ตอนที่แล้วตอนที่ 1 หม้อทองแดง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 3 คัมภีร์

ตอนที่ 2 จางเฟิง


ตอนที่ 2 จางเฟิง

ภายหลังเดินผ่านเส้นทางภูเขามาหลายลี้ ในที่สุดจี้เตี๋ยก็มาถึงเมืองที่อยู่ไกลห่างจากหมู่บ้าน สุดท้ายเขาจึงมุ่งตรงไปยังร้านโอสถเจ็ดลึกล้ำภายในเมือง

เท่าที่เขาทราบ วัตถุดิบใช้ทำยาซึ่งรวบรวมจากหมู่บ้านใกล้เคียงจะถูกนำมาส่งยังที่ร้านแห่งนี้

หน้าประตูร้านมีธงประดับซึ่งปักคำว่า “เจ็ดลึกล้ำ” ที่พลิ้วไหวไปกับสายลมจนโดดเด่นสะดุดตา

เด็กหนุ่มสวมรองเท้าฟางยืนที่บริเวณหน้าประตู พลางเช็ดถูพื้นรองเท้ากับหินสีครามก่อนจะเดินเข้าร้านไป

โสมป่าที่ได้รับมามีค่าอย่างล้นเหลือ มันขายได้ถึงสองตำลึงเงิน เรียกได้ว่าแทบจะเป็นค่าใช้จ่ายตลอดสองปีของเขาเลยด้วยซ้ำ

จี้เตี๋ยที่ได้รับเงินก้อนใหญ่ จึงเริ่มซื้อหาวัตถุดิบทำยาจากภายในร้าน รวมถึงซื้อข้าวและบะหมี่ที่อยากทานกลับไปบ้าน

แน่นอนว่าเขาไม่ลืมที่จะซื้อรองเท้าปักเย็บน่ารักน่าชังคู่หนึ่งกลับไปให้ผิงผิง มันมีราคาราวสิบเหวิน*

*เหวินเป็นหน่วยเงินย่อย / 1 ตำลึงเงิน มีค่า 1,000 เหวิน*

“ออกมา”

ระหว่างทางกลับ จี้เตี๋ยเรียกหม้อทองแดงออกมาอีกครั้งหนึ่ง

ถัดจากนั้นเขาจึงนำเอาโสมที่เพิ่งซื้อมาจากร้านยาใส่ลงหม้อก่อนจะจ้องมองตาไม่กะพริบ

วูบ! แสงสีเขียวสาดส่องสว่างออกมาจากตัวหม้อ

เหตุการณ์เช่นเดิมเกิดขึ้น โสมที่เดิมขนาดราวนิ้วมือเริ่มเติบโตจนใหญ่ราวแขนเด็ก

“มีเจ้านี่อยู่ด้วย เราคงไม่ต้องกังวลว่าจะหิวตายอีกต่อไปแล้ว!” จี้เตี๋ยเผยสีหน้าตื่นเต้นยินดีและคาดหวัง กระทั่งว่าอดไม่ได้จนต้องก้มลงจูบหม้อทองแดง

แต่แล้วขณะกำลังจะนำเอาวัตถุดิบทำยาอีกสองอย่างออกมาทดลอง ทันใดนี้เองที่ลำแสงสีแดงพาดผ่านท้องฟ้าจนร่วงหล่นลงสู่พื้นซึ่งไม่ได้อยู่ไกลห่าง

“อะไรตกลงมาจากฟ้า?”

จี้เตี๋ยชะงักและมองตาม พร้อมกับรู้สึกว่าเหมือนจะพบเห็นร่างคนที่ลุกไหม้ในกองเพลิง

คนร่วงหล่นลงมาจากฟ้าได้เช่นไร?

หรือจะเป็นผู้ฝึกตนเซียน?

หัวใจของจี้เตี๋ยเต้นรัวเร็ว ความสงสัยเริ่มท่วมท้นออกมาขณะขยับเท้าก้าวเดินเข้าไปสำรวจ

เพียงไม่ช้า ในระยะสายตามองเห็นของเขา พบว่าหลุมขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลางราวหนึ่งจ้างที่ตรงหน้า

*จ้าง เป็นหน่วยวัดความยาว เทียบเท่าประมาณ 3.33 เมตร

แม้มองจากระยะไกลยังได้เห็นร่างที่นอนอยู่ภายในหลุม มันคือข้อพิสูจน์ว่าสิ่งที่เห็นคือคนจริง ๆ!

“ตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้น คงไม่รอดแล้วมั้ง” จี้เตี๋ยหยุดมองขณะอยู่ห่างจากหลุมหลายจ้าง

จากตำแหน่งที่ยืนอยู่ เขาสามารถมองเห็นสภาพภายในหลุม

ร่างที่พบเห็นเป็นชายชราคนหนึ่ง เสื้อผ้าที่สวมใส่ขาดวิ่นและเต็มไปด้วยคราบเลือด กระทั่งว่าใต้ร่างนั้นปรากฏแอ่งเลือดเจิ่งนอง ดวงตาหลับแน่น ทำให้ยากทราบได้ว่ายังมีชีวิตรอดอยู่หรือว่าตายไปแล้ว

ตอนนี้เองที่เขาได้เห็นถุงผ้าแพรสีสดงดงามห้อยอยู่บริเวณเอวของอีกฝ่าย

“ในเมื่อน่าจะเป็นผู้ฝึกตนเซียน ก็คงมีเคล็ดวิชาฝึกฝนของเซียนบ้างกระมัง?” ใจของจี้เตี๋ยเต้นรัวเร็วและดัง สุดท้ายจึงรวบรวมความกล้าก่อนจะวางข้าวและบะหมี่ในมือลง

ถัดจากนั้นเขาจึงหากิ่งไม้ยาว ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้ชายชราด้วยความระแวดระวัง

เขาเข้าไปใกล้จนกระทั่งห่างเพียงระยะสามก้าว และมันเป็นระยะที่ไม้สามารถยื่นไปถึงถุงใบน้อยได้แล้ว

จี้เตี๋ยยื่นไม้ออกไปด้วยความระแวดระวัง เขาคิดอยากเกี่ยวเอาถุงใบนั้นมาเพื่อดูว่าภายในมีอะไรอยู่

แต่แล้วเรื่องราวเกินคาดได้บังเกิด ชายชราที่เดิมนอนนิ่งไม่ไหวติงกับพื้นพลันขยับมือคว้ากิ่งไม้เอาไว้ สุดท้ายจึงออกแรงมหาศาลดึงหมายกระชากร่างของเขาเข้าไปหา

“แกล้งตายหรือ?”

จี้เตี๋ยหนาวเย็นเยือกถึงไขกระดูกสันหลัง เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าคนที่บาดเจ็บปางตายตรงหน้าจะมีเรี่ยวแรงมหาศาลถึงขนาดนี้ มันเกือบจะดึงเขาเข้าไปหาได้เลยด้วยซ้ำ

โชคดีที่เขาตอบสนองรวดเร็วและระมัดระวังตัวอยู่ก่อนแล้ว ดังนั้นจึงปล่อยมือจากไม้พร้อมถอยเท้าเว้นระยะออกมาได้ทัน

แต่แม้แบบนั้นร่างเขาก็ยังต้องโชกด้วยเหงื่อกาฬ มันเป็นความรู้สึกที่ราวกับเพิ่งผ่านปากทางเข้านรกมาอย่างไรอย่างนั้น

“สหายน้อย ข้าชื่อว่าจางเฟิง เป็นศิษย์สำนักเจ็ดลึกล้ำ ก่อนหน้านี้ถูกพวกวายร้ายตามไล่ล่าจนบาดเจ็บหนัก หนักขนาดว่าใกล้ตายแล้ว”

“ข้ามีวิชาฝึกฝนของเซียนติดตัวอยู่และมอบมันให้กับเจ้าได้ แต่ขอแค่เจ้าช่วยให้ร่างของข้ามีที่กลบฝังหน่อย” พบเห็นการลอบโจมตีล้มเหลว ชายชราในชุดดำจึงพูดเชื่องช้าออกมาด้วยน้ำเสียงอ่อนแรง

พบเห็นอีกฝ่ายคล้ายไม่อาจขยับเคลื่อนไหว ตอนนี้เองที่จี้เตี๋ยเริ่มผ่อนคลายความระวัง

“ก็ได้ วันพรุ่งนี้เช้าข้าจะมาใหม่และช่วยกลบฝังท่านให้”

เหตุการณ์เมื่อครู่เป็นเหตุให้จี้เตี๋ยระแวงชายชราตรงหน้า อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ไม่ขอเชื่อคำพูดของอีกฝ่าย

เพราะหากว่าอีกฝ่ายมีเพียงแค่ข้อร้องขอเหล่านี้ ไฉนเลยจะต้องแกล้งตายเพื่อล่อหลอกเขาด้วย!

“สหายน้อย วิธีการฝึกฝนของเซียนนี้สอนได้โดยการบอกปากเปล่า หากข้าตาย เจ้าก็ไม่ได้รับสิ่งใด” ชายชราส่งเสียงตอบกลับ และเพียงได้ฟังก็ทราบว่ากำลังร้อนรน

‘เมื่อครู่บอกว่ามีอยู่กับตัว ตอนนี้บอกว่าสอนได้โดยการบอกเล่างั้นหรือ’ จี้เตี๋ยแค่นเสียงเย้ยหยันอยู่ภายในใจ พร้อมคาดเดาไปว่าอีกฝ่ายคงกำลังเร่งร้อน และบางทีคงไม่มีทางรอดพ้นค่ำคืนนี้ไปได้

ดังนั้นเขาจึงเลือกอยู่ให้ห่าง รอคอยอีกฝ่ายกลับบ้านเก่าเมื่อไหร่ค่อยเข้าไปตรวจสอบก็ยังไม่สาย

ฟ้าเริ่มหม่นแสง ยามค่ำคืนมาเยือน เพราะเป็นช่วงปลายเดือนสิบเอ็ดจึงมีลมค่อนข้างหนาวเย็น

ตอนแรกนั้นชายชราก็ยังคงส่งเสียงดังให้ได้ยิน กระทั่งพยายามเกลี้ยกล่อมให้เขาเข้าไปใกล้ แต่สุดท้าย ไม่ทราบว่าเพราะยอมแพ้หรือว่าตายแล้วกันแน่ ปัจจุบันร่างนั้นไม่ได้ส่งเสียงใดออกมาอีก

จี้เตี๋ยยังคงความอดกลั้นเอาไว้ เขาไม่กล้าเสี่ยง ดังนั้นจึงรอคอยท่ามกลางสายลมเย็นเยือกโดยไม่หลับไม่นอน

ความเงียบสงัดยังคงดำเนิน ถนนเส้นนี้ไม่มีผู้คนสัญจร ต่อให้ผ่านไปสักสามหรือห้าวันก็ยังไม่มีแม้สักคนด้วยซ้ำ เวลาเช่นตอนนี้จึงยิ่งไม่มีคน

จนกระทั่งเกือบรุ่งสาง เขาจึงวางข้าวและบะหมี่ในมือลง ก่อนจะเริ่มเข้าไปใกล้ชายชราด้วยความระแวดระวัง

ภายใต้ดวงจันทร์และดวงดาว แสงจันทร์จากฟากฟ้ายังคงส่องสว่างจนมองเห็นผ่านความมืดได้ไม่ยาก

จี้เตี๋ยก้าวเท้าพลางหยุดอยู่หลายครั้ง สายตาของเขาสำรวจมอง ราวกำลังกังวลว่าชายชราจะตอบสนองอะไรออกมา

ใต้ร่างของอีกฝ่ายคือแอ่งเลือดที่แผ่กระจายออก ปัจจุบันมันเริ่มแข็งตัว ร่างกายของชายชรานิ่งไม่ไหวติง ดวงตาเบิกกว้าง คล้ายว่าจะตายแล้วจริง

จี้เตี๋ยไม่กล้าผ่อนคลายความระวัง เมื่อห่างเพียงระยะสองก้าวเท้า เขาจึงหาไม้แท่งใหม่เพื่อพยายามเกี่ยวคว้าถุงผ้าจากอีกฝ่ายมา

และครั้งนี้ชายชรายังไม่มีอาการตอบสนอง รวมถึงไม่แม้แต่จะกะพริบตา

จี้เตี๋ยผ่อนลมหายใจโล่งอก อย่างน้อยก็ยืนยันได้แล้วว่าอีกฝ่ายตายจริง ด้วยเหตุนี้เขาจึงโยนแท่งไม้ในมือและนั่งยองลงด้วยความตื่นเต้น ก่อนจะคว้าเอาถุงผ้าของอีกฝ่ายมาตรวจสอบ

เพียงแต่ภายหลังพยายาม กลับได้พบว่าถุงนี้ไม่อาจเปิดออกได้ กระทั่งใช้ฟันกัดก็ไม่ขาดหรือเป็นรอย

“เหมือนว่าหม้อทองแดงนั่นจะต้องใช้เลือดเพื่อยอมรับความเป็นเจ้าของหรือเปล่านะ?” จี้เตี๋ยขมวดคิ้วขณะครุ่นคิด สุดท้ายจึงกัดปลายนิ้วตนเองเพื่อหยดเลือดลงบนถุงผ้า

วูบ! แสงสลัวส่องสว่างผ่านพื้นผิวของถุงผ้า คราบเลือดที่หยดลงไปหายวับไปอย่างรวดเร็ว

“ใช่จริงด้วย!” จี้เตี๋ยลอบนึกยินดี ขณะเดียวกันจิตสำนึกของเขาก็รับรู้ได้ถึงความเชื่อมโยงกับมิติที่มีขนาดราวครึ่งตัวคน

ภายในมีเสื้อผ้าหลากหลายชุด ตำราเล่มสีฟ้าคราม ป้ายสีดำ พืชพรรณอีกหลายชนิดที่คล้ายจะเป็นสมุนไพร รวมถึงก้อนหินสีขาวอีกนับสิบก้อน

“นี่คือของทั้งหมดในถุงงั้นหรือ? จะบอกว่ามันเป็นมิติเก็บของส่วนตัวของเซียนงั้นหรือนี่!” จี้เตี๋ยแสดงความตื่นเต้นยินดีออกมา เพราะเขาเคยได้ยินได้ฟังมาก่อน ว่าเซียนจะมีมิติเก็บของไว้ใช้ส่วนตัว และดูเหมือนถุงใบน้อยนี้จะเป็นของวิเศษดังกล่าว

เพียงแต่ยังไม่ทราบว่าภายในมีวิชาฝึกฝนของเซียนอยู่หรือไม่!

ภายใต้ความรู้สึกกดดันและตื่นเต้น จี้เตี๋ยทราบดีว่าปัจจุบันไม่ใช่เวลามาตรวจสอบผลการเก็บเกี่ยว

ก่อนรุ่งสาง เขาหาแท่งไม้มาจัดการปักเป็นป้ายและขุดหลุมเอาไว้ข้างเคียง

“ไม่ว่าท่านเป็นใคร แต่ในเมื่อข้ารับของต่อมาจากท่าน ดังนั้นจึงไม่คิดปล่อยให้ตายอย่างไร้ที่กลบฝังในป่าเขาอย่างแน่นอน”

“โชคดีที่ดินแถบนี้ไม่ได้แข็งมากนัก” จี้เตี๋ยพึมพำกับตนเองขณะหลั่งเหงื่อโทรมกาย ขณะนี้แม้ถูกสายลมเย็นเยือกพัดผ่าน ก็ไม่ได้ทำให้เขาต้องตัวสั่นแต่อย่างใด

โชคดีที่ก่อนรุ่งสางมาถึง เขาก็ขุดหลุมเสร็จเรียบร้อยแล้ว

สุดท้ายเขาจึงลากร่างชายชราเข้าไปด้านในหลุม กลบฝังด้วยดิน กลับไปหยิบข้าวและบะหมี่ของตนเองมาและรีบเดินทางกลับหมู่บ้าน

ภายหลังผ่านพ้นหนึ่งคืนอันตึงเครียด รวมถึงใช้เรี่ยวแรงที่มีขุดหลุม จี้เตี๋ยแทบจะหมดแรงทำอะไรต่อ พอกลับถึงบ้าน เขาแทบไม่สนแล้วว่าร่างกายหิวโหยแค่ไหน เพราะเขาเลือกทิ้งร่างล้มลงนอนกับที่นอนแล้ว

จนกระทั่งช่วงกลางวัน จี้เตี๋ยจึงตื่นขึ้นมาด้วยความงุนงง

เพราะท้องร้องหิวประท้วง จี้เตี๋ยจึงหุงข้าวกิน ถัดจากนั้นจึงปิดประตูบ้านไปนั่งบนที่นอน พร้อมกับนำเอาถุงน้อยออกมามองด้วยท่าทีตื่นเต้น

“สงสัยจริงว่าในนี้จะมีวิชาฝึกฝนของเซียนอยู่หรือไม่!” จี้เตี๋ยใจเต้นรัวขณะครุ่นคิดว่าจะเอาของที่อยู่ด้านในออกมายังไง

เพียงในใจครุ่นคิดว่าต้องการอะไรจากภายใน มันก็ปรากฏขึ้นในมือของเขาเอง

เพราะประสบการณ์จากหม้อทองแดงก่อนหน้านี้ ทำให้เขาไม่ประหลาดใจ กระทั่งว่าเวลานี้ตื่นเต้นยินดีด้วยซ้ำ

และเพียงแค่คิด เขาจึงนำเอาก้อนหินสีขาว สมุนไพร และสมุดตำราที่อยู่ในมิติออกมา

จี้เตี๋ยไม่ทราบว่าสมุนไพรและก้อนหินเหล่านี้มีไว้ใช้ทำอะไร ดังนั้นเขาจึงพยายามตรวจสอบ แต่จนแล้วจนรอดก็คิดไม่ออก สุดท้ายจึงต้องเก็บพวกมันไป

ความสนใจของเขาจึงหันเหไปยังสิ่งสุดท้าย

มันคือสมุดตำราเล่มบาง บางขนาดว่ามีกระดาษแค่สามแผ่น

เพียงเปิดออก จึงได้เห็นว่าหน้าแรกมีตัวอักษรเขียนเอาไว้

“คัมภีร์วิชากลั่นลมปราณมหาลึกล้ำ”

3.7 6 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด