ตอนที่ 6 เยือนสำนักเจ็ดล้ำ และคอกสัตว์
ตอนที่ 6 เยือนสำนักเจ็ดลึกล้ำ และคอกสัตว์
สำนักเจ็ดลึกล้ำตั้งอยู่ที่รัฐคราม ยอดเขาทั้งห้าแห่งสำนักมีเมฆหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี พวกมันเปรียบเสมือนเสาสูงที่ชี้สู่ฟากฟ้า
และที่ใจกลาง มันมีแม่น้ำซึ่งเกิดจากตาน้ำผุดไหลผ่านยอดเขาทั้งห้าพาดผ่านตะวันตกสู่ตะวันออก จนแบ่งพื้นที่ออกเป็นฝั่งเหนือและใต้ และสองยอดเขาที่ฝั่งใต้คือสำนักเจ็ดลึกล้ำสายนอก ส่วนอีกสามยอดเขาทางฝั่งเหนือคือสถานที่ซึ่งศิษย์แกนหลักและเหล่าผู้อาวุโสในสำนักใช้ฝึกฝน
ปัจจุบัน ที่ภายนอกฝั่งใต้ ชายหนุ่มนามโจวสวี่ได้พาจี้เตี๋ยผู้หลับตาแน่นเหาะเหินผ่านอากาศเดินทางมาถึง
เพราะได้ชายหนุ่มกล่าวเตือน จี้เตี๋ยจึงหลับตาเอาไว้แน่น ด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่ทราบว่าเดินทางมาถึงสำนักเจ็ดลึกล้ำแล้ว
และเพราะถูกบีบบังคับให้ตามมาด้วย ทำให้เขารู้สึกไร้เรี่ยวแรงและพลังที่ไม่อาจกำหนดโชคชะตาของตนเองจนรู้สึกอึดอัด
เพียงไม่ช้า คนทั้งสองจึงร่อนลงบนภูเขาของฝั่งใต้ และยามรับรู้ได้ถึงพื้นดิน จี้เตี๋ยจึงลืมตาขึ้นอีกครั้ง
ไม่ไกลออกไป เขาได้เห็นแผ่นหินที่แกะสลักตัวอักษรสองคำพร้อมลวดลายมังกรทะยานหงส์แดงเริงระบำ
สำนักสายนอก!
ด้านข้างคือถนนซึ่งปูด้วยหินสีครามทอดออกไปไกลห่าง ต้นไม้สูงตระหง่านประดับรายทางพร้อมเรือนหลังใหญ่อันงดงามอยู่ข้างทาง มันเป็นภาพที่ชวนให้รู้สึกเป็นประหนึ่งแดนแห่งเทพเซียน
แม้กระทั่งอากาศยังสดชื่นยิ่งกว่าที่หมู่บ้าน!
จี้เตี๋ยพลันตระหนักว่าหากได้อยู่ที่นี่ก็คล้ายจะไม่ใช่เรื่องแย่!
ทันใดนี้เองที่ซ่งเจี่ยพลันร่อนลงมาที่ข้างกายของเขา
“ศิษย์น้องหญิง ฝากจัดแจงเรื่องสถานะตัวตนแก่เขาด้วย ข้าจำเป็นต้องไปรายงานผู้อาวุโสก่อน” โจวสวี่หันไปพยักหน้าบอก
“ได้เลย!” ซ่งเจี่ยพยักหน้าอันเย็นชาตอบรับก่อนจะหันสายตาเปรยมองเด็กหนุ่ม จี้เตี๋ยที่พบเห็นถึงกับตัวสั่น
ก่อนหน้านี้เขาเพิ่งสบถตะโกนด่าทอยั่วยุนางไป ตั้งแต่ตอนนั้นจนถึงตอนนี้นางคงอาฆาตแค้นเขาอยู่แน่!
และในเมื่อสบโอกาสเช่นตอนนี้ นางจะฉวยโอกาสล้างแค้นเลยหรือไม่?
ขณะจี้เตี๋ยกำลังรู้สึกร้อนรน โจวสวี่ก็พุ่งตัวไปยังภูเขาอีกด้านหนึ่งเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เหลือไว้ก็เพียงแต่ซ่งเจี่ยที่กำลังมองตัวเขาด้วยท่าทีเฉยชา
“ตามมา”
เสียงนี้เย็นเยือกราวสายลมอันหนาวเหน็บเดือนแรกแย้มของปี มันทำผู้คนที่ได้ยินรู้สึกเย็นเยือกตั้งแต่หัวจรดเท้า
จี้เตี๋ยติดตามนางไป โดยใช้เส้นทางมุ่งไปด้านข้างของแผ่นหิน เขาไม่อาจทราบว่าจุดหมายปลายทางอยู่ที่ใด
ภายหลังสตรีโฉดกล่าวบอกให้ติดตาม นางราวกับเมินเฉยไม่สนใจ ขณะจี้เตี๋ยนั้นอดไม่ได้จนต้องมองโฉมงามขาเรียวขาวภายใต้ชุดกระโปรงอันน่าจับตาและชื่นชม
เพราะแม้ทราบดีว่านางเป็นสตรีใจโฉด แต่ความงามนี้ก็ไม่ใช่ของปลอม
ตลอดเวลากว่าสิบปีที่จี้เตี๋ยเติบโตมา อีกฝ่ายแทบจะเป็นสตรีผู้งดงามที่สุดเท่าที่เขาเคยได้เห็นแล้ว
“หากไม่รู้จะเอาสายตาไปวางไว้ตรงใด ข้าจะควักออกมาทิ้งไว้แถวนี้!” ซ่งเจี่ยโพล่งคำออกมา
สตรีนางนี้มีดวงตาอยู่หลังศีรษะงั้นหรือ? ไฉนเลยทราบได้ว่าเขากำลังแอบมองอยู่!
จี้เตี๋ยรู้สึกเย็นถึงสันหลังขณะเร่งร้อนหันสายตาหลบเลี่ยง จากสีหน้าท่าทีของอีกฝ่ายเมื่อครู่ ทำให้เขาไม่กล้ามองอีกต่อไปแล้ว
ผู้ใดกันทราบได้ ว่าสตรีโฉดนางนี้จะกล้าทำจริงดังที่ว่าหรือไม่
ซ่งเจี่ยแค่นเสียงขึ้นจมูกโดยไม่พูดคำอื่นใดต่อ และไม่ช้าตรงหน้าคนทั้งสองจึงปรากฏเรือนขึ้นหลังหนึ่ง
หน้าเรือนคือชายใบหน้าประหนึ่งม้าที่กำลังนอนบนเก้าอี้ตัวยาว ยามพบเห็นซ่งเจี่ยเข้ามาใกล้ เขาจึงเร่งร้อนลงจากเก้าอี้พร้อมโค้งศีรษะคำนับอย่างนอบน้อม
“คารวะศิษย์พี่หญิงซ่ง ไฉนท่านมาที่นี่ได้ขอรับ?” อีกฝ่ายถามอย่างเถรตรง เพียงแต่ศีรษะก้มต่ำราวกับไม่กล้าสบตา
“นี่คือศิษย์สายนอกคนใหม่ เขาพอจะมีฝีมือกับสิ่งของอื่นติดตัวอยู่บ้าง ฝากจัดการให้เขาไปดูแลคอกสัตว์ด้วย” ซ่งเจี่ยเอ่ยบอกก่อนจะหันกลับและเดินจากไป
“ขอรับ ข้าจะดูแลคนที่ศิษย์พี่หญิงซ่งนำทางมาให้เป็นอย่างดี” ชายหน้าม้าพยายามตอบกลับพร้อมเอ่ยคำราวคิดอยากจะซื้อใจ กระทั่งยิ้มแย้มออกราวกลัวว่าผู้อื่นไม่ทราบความในใจ เพียงแต่ไม่ช้าพอหันมองมาทางเด็กหนุ่ม สีหน้าเมื่อครู่พลันหายวับไปกับตา
“ชื่ออะไร!”
“จี้เตี๋ยขอรับ” เด็กหนุ่มตระหนักได้ว่าบุคคลตรงหน้าไม่ได้มีระดับการฝึกตนแข็งแกร่งเท่าสตรีโฉด แต่กระนั้นก็ยังเป็นบุคคลที่เขาไม่อาจเทียบได้ ทำให้เขาต้องแสดงท่าทีสุภาพอ่อนน้อมต่ออีกฝ่าย
“ครั้งหน้าที่เรียกข้า จงเรียกเป็นผู้ดูแล เข้าใจหรือไม่?” ชายหน้าม้าเอ่ยคำด้วยความไม่พอใจ
งานที่คอกสัตว์ไม่ใช่งานง่าย หากว่ามีอะไรผิดพลาดกับสัตว์เหล่านี้ระหว่างดูแลภายในคอก ไม่เพียงแต่จะถูกลงโทษในภายหลัง เพราะมันต้องเสี่ยงอันตรายเสียก่อน หากโชคร้ายถูกสัตว์ในคอกจับกินเข้าไป เกรงว่าคงไม่มีใครในที่นี้มาทวงความยุติธรรมให้
ในเมื่อซ่งเจี่ยขอให้ส่งตัวไปที่นั่น ก็หมายความถึงเด็กหนุ่มตรงหน้าไม่ได้เกี่ยวข้องหรือสำคัญกับนาง กระทั่งว่าเหมือนจะมีเรื่องกับนางมาด้วยซ้ำ!
และเขาทราบดีว่าควรจัดการต่อเช่นไร!
“ขอรับผู้ดูแล ข้าทราบแล้ว” จี้เตี๋ยพยายามตอบรับด้วยความสุภาพอ่อนน้อม
“นี่คือป้ายแสดงหน้าที่ของเจ้าและชุดเครื่องแบบ นับจากนี้เจ้าคือศิษย์นอกแห่งสำนักเจ็ดลึกล้ำ” ชายหน้าม้าเผยท่าทีพึงพอใจ ทั้งยังนำชุดเครื่องแบบที่พับเรียบร้อยออกมามอบให้พร้อมป้ายสีดำ
ไม่ช้าเขาจึงใช้พู่กันในมือเขียนคำว่า “จี้เตี๋ย” ลงไป สุดท้ายจึงโยนมันให้กับเด็กหนุ่มพร้อมเสื้อผ้า
“เอาไว้ค่อยดูของพวกนี้ภายหลัง ข้าจะพาไปรับชมที่ทำงานของเจ้าก่อน”
ได้ยินคำดังกล่าว จี้เตี๋ยจึงก้มมองชุดสีเขียวในมือ สุดท้ายพยักหน้ารับก่อนจะเก็บชุดและป้ายใส่ถุงมิติไป
เขาติดตามชายหน้าม้ามาจนกระทั่งถึงโรงนาสำหรับเลี้ยงสัตว์ขนาดใหญ่ที่ยาวเป็นแถว
ใกล้เคียงมีบ้านและสวนอยู่จำนวนหนึ่ง พร้อมกันนี้ยังได้เห็นต้นไม้ขนาดเล็กที่มีผลสีขาวจำนวนมาก
กลุ่มคนหนุ่มในชุดสีเครื่องแบบศิษย์สีเขียวต่างนั่งอยู่ภายนอกบ้านเหล่านั้นด้วยท่าทีเหนื่อยล้า และยามพวกเขาพบเห็นชายหน้าม้า เวลานี้พวกเขาจึงสะดุ้งโค้งตัวทำความเคารพ!
และกลุ่มคนยังมองมาทางจี้เตี๋ยผู้อยู่ด้านหลังด้วยความสงสัย
ชายหน้าม้าพยักหน้ารับก่อนจะชี้มือไปยังบ้านหลังหนึ่ง
“นับจากนี้เจ้าพักอาศัยอยู่ที่นี่ เมื่อใดหิวก็สามารถกินผลไม้เหล่านั้นได้ บังเอิญว่าศิษย์ที่ดูแลสัตว์หมายเลขที่สิบเอ็ดไม่อยู่แล้ว นับจากนี้เจ้ารับผิดชอบดูแลสัตว์หมายเลขที่สิบเอ็ดตัวนั้นแทน ใช้ผลไม้ที่พบเห็นป้อนแก่มัน”
“จดจำเอาไว้ให้ดีว่าเหล่านี้คือสัตว์เลี้ยงของเหล่าศิษย์ จงดูแลพวกมันอย่างระมัดระวัง ป้อนอาหารสามมื้อต่อวันให้ตรงเวลา นอกจากนี้ยังต้องคอยอาบน้ำให้พวกมันทุกเจ็ดวัน รวมถึงทำความสะอาดคอกที่พวกมันอาศัยอยู่ด้วย”
“แน่นอนว่านี่ไม่ใช่งานใช้แรงงานอันสูญเปล่า ทางสำนักจะมอบศิลาวิญญาณให้แก่ศิษย์สามก้อนทุกคนต่อเดือน นอกจากนั้นแล้ว เจ้ายังสามารถใช้เวลาที่เหลือตามแต่ความต้องการ และหากว่าทำงานที่ได้รับมอบหมายไม่เสร็จเรียบร้อย หรือว่ามีอะไรผิดพลาด พึงตระหนักว่าช่วงเวลานับจากนั้นจะไม่ใช่เรื่องดีสำหรับเจ้า!”
ชายหน้าม้าย้ำเตือนจี้เตี๋ย ก่อนจะแจ้งรายละเอียดปลีกย่อยอื่น ๆ สุดท้ายจึงออกจากพื้นที่โรงนาไป
ยามอีกฝ่ายเดินออกไปไกลห่าง ศิษย์หลายคนที่อยู่ใกล้เคียงต่างก็รีบลุกมองมาทางจี้เตี๋ยด้วยความสงสัยใคร่รู้
“หน้าใหม่หรือ ชื่อว่าอะไร?”
“แค่กแค่ก เจ้าไปมีเรื่องอะไรกับผู้ดูแลงั้นหรือ? หากไม่แล้วไฉนเลยจึงมอบหมายให้เจ้าดูแลคอกสัตว์?”
กลุ่มคนเริ่มเข้ามาพูดคุย เพียงแต่เรื่องราวคล้ายจะเกินคาดหมาย เพราะท่าทีของพวกเขาแสดงออกชัดว่ามันไม่ใช่สถานที่ที่ดี ด้วยเหตุนี้จึงทำจี้เตี๋ยสับสนและงุนงง
“ก็แค่งานให้อาหารสัตว์ไม่ใช่หรือ? ยากที่ตรงใดกัน” จี้เตี๋ยถามด้วยความสงสัย
ครั้งยังเด็ก ครอบครัวของเขาก็เคยเลี้ยงวัว ดังนั้นจึงถือเป็นงานที่คุ้นเคย เปรียบเสมือนได้ทำงานในอดีตก็เท่านั้น…
แม้ว่าสัตว์เหล่านี้จะมีค่ามากยิ่งกว่า และจำเป็นต้องอาบน้ำให้ แต่มันก็น่าจะเป็นปัญหาแค่ประมาณหนึ่ง ไม่น่าจะใช่เรื่องยุ่งยากแต่ประการใด
“เจ้าควรภาวนาเอาไว้ ศิษย์คนก่อนที่ดูแลสัตว์อสูรหมายเลขที่สิบเอ็ดเพิ่งจากไปเมื่อไม่กี่วันก่อน ไว้เจ้าไปดูแลคงได้เห็นกับตาตนเอง” ชายหนุ่มที่หน้าตาดีประมาณหนึ่งชี้มือให้มองไปทางคอกที่อยู่ใกล้เคียง
ศิษย์ทุกคนที่เคยมาที่นี่ ตอนแรกต่างก็คิดว่ามันเป็นงานที่ง่าย แต่ภายหลังได้ประสบพบเจอกับตนเอง พวกเขาต่างต้องพูดกันไม่ออก
พบเห็นท่าทีมีลับลมคมในของกลุ่มคน จี้เตี๋ยจึงยิ่งสงสัยจนต้องเดินเข้าคอกเพื่อไปดูว่ามันมีอะไรอยู่กันแน่
เขาต้องมาทำงานที่คอกสัตว์แห่งนี้ก็เพราะสตรีใจโฉดกำหนดมาเช่นนั้น และสาเหตุก็เพราะเขาไปมีเรื่องทำให้นางไม่พอใจ
หรือว่าสตรีใจโฉดคิดใช้โอกาสนี้ล้างแค้น?
ภายในโรงนา มันที่เปรียบเสมือนสถานที่รวมกรงขัง มันมีป้ายระบุตัวเลขแขวนเอาไว้ตามคอกที่เรียงราย นอกจากนี้ช่องภายในคอกยังปรากฏเสียงคำรามดังออกมาให้ได้ยิน
ขณะจี้เตี๋ยได้เห็นว่ามันมีตัวอะไรถูกขังเอาไว้ภายในคอก เขาถึงกับต้องชะงัก
มันเรื่องบ้าอะไรกัน!
นี่เขาจะต้องมาอาบน้ำให้เจ้าตัวพวกนี้งั้นหรือ?!