่การระวังตัวไว้ก่อนไม่ใช่เรื่องเสียหาย
ไม่ช้าจี้เตี๋ยจึงฉวยโอกาสกลางค่ำคืนอันเงียบสงัด เพื่อนำผลไม้ทั้งหมดที่เก็บมาใส่ลงในหม้อทองแดง ภายหลังผ่านกระบวนการยกระดับ เขาจึงได้รับผลยกวิญญาณมาถึงสิบห้าผล
“สิบห้าผล!” ลมหายใจของจี้เตี๋ยเริ่มรัวเร็ว
วันนี้ลั่วเฉียงเพิ่งได้รับผลยกวิญญาณมาผลหนึ่ง ก็มากพอทำให้ศิษย์มากมายเกิดความอิจฉา
หากเรื่องราวที่เขาครอบครองผลยกวิญญาณถึงสิบห้าผลเปิดเผยออกไป เกรงว่าคงได้รับความริษยาจากผู้อื่นไม่รู้จบสิ้น
และจี้เตี๋ยไม่โง่พอจะเปิดเผยเรื่องดังกล่าว
ครอบครัวของเขาจากไปตั้งแต่ตนเองยังเด็ก ดังนั้นเขาจึงเติบโตขึ้นมาโดยลำพังจนมีจิตใจที่เติบใหญ่ หากไม่เขาคงตายอย่างไร้ที่กลบฝังไปนานแล้ว
ภายหลังเก็บผลยกวิญญาณส่วนเกินเข้าใส่ถุงมิติ จี้เตี๋ยจึงเริ่มกินผลหนึ่งที่อยู่ในมือ
ตามข้อมูลที่บันทึกเอาไว้ในคัมภีร์วิชา ปริมาณปราณวิญญาณของการกลั่นลมปราณขั้นที่สาม มันจะต้องเพิ่มขึ้นจากขั้นที่สองหลายเท่า
แต่จี้เตี๋ยมีผลยกวิญญาณ ดังนั้นการฝึกฝนของเขาจึงสามารถก้าวหน้าอย่างรวดเร็วได้ ภายหลังกินไปถึงสิบผล เสียงปะทุพลันดังขึ้นจากด้านในร่างกายของเขาอีกครั้ง
ไม่นานมานี้เขาเพิ่งสำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สอง แต่เวลานี้กลับสำเร็จอีกขั้นหนึ่งแล้ว
การกลั่นลมปราณขั้นที่สาม!
เส้นทางพลังวิญญาณในกายของเขา มันขยายขนาดจนแทบจะเท่าคูน้ำ!
หากเรื่องราวนี้ถูกเปิดเผยออกไป เกรงว่าคนนับไม่ถ้วนคงอ้าปากค้างหุบไม่ได้!
เนื่องจากเขาเพิ่งเข้าสู่เส้นทางของการฝึกตนได้ยังไม่ถึงครึ่งเดือนเลยด้วยซ้ำ!
“เราสำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สามแล้ว” จี้เตี๋ยไม่ได้ลำพองใจ เขายังคงใช้ผลยกวิญญาณที่เหลืออีกห้าผลอย่างต่อเนื่อง และด้วยเส้นทางพลังวิญญาณที่ใหญ่เทียบเท่าคูน้ำ เขาเริ่มขยับขยายมันออกอีกครั้งหนึ่ง
วันถัดมา จี้เตี๋ยเดินเข้าไปด้านในโรงนาพร้อมตะกร้าผลไม้ในมือขณะครุ่นคิดอยู่ตลอดทาง
“คิดไปเองหรือเปล่านะ”
“พลังของผลยกวิญญาณ เหมือนจะส่งผลน้อยลงกว่าที่เคยเป็น” จี้เตี๋ยขมวดคิ้วขณะเริ่มไตร่ตรองหาเหตุผล
ยิ่งทานผลยกวิญญาณเข้าไปมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าความก้าวหน้าที่เคยพุ่งพรวดกลับกลายเป็นเบาบาง
‘ก่อนหน้านี้เคยได้ยินมา ว่าหากป่วยเล็กน้อยก็ไม่ควรทานยา ทางหนึ่งเพราะมันไม่ได้มีแต่สรรพคุณ แต่ว่ามีโทษ อีกทางหนึ่งเพราะหากทานยามากจนเกินไป ร่างกายอาจจะเกิดการต่อต้านจนดื้อยา หรือผลไม้นี่จะเป็นกรณีเดียวกัน?’ จี้เตี๋ยครุ่นคิดอยู่ภายใน พร้อมมองว่าเรื่องที่คาดเดานี้ดูเป็นไปได้ เพียงแต่มันไม่ใช่อะไรที่เขาจะแก้ไข
เพราะมันถือเป็นเหตุสุดวิสัย
‘ช่างมัน ต่อให้สรรพคุณจะลดน้อยลง แต่เราก็ยังมีผลยกวิญญาณอีกมาก!’ จี้เตี๋ยยิ้มแย้มกับตนเองพลางปลอบว่าไม่ควรต้องกังวลจนเกินไป ขณะนี้เขายังมีหน้าที่ต้องไปคอกหมายเลขที่สิบเอ็ด
จี้เตี๋ยเทผลไม้ลงไปเหมือนเคย ถัดจากนั้นจึงมองเจ้าตัวใหญ่ที่อยู่ด้านใน ปัจจุบันเขาไม่ได้กลัวจนหัวหดเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว
“ระดับการฝึกตนของงูดำนี่ก็แค่การกลั่นลมปราณขั้นที่สามจุดสูงสุด ขณะที่ตัวเราเองก็สำเร็จการกลั่นลมปราณขั้นที่สามแล้ว ต่อให้เอาชนะไม่ได้ แต่ก็คงไม่อันตรายถึงตาย” แม้ได้เห็นท่าทีถือดีของมันจนราวกับไม่เห็นตนเองในสายตา จี้เตี๋ยก็ไม่ได้โกรธแต่อย่างใด
เขากวาดตามองเพื่อยืนยันว่าในโรงนาไม่มีคน ถัดจากนั้นจึงนำผลยกวิญญาณที่ผ่านการใส่หม้อทองแดงออกมาจากถุงมิติ สุดท้ายพอลังเลอยู่พักหนึ่ง เขาจึงโยนมันเข้าไปที่ข้างงูดำ
นับตั้งแต่พบว่าผลยกวิญญาณมากมายสามารถเร่งความเร็วการฝึกฝนของตนเองได้ เขาก็ไม่คิดอยากไปจากที่นี่แล้ว
ดังนั้นเขาจำเป็นต้องสานสัมพันธ์อันดีกับเจ้าตัวใหญ่นี่เอาไว้ เพื่อที่เมื่อไหร่เข้าไปทำความสะอาดคอกหรืออาบน้ำให้มัน อย่างน้อยจะได้ไม่ต้องทะเลาะกัน!
เพียงแต่จี้เตี๋ยไม่มั่นใจ ว่างูยักษ์ตรงหน้าจะสนใจผลไม้ที่โยนไปหรือไม่
โชคดีที่เขากังวลจนเกินเหตุ เพราะงูยักษ์คล้ายตระหนักถึงอะไรบางอย่าง แม้เหมือนลังเลแต่มันก็ลืมตาขึ้น กระทั่งขยับหัวเลื้อยเข้าไปหาผลยกวิญญาณ
และเพียงชั่วอึดใจ มันจึงกลืนทั้งผลหายวับพร้อมกับเผยท่าทีพึงพอใจออกมา!
“ได้ผล!”