ตอนที่ 120
ตอนที่ 120
ไปซะ อย่าให้ข้าเห็นอีกว่าเจ้ารังแกคนแก่และผู้หญิงอ่อนแอ มิฉะนั้น ดาบนี้จะไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้อีกต่อไป ” เย่เฉินกล่าวเบา ๆ
“เจ้าหนู รอก่อนเถอะ” นายท่านหยินถอยหลังไปสองสามก้าวแล้วจากไปอย่างเร่งรีบ
เมื่อมองไปยังร่างที่จากไปของนายท่านหยิน เย่เฉินก็หันกลับมาช่วยชายชราที่นั่งอยู่บนพื้นแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: "ท่านผู้เฒ่า ท่านเป็นอะไรหรือไม่?"
“คุณชาย ท่านรีบไปจากที่นี่เร็วเข้า ท่านเป็นคนดียิ่ง แต่พ่อของหยินเชาหยูนั้นเป็นเจ้าเมืองห้าธาตุ เราไม่อาจต่อต้านพวกเขาได้ ท่านอย่าได้สนใจพวกเราเลย เราไม่อยากสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ”
“ใช่แล้วน้องชาย เจ้าควรรีบซะตั้งแต่ที่ยังมีโอกาส ” ผู้คนที่ดูอยู่ก็แนะนำทีละคนเช่นกัน
“ทุกคน ข้าถามได้ไหมว่าระดับพลังยุทธ์ของเจ้าเมืองห้าธาตุนั้นอยู่ระดับใด ?” เย่เฉินถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“แม้ว่าเมืองห้าธาตุจะเป็นเพียงเมืองเล็กๆ แต่เจ้าเมืองก็มีระดับการบ่มเพาะที่จุดสูงสุดของระดับ 3” ใครบางคนที่อยู่ด้านข้างอธิบาย
“เช่นนั้นก็สบายใจเถอะ เดี๋ยวข้ากลับมา ” เย่เฉินพูดและเดินตรงไปยังคฤหาสน์ของเจ้าเมือง
หลังจากผ่านช่วงเวลาแห่งการฝึกฝน ควบคู่กับการหลอมรวมเข้ากับวิถีหยินหยาง ระดับการบ่มเพาะของเขาก็ได้ไปถึงจุดสูงสุดของระดับ 3 แล้ว
เย่เฉินมั่นใจ เขาไม่กลัวใครที่อยู่ในระดับเดียวกัน
…………
เมื่อมองดูแผ่นหลังของชายหนุ่มที่ถือดาบเดินออกไป หญิงงามในฝูงชนต่างก็มองดูเขาด้วยความสนใจจนอยากจะไล่ตามไป
ณ เวลานี้ ในคฤหาสน์ของเจ้าเมืองห้าธาตุ หยินซวนอิงกำลังฟังเสียงร้องไห้ของบุตรชายอยู่
เขาขมวดคิ้วและพูดว่า "ข้ารู้ว่าเจ้านั้นชอบพูดเกินความจริง และข้าก็รู้ด้วยว่าเจ้าชอบปั้นน้ำเป็นตัว
แต่ถึงอย่างนั้น เจ้าก็เป็นบุตรชายของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปได้ "
หยินซวนอิงยืนขึ้น ออร่าของเขาที่จุดสูงสุดของระดับ 3 ก็หลั่งไหลออกมาราวกับทะเล
เขาสวมเสื้อคลุมสีเขียว และมือทั้งสองข้างที่ซ่อนอยู่ในเสื้อคลุมก็ดูยาวแปลกประหลาดและมีขาวบริสุทธิ์เล็กน้อย
พื้นผิวฝ่ามือของเขาใสเหมือนกับหยกแข็ง
เมื่อเขายืนขึ้น เขาดูเหมือนกับนกอินทรีที่กำลังบิน มีหน้าผากและคิ้วสีอ่อน และดวงตาเต็มไปด้วยหมอก
แต่ในตอนนี้เอง เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังมาจากด้านนอก ก่อนที่หยินซวนอิงจะได้ก่นด่าออกมา ร่างหนึ่งก็ปลิวเข้ามาจากด้านนอก
มือของเขาที่เป็นเหมือนกับกรงเล็บนกอินทรี ไร้ผิวหนังและเนื้อ ก็ยื่นไปข้างหน้า
เมื่อเขาคว้าร่างที่ปลิวเข้ามาด้วยมือไว้ เขาก็โยนร่างนั้นทิ้งไปทันที
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วมองดู และเห็นว่าร่างนั้นคือคนใช้ในคฤหาสน์ของเขา
จากนั้นหยินซวนอิงก็เงยหน้าขึ้นมองประตู เขาเห็นชายชุดขาวคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา
ทุกครั้งที่ชายหนุ่มก้าว ออร่าในร่างกายจะแข็งแกร่งขึ้น และเส้นชีพจรในร่างกายของเขาก็จะเปิดออก
เมื่อเส้นชีพจรทั้งสามถูกเปิดออก หยินซวนอิงก็พบว่าแรงกดดันของคู่ต่อสู้นั้นไม่ต่างอะไรไปจากเขา อีกทั้งยังเหนือกว่าในบางแง่มุม
“เจ้าเป็นใคร” หยินซวนอิงถามพร้อมขมวดคิ้ว
“ท่านพ่อ เขานั่นแหละ เขาคือคนที่ข้าเพิ่งเล่าให้ฟัง ” หยินเชาหยู ที่อยู่ด้านข้างรีบซ่อนตัวและพูดออกมา
“ข้าก็แค่คนที่พเนจรมาเท่านั้น” เย่เฉินหัวเราะเบา ๆ และกล่าวว่า “ข้าเพียงแค่ต้องการทวงความยุติธรรมให้กับผู้คนในเมืองห้าธาตุ ”
“เจ้าหนู เพียงแค่มีพรสวรรค์ก็อย่าได้อาจหาญมากเกินไปนัก ” หยินซวนอิงตะคอกอย่างเย็นชา
เขาเป็นนักรบระดับ 3 ผู้มีประสบการณ์ เขาไม่เชื่อหรอกว่าจะไม่สามารถรับมือกับเด็กหนุ่มที่เพิ่งก้าวเข้าสู่เส้นทางบ่มเพาะได้
มือของหยินซวนอิงเต็มไปด้วยพลังจิตวิญญาณ และฝ่ามือกรงเล็บของเขาก็แหลมคมราวกับสัตว์อสูร
มันพุ่งตรงไปยังเย่เฉิน โดยทิ้งรอยสีขาวที่โดดเด่นไว้ในอากาศด้วยกรงเล็บอันแหลมคมของเขา
เย่เฉินยกดาบมังกรพเนจรขึ้นมา และดาบยาวก็ส่งเสียงเบาๆขึ้นพร้อมกับพลังหยินหยางที่ปรากฏ
ราวกับแสงตัดผ่านพลบค่ำ ดาบก็ปะทะเข้ากับกรงเล็บของคู่ต่อสู้ เกิดเป็นประกายไฟปลิวว่อน
หยินซวนอิงถอยหลังไปสองสามก้าวพร้อมกับเห็นรอยยาวปรากฏอยู่บนกรงเล็บของตน ซึ่งชัดเจนว่ามันมาจากการโจมตีเมื่อครู่
เขาขมวดคิ้วทันที และตระหนักได้ว่าตนเสียเปรียบอีกฝ่าย
“ดูเหมือนว่าปากของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าฝีมือมากเลยสินะ” เย่เฉินตะคอกและค่อยๆ ยกดาบยาวในมือของเขาขึ้น
ในตอนนี้ เจตจำนงแห่งดาบอันทรงพลังก็ดังก้องไปทั่วอากาศ และโต๊ะกับประตูรอบๆก็ถูกตัดออกเป็นชิ้นๆอย่างปราณีตภายใต้เจตจำนงแห่งดาบนี้
เคล็ดวิชาดาบเมฆา นี่คือวิชาที่เย่ปู้ลี่มอบให้กับเย่เฉิน
ช่วงเวลาที่เจตจำนงแห่งดาบเมฆาควบแน่นและก่อตัวขึ้น สีหน้าของหยินซวนอิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และเขาก็งอตัวลงเตรียมพุ่งออกไปเหมือนกับอินทรีที่กำลังจะตะครุบเหยื่อ
เสียงนกอินทรีดังมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ และนกอินทรีขาวก็พุ่งตรงไปหาเย่เฉินเพื่อฆ่าเขา
เย่เฉินยกดาบมังกรขึ้นสูงและรีบถอยหลังสองสามก้าวเพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีจากกรงเล็บของหยินซวนอิง
ในขณะที่ดาบยาวสะบั้นออกไป พลังปราณหยินหยางทั้งสองที่หลอมรวมเข้ากับเจตจำนงแห่งดาบก็ถูกส่งออกไปอย่างรุนแรง
หยินซวนอิงยกฝ่ามือขึ้นอย่างเร่งรีบเพื่อต้านรับ เลือดสีเขียวเข้มกระจายไปในอากาศและแขนทั้งสองข้างที่ยกขึ้นไปรับก็ถูกสะบั้นขาดลง
เมื่อมองไปยังหยินซวนอิงที่ล้มลงกับพื้นและกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด เย่เฉินที่รู้สึกได้ถึงบางอย่างก็มองไปที่ประตู
เขาเห็นหญิงสาวงดงามคนหนึ่งปรากฏตัวที่ประตู
นางสวมชุดสีม่วง และผมยาวของนางก็ขดอยู่บนศีรษะ ทำให้ผู้คนรู้สึกไม่ยากจะหยั่งถึงเป็นพิเศษ
เย่เฉินร้องเรียกผู้เฒ่าโม่หลายครั้งในใจ แต่อีกฝ่ายกลับไม่ตอบสนองแม้แต่น้อย
เย่เฉินรู้ว่าคราวนี้เขาได้พบเจอกับปรมจารย์แล้ว มีเพียงตอนที่ปรมจารย์ที่แข็งแกร่งปรากฏตรงหน้าเท่านั้นผู้เฒ่าโม่จึงจะไม่ติดต่อกับเขาเพราะเกรงว่าจะถูกเปิดโปง
“สู้ต่อสิ หยุดทำไม ข้ากำลังจะสนุกแล้วเชียว ” หญิงงามก้าวมาข้างหน้า มองไปที่เย่เฉิน แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
“ท่านเป็นใคร” เย่เฉินถามอย่างระมัดระวัง
“ทำไม เจ้าสร้างปัญหาในดินแดนของนิกายหยินหยางเรา แต่กลับไม่รู้ว่าข้าเป็นใครรึ” หญิงงามหัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ข้าขอแนะนำตัวสั้นๆ ข้าคือผู้นำคนปัจจุบันของนิกายหยินหยาง เจ้าจะเรียกข้าว่าผู้นำนิกายหวู่ก็ได้ ”
เมื่อได้ยินคำพูดของหญิงงาม การแสดงออกของ เย่เฉิน ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เขารู้ว่าความแข็งแกร่งของคู่ต่อสู้นั้นอย่างต่ำก็อยู่ที่ระดับ 7
ในแดนตะวันตกไกลแห่งนี้มีนิกายจักรพรรดิอมตะที่ยิ่งใหญ่อยู่สามนิกายและนิกายชั้นหนึ่งที่ยิ่งใหญ่อีกสี่
ทั้งเจ็ดนิกายนี้เป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนตะวันตกไกล
และนิกายหยินหยางก็เป็นหนึ่งในสี่นิกายชั้นหนึ่ง
“ข้าก็แค่ต่อสู้เพื่อความยุติธรรมของผู้คนเท่านั้น หากปรมจารย์หวู่ยืนกรานที่จะลงมือ ข้าก็คงไม่มีอะไรจะพูด ” เย่เฉินขมวดคิ้ว เขายกดาบขึ้น และพูดอย่างสงบ: "แม้ว่าท่านจะแข็งแกร่ง ข้าก็ไม่คิดที่จะอยู่นิ่งรอความตายเช่นกัน
และถึงแม้จะตาย อย่างน้อยข้าก็ต้องตายอย่างเที่ยงธรรม "
“ข้าบอกเมื่อไหร่กันว่าจะฆ่าเจ้า?” ผู้นำนิกายหวู่ก็เหลือบมองไปที่เย่เฉิน และเดินตรงไปหาหยินซวนอิง
ด้วยฝ่ามือข้างเดียว แสงสีดำและสีขาวสองดวงก็พันรอบหยินซวนอิงในพริบตา และหยินซวงอิงก็กลายเป็นผุยผงทันทีก่อนที่จะได้กรีดร้องออกมา
“มาคุยกันเถอะ” ปรมาจารย์หวู่พูดด้วยความสนใจอย่างมาก
“เราจะคุยกันเรื่องใด” เย่เฉินถาม
“เจ้าเข้าใจวิถีหยินหยางแล้วใช่หรือไม่ ” ปรมาจารย์หวู่หัวเราะเบา ๆ: “เป็นเรื่องยากยิ่งสำหรับคนๆหนึ่งที่จะเข้าสู่วิถีนี้ได้ และผู้ที่เข้าสู่วิถีนี้ก็ยากที่จะฝึกฝนได้อย่างคนทั่วไป
เจ้าต้องการทรัพยากรที่เหมาะสม และนิกายหยินหยางของเราก็ต้องการบุตรสวรรค์พอดี "