หมัดเพลิงพิโรธ (อ่านฟรี 27/06/2567)
สนับมือนี้มันเพิ่มแค่พลังป้องกันและพลังโจมตีเท่านั้นเพราะมันเป็นสนับมือที่สร้างด้วยผู้ปลุกพลัง การจะเสริมค่าสถานะอื่นจะต้องหาผู้ปลุกพลังที่สามารถจารึกอักขระได้มาช่วยทำการจารึก ซึ่งมันก็มีราคาแพงมาก แถมบางทีผลลัพธ์ก็ไม่ได้ดีนักอีกด้วย
ดังนั้นการซื้ออาร์ติแฟกต์อาวุธไปเลยย่อมเป็นทางเลือกที่ฉลาดกว่า
น่าเสียดายที่เขาทุ่มเงินไปซื้อชุดเกราะราชสีห์คำรามไปแล้ว จึงต้องใช้สนับมือที่สั่งทำปกติแทนอย่างเสียไม่ได้
“ทำไมมันเร็วอย่างนี้วะ! แถมยังหมัดหนักอีก!” แต่ถึงเขาจะใส่ทั้งอาร์ติแฟกต์เกราะราชสีห์เพลิงคำราม และสนับมือแรงค์ C แล้ว เขาก็ยังแทบรับมือกับชายตรงหน้าไม่ไหวทำให้หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงอดที่จะหัวเสียขึ้นมาไม่ได้
“บัดซบ! ถ้าอย่างนั้นต้องใช้วิธีลับเสียแล้ว!!” เขาคำรามออกมาก่อนจะระเบิดพลังพลักร่างของคริสให้กระเด็นออกไปไกล
เมื่อร่างของฝ่ายตรงข้ามกระเด็นออกไปแล้ว หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงก็ทำการเรียกน้ำยาออกมาสามขวด ได้แก่น้ำยาเพิ่มความเร็ว น้ำยาเพิ่มพลังโจมตี น้ำยาเพิ่มพลังป้องกัน และก็เรียกน้ำยาฟื้นฟูความเจ็บปวดออกมากินตบท้ายไปด้วย เพราะเขาถูกโจมตีไม่น้อย
ความจริงน้ำยาพวกนี้แม้จะมีผลเพียงสิบนาทีแต่มันก็มีราคาแพงไม่น้อย ราคาขวดละหนึ่งล้านเครดิตเลยทีเดียว เนื่องจากพวกมันจะเพิ่มค่าสถานะตามชนิดน้ำยาที่กินไปถึง 50% ทำให้มันเป็นที่นิยมในตลาดอย่างมาก
ถ้าไม่ใช่เพราะที่นี่เป็นเพียงสนามประลองที่ใช้ทุกอย่างที่มีได้โดยไม่ต้องเสียของที่มีอยู่จริง เขาก็ไม่มีวันนำมันออกมาใช้งานแบบนี้หรอก
“เป็นไงล่ะ! ทีนี้แกเข้าใจความแตกต่างระหว่างพวกเรารึยัง ?” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงที่ทำการดื่มน้ำยาเพิ่มค่าสถานะเข้าไปก็กลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบในการต่อสู้ได้ไม่ยาก
คริสที่กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบก็ไม่ได้ตื่นตระหนกแต่อย่างใด เขากลับรู้สึกสนใจที่อีกฝ่ายสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งในฉับพลันได้มากกว่า
ถึงแม้เทคนิคของเขาจะเหนือกว่าคู่ต่อสู้อยู่บ้าง แต่ด้วยร่างกายที่ไม่อาจตามความเร็วของอีกฝ่ายได้ทันมันก็เป็นอุปสรรคในการต่อสู้อยู่ไม่น้อย ทำให้คริสถูกหัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงโจมตีอยู่บ่อยครั้ง
ไหนจะเรื่องความห่างชั้นของค่าสถานะอีก เพราะคริสก็เป็นเพียงผู้ปลุกพลังแรงค์ D เท่านั้น แต่หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงเป็นถึงผู้ปลุกพลังแรงค์ B เลยทีเดียว
“....” คริสก็ยังคงเงียบเช่นเคย ในตอนนี้ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผล ด้วยความที่ไม่มีอาวุธใดเลยนอกจากร่างกายและทักษะผิวเหล็ก ทำให้จากความได้เปรียบในตอนแรกกลายเป็นเรื่องยากที่จะสู้ต่อได้
มือของชายหนุ่มเต็มไปด้วยบาดแผลฟกช้ำจากการใช้ปัดป้องเพลงหมัดที่สวมสนับมือของอีกฝ่าย ไหนจะรอยแผลไฟไหม้จากทักษะของอีกฝ่ายด้วย
โชคดีที่คริสมีการฟื้นฟูตัวเองได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้บาดแผลที่เขาได้รับถูกรักษาได้อย่างไม่ยากเย็นนัก แต่ถ้าเป็นคนอื่น ๆ ก็คงหมดสติไปแล้วกับบาดแผลจำนวนมากขนาดนี้
ทั้งถูกชกต่อย กระดูกแตกหัก ไฟไหม้ทั้งตัว แม้จะกลับมาเป็นปกติ แต่ความเจ็บปวดย่อมมีอยู่ในใจ
‘ดูเหมือนว่ายาที่เจ้านั่นดื่มลงไปจะส่งผลได้ไม่นานนัก ถ้าข้าถ่วงเวลาเอาไว้จนกว่าฤทธิ์ยาจะหมดก็คงจะชนะการต่อสู้ครั้งนี้ได้’ คริสทำการประเมินสถานการณ์อย่างถี่ถ้วน ซึ่งมันก็เป็นไปตามที่ชายหนุ่มคิดทุกอย่าง
“แกมันตายยากจริง ๆ ! แต่ฉันจะจบการต่อสู้นี้เดี๋ยวนี้แหละ!” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงที่เห็นการฟื้นฟูตัวเองของชายหนุ่ม เขาก็ตระหนักได้ว่าถ้าปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปยังไงเขาก็ต้องแพ้การต่อสู้ครั้งนี้อย่างแน่นอน จึงตัดสินใจที่จะใช้ท่าไม้ตายลับออกมา
ครึ่งหลัง
“หมัดเพลิงพิโรธ!!” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงตะโกนชื่อทักษะออกมาเสียงดัง
ทันใดนั้นพลังงานมหาศาลก็ก่อเกิดเป็นหัวสิงโตเพลิงขนาดใหญ่ที่ด้านหลังของหัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิง หัวสิงโตนั้นเหมือนจริงและทรงพลังเป็นอย่างมาก
ร่างของหัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงหายไปจากการมองเห็นของคริส ทำให้ชายหนุ่มต้องเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น เขาพยายามมองไปรอบบริเวณเพื่อหาตำแหน่งของอีกฝ่าย
“แย่ล่ะซิ” คริสกล่าวออกมาด้วยเสียงเรียบนิ่ง ในตอนที่เขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของอีกฝ่ายมันก็เป็นเวลาที่สายไปเสียแล้ว
ร่างของหัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงที่ลอยอยู่ด้านบน ปล่อยหมัดที่อัดแน่นไปด้วยเพลิงราชสีห์พิโรธลงมาเต็มแรง คริสไม่สามารถหลบการโจมตีนี้ได้ทัน เขาจึงเลือกเอามือทั้งสองข้างขึ้นมาป้องกันเอาไว้แทน
ตู้ม! พรึบ พรึบ พรึบ
เกิดเสียงดังสนั่นพร้อมกับคลื่นเปลวเพลิงที่แผ่ขยายไปทั่วบริเวณ ในตอนนี้สนามประลองเต็มไปด้วยเปลวเพลิงอันร้อนแรงจนแทบมองไม่เห็นสิ่งใด
“แฮ่ก แฮ่ก แฮ่ก มันยังไม่ตายอีกเหรอวะ!” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงยืนหอบหายใจด้วยความเหนื่อยล้า ทักษะที่เขาใช้ไปมันกินพลังเวทย์ที่เหลืออยู่ของเขาจนหมด ประกอบกับพวกยาบัพค่าสถานะก็หมดเวลาแล้วทำให้ตอนนี้เขาแทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงอีกต่อไป
เขากล่าวออกมาด้วยความตกตะลึง การที่ยังไม่ได้กลับไปยังโลกความเป็นจริงมันแสดงให้เห็นว่าคู่ต่อสู้ยังไม่สิ้นสภาพนั่นเอง ทำให้เขารู้สึกตื่นกลัวขึ้นมาไม่น้อย
“พรวด! การโจมตีของเจ้า... รุนแรงมากทีเดียว” เสียงของชายหนุ่มผู้หนึ่งดังขึ้นมา ก่อนที่หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงจะได้เห็นร่างของคู่ต่อสู้ของเขาที่เดินออกมาจากเปลวไฟ
ร่างของคริสในตอนนี้ไม่ค่อยจะน่าดูสักเท่าไหร่ แขนทั้งสองข้างไหม้เกรียมไปถึงหัวไหล่ เส้นผมถูกเผาจนหมดหัว หน้าศรีษะและใบหน้าเป็นแผลไฟไหม้อย่างรุนแรง ทั่วทั้งตัวไร้ซึ่งชุดคลุมอีกต่อไป
ด้วยทักษะต้านทานไฟ[D]และผิวเหล็ก[A] ทำให้เขาไม่ตายในการโจมตีครั้งนี้ ถึงแม้ทักษะของคริสจะมีระดับสูง แต่การโจมตีของหัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงที่ได้เปลวเพลิงมาจากอาร์ติแฟกต์ชุดเกราะระดับ C รวมถึงอาวุธที่เป็นระดับ C เช่นกัน รวมถึงค่าสเตตัชของผู้ปลุกพลังแรงค์ B ทำให้ความเสียหายที่เกิดขึ้นรุนแรงเป็นอย่างมาก
“ทำไม... แกถึงยังไม่ตายกัน! บาดแผลขนาดนั้นไม่รู้สึกอะไรเลยรึไง!! แกเป็นปีศาจรึไง!!” หัวหน้ากิลด์ราชสีห์เพลิงที่เห็นสภาพของคู่ต่อสู้ของเขาก็ถึงกับรับไม่ได้ขึ้นมา ตัวเขาเองขนาดโดนโจมตีปกติยังแทบทนไม่ไหว
ด้วยความเจ็บปวดที่เพิ่มขึ้นมาห้าเท่า บาดแผลขนาดนั้นทำไมชายตรงหน้าของเขาถึงยังมีสติอยู่ได้กัน?!
“ข้า... เป็นมนุษย์ แต่ความรู้สึกอะไรนั่น มันหายไปนานแล้ว” คริสตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
แม้ว่าเขาจะถูกทดลองมามากมายแต่เขาก็ยังเป็นมนุษย์อยู่ เขาจำได้ว่าเคยถูกผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนแปลงกระดูกในร่างให้กายเป็นเหล็กผสานแก่นเวทย์มาก่อน รวมถึงเขายังถูกฝังวงจรพลังงานไฟฟ้าเพื่อเอาไว้ใช้งานอาวุธของกองทัพอีกด้วย
วงจรเหล่านี่มีหน้าที่ในการจ่ายพลังงานให้กับอาวุธและชุดเกราะต่าง ๆ รวมถึงมีหน้าที่ในการระเบิดตัวเองเพื่อสร้างความเสียหายให้มอนสเตอร์ให้ได้มากที่สุดในกรณีที่ไม่อาจหลบหนีได้
แต่ร่างกายของเขาในตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะไม่ได้มีสิ่งเหล่านั้นอีกแล้ว ถึงแม้จะไม่มีสิ่งเหล่านั้นแล้วแต่เขาก็สัมผัสได้ว่าร่างกายของเขาแข็งแกร่งกว่าแต่ก่อนเสียอีก อาจเป็นเพราะการมาทดแทนของทักษะต่าง ๆ นั่นเอง ตอนนี้ดูเหมือนว่าเขาจะมีเพียงนาโนแมชชีนที่ยังคงเหลืออยู่ และมันก็พัฒนาตัวเองให้ทรงประสิทธิภาพกว่าเก่าอีกด้วย
“เช่นนั้นข้าขอเป็นฝ่ายโจมตีบ้าง เจ้าเตรียมรับมือให้ดีล่ะ” คริสกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น
แม้จะไม่รู้สึกอันใดแต่เขาก็มีความไม่พอใจเกิดขึ้นเล็กน้อย ความไม่พอใจที่ตัวเขาถูกโจมตีจนตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ ถ้าไม่มีนาโนแมชชีนที่พัฒนาไปเป็นเซลล์เอกภพร่างกายของเขาคงจะลุกขึ้นยืนเช่นนี้ไม่ได้แน่ ๆ