บทที่ 144 ความก้าวหน้าของหลัวชิง
เติ้งอี้ชุนถึงกับตกตะลึงทันที เขาไม่ได้คิดว่าหยางเสี่ยวเทียนจะหันกลับมา เพื่อถามเขาเรื่องนี้แทนที่จะมีกิริยาโต้ตอบอันเดือดพล่าน
“มิผิด ข้าเข้าร่วม” เขาพยักหน้าขณะตอบอย่างสงสัย
“เช่นนั้นก็ดี” หลังหยางเสี่ยวเทียนกล่าวจบ เขาก็พาเลี่ยวคุนและจางจิงหรงจากไป
ขณะมองหยางเสี่ยวเทียนกำลังเดินห่างออกไป เติ้งอี้ชุนก็ขมวดคิ้วอย่างฉงนใจ วาจาเมื่อครู่มันหมายถึงอะไร
หลัวจวิ้นเผิงยิ้มพลางกล่าวว่า “เด็กคนนี้ก็เข้าร่วมการแข่งขันหลอมโอสถด้วยรึ”
เติ้งอี้ชุนแสยะยิ้มเยาะทันที “ท่านเชื่อจริงๆ หรือ ว่าเด็กคนนี้จะสามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณได้ภายในหนึ่งถ้วยชา”
ทั้งสองหันมองหน้ากัน ก่อนจะยิ้มแกมหัวเราะเล็กน้อย
“ไปกันเถอะ อย่าลืมว่าเรามาที่นี่เพื่อหาเบาะแสใต้เท้าหลง” หลัวจวิ้นเผิงกล่าว
จากนั้นเสริมว่า “ท่านเจ้าสำนักกำชับ ไม่ว่าอย่างไร พวกเราก็ต้องพยายามเกลี้ยกล่อมบุคคลนี้ ให้มาเป็นผู้อาวุโสของสำนักเราให้ได้ ต่อให้ต้องแลกด้วยทรัพยากรของสำนักเป็นจำนวนมากก็ตาม”
เติ้งอี้ชุนพยักหน้าตอบรับอย่างจริงจัง
ไม่ช้า ทั้งสองร่างก็จางหายไปในความมืด
ครั้นหยางเสี่ยวเทียนกลับถึงจวน เขาก็ปลดปล่อยเปลวไฟอัสนีแห่งทัณฑ์สวรรค์ออกมา แล้วเริ่มหลอมโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์ทันที
ไม่นาน เขาก็หลอมโอสถวิญญาณสี่ประการระดับนิรันดร์เสร็จสิ้น แล้วเดินไปนั่งสมาธิบนเตียงหยกเย็น จากนั้นเริ่มบ่มเพาะปราณมังกรแรกเริ่ม
เช้าวันรุ่งขึ้น
หยางเสี่ยวเทียนก็หยุดบ่มเพาะ แต่ขณะกำลังจะลงจากเตียงหยกเย็น ทันใดนั้น กลิ่นอายอันน่าพรั่นพรึงก็แผ่แรงกดดันออกมาจากทางฝั่งตะวันตกของจวนหลัก
เมื่อหยางเสี่ยวเทียนสัมผัสถึงแรงกดดันนี้เขาก็ยิ้มร่า หลังเก็บตัวฝึกฝนอย่างสันโดษมาหลายวัน ในที่สุด หลัวชิงทะลวงขั้นได้สำเร็จ!
ระหว่างที่หยางเสี่ยวเทียนกำลังรุดหน้าไปยังเรือนเล็กของหลัวชิง เลี่ยวคุน จางจิงหรง และเฉินอี้ซานก็มาด้วยเช่นกัน
ทันทีที่ถึง พวกเขาก็เห็นหลัวชิงเดินออกมาจากเรือนของตน พร้อมกับกลิ่นอายที่เต็มไปด้วยพลังอันมหาศาล
บุคคลเบื้องหน้ายามนี้ แตกต่างไปจากเมื่อก่อนนัก ครั้นพวกเขาได้เห็นเช่นนั้น ก็ต่างกรูกันเข้าหาหลัวชิงด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
“ขอแสดงความยินดีกับเจ้าสำนัก!” เลี่ยวคุน จางจิงหรง และอีกสามคนก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสดงความยินดีกับหลัวชิง
หลัวชิงระเบิดเสียงหัวเราะอย่างสำราญพร้อมกับพยักหน้าให้ทั้งห้าคน จากนั้นเขาเดินมาหาหยางเสี่ยวเทียน แล้วโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งพลางกล่าวว่า
“ที่หลัวชิงประสบความสำเร็จในวันนี้ เป็นเพราะนายน้อยคอยช่วยเหลือ นับแต่นี้สืบไป ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟ ข้าหลัวชิงก็ไม่คิดลังเล!”
น้ำเสียงที่เขากล่าวทั้งหมดล้วนออกมาจากก้นบึ้งของหัวใจ
หากไร้ซึ่งหยางเสี่ยวเทียน เขาก็คงเป็นเพียงทาสในตลาด ถูกเฆี่ยนตี ดูหมิ่น หรือกระทั่งอดอาหารจนสิ้นชีพ
หยางเสี่ยวเทียนพยักหน้าด้วยรอยยิ้มให้กับหลัวชิง พลางกล่าวว่า “ที่เจ้าประสบความสำเร็จอย่างวันนี้ได้ ทุกสิ่งล้วนมาจากการหมั่นฝึกฝนของตัวเจ้าเอง หาใช่เพราะข้าผู้เดียวไม่”
หลัวชิงติดตามหยางเสี่ยวเทียนมานานกว่าหนึ่งเดือน เขาจะไม่เห็นหลัวชิงหมั่นฝึกฝนหนักทุกวันได้อย่างไร ความตั้งใจและพยายามอย่างหนักของหลัวชิง หยางเสี่ยวเทียนล้วนประจักษ์แก่ใจดี
“อย่างไรก็ตาม แม้เจ้าจะทะลวงเข้าสู่ขั้นบรรพจารย์ยุทธ์ได้แล้ว แต่อย่าได้นิ่งนอนใจไป ข้าต้องการให้เจ้าทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์โดยเร็วที่สุด!” หยางเสี่ยวเทียนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์!
ร่างกายของหลัวชิงถึงกับสั่นสะท้านไปด้วยความตกใจ ไม่ช้าแววตาของเขาก็เปลี่ยนเป็นมุ่งมั่นทันที
จากนั้นเขากล่าวกับหยางเสี่ยวเทียน “นายน้อยไม่ต้องกังวล ตามความคาดหวังของนายน้อย ข้าหลัวชิงจะตั้งใจฝึกฝนอย่างหนัก เพื่อทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์ให้เร็วที่สุด!”
ในอดีต เขาไม่เคยคาดฝันว่าจะมีวันใดสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์ให้สำเร็จได้ แต่ตอนนี้มันแตกต่างไปจากเมื่อก่อน
เพราะเขามีหยางเสี่ยวเทียนคอยช่วยเหลือ และเคล็ดวิชาจักรพรรดิพฤกษา ด้วยเหตุฉะนี้การทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์ก็มิใช่เพียงฝันอีกต่อไป
เลี่ยวคุนและจางจิงหรงต่างเบิกตาตกตะลึง เมื่อได้ยินคำที่หลัวชิงกล่าวกับหยางเสี่ยวเทียน ว่าจะพยายามบุกทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์ให้สำเร็จ โดยเร็วที่สุดในภายภาคหน้า
ในฐานะศิษย์หลักของสำนักดาบสีชาดที่ล่มสลาย พวกเขาเข้าใจความหมายของการพยายามทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์อย่างแน่นอน
เวลาเดียวกันนี้ หยางเสี่ยวเทียนก็หันมากล่าวกับเลี่ยวคุน และจางจิงหรง “พวกเจ้าล้วนมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ข้าได้เลือกเคล็ดวิชาสำหรับการฝึกฝนไว้ให้แล้ว”
จากนั้นเขากล่าวเสริม “เมื่อความสามารถผนวกกับเคล็ดวิชาที่ข้ามอบให้ ข้ามั่นใจว่า ในอนาคตพวกเจ้าจะสามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นจักรพรรดิยุทธ์ได้อย่างแน่นอน”
สิ้นวาจา เขาก็มอบคำภีร์ให้กับเลี่ยวคุน จางจิงหรงพร้อมกับทั้งสามคน โดยมอบให้คนละเล่ม
เลี่ยวคุน จางจิงหรง และอีกสามคนรู้สึกซาบซึ้งใจเป็นที่สุด ไม่คิดว่านายน้อยของตนจะใจกว้างเช่นนี้
“ขอบคุณนายน้อย นับจากนี้ต่อให้พวกเราต้องขึ้นภูเขาดาบหรือลงสู่ทะเลเพลิงเพื่อท่าน เราก็ไม่คิดบ่ายเบี่ยงแน่นอน!” เลี่ยวคุนและคนอื่นๆ โค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง
หยางเสี่ยวเทียนพยุงทั้งห้ายืนขึ้นแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พวกเจ้าจะต้องแข็งแกร่งขึ้น เพราะในอนาคตต้องเป็นกำลังให้ข้า ได้อย่างแน่นอน”
จากนั้นเขาก็หลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ทันที และปล่อยให้หลัวชิง เลี่ยวคุน พร้อมทั้งคนอื่นๆ ได้เห็นอย่างถนัดชัดตา
แม้เลี่ยวคุนและอีกสี่คนจะรู้ว่าหยางเสี่ยวเทียนมีทักษะการหลอมโอสถที่ยอดเยี่ยม แต่กระนั้นพวกเขาก็ยังตกใจอยู่ดี
ครั้นได้ประจักษ์แก่สายตา ว่าคนหนุ่มอายุน้อยผู้นี้ สามารถหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ได้ในเวลาน้อยกว่าหนึ่งถ้วยชา เป็นจริงดั่งที่ผู้อื่นกล่าวหาว่าเขาเพียงอวดตน พวกเขาก็ต่างหันมองหน้ากัน สงสัยว่ามีสิ่งใดที่หยางเสี่ยงเทียนเคยพูดมิเกินจริงบ้าง
ทันทีที่เขาหลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์จำนวนหนึ่งสำเร็จแล้ว หยางเสี่ยวเทียนก็ขอให้เลี่ยวคุนและอีกสี่นำไปให้ทาสที่เพิ่งซื้อมาวานนี้กลืนมันเพื่อฝึกฝน
หลังบอกกล่าวอย่างเสร็จสรรพ เขาก็เยื้องย่างออกจากจวน มุ่งหน้าไปยังจัตุรัสร้อยกระบี่ เพื่อหยั่งรู้ศิลากระบี่เล่มที่ห้าสิบหกต่อ