ทำไมนายชอบสะสมของปลอมจังเลย (อ่านฟรี 13/07/2567)
“อะไรนะ! ผมถูกไล่ออกได้ยังไงกัน!!” เสียงตะโกนด้วยความตกใจดังลั่นห้อง เจ้าของเสียงในเวลานี้ตัวสั่นไปหมดแล้ว
ยังไม่ทันทีเขาจะได้ไปไหนก็พบว่าบริษัทได้โทรมาว่าได้ทำการไล่เขาออกเป็นที่เรียบร้อย แล้วแบบนี้เขาจะทำยังไงดีล่ะ ?
“เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นในคลิป ? มันไม่ใช่นะครับ มันเป็นคลิปตัดต่อ ไม่ใช่คลิปเต็มด้วยซ้ำ ตอนนี้ผมก็อยู่สถานีตำรวจให้พวกเขาเป็นพยานก็ได้ เดี๋ยวก่อนสิครับท่านประธาน เดี๋ยว...” เหอจุนพยายามจะกล่าวอธิบายออกมาแต่ก็เหมือนจะสายไปเสียแล้วเพราะปลายสายทำการวางแล้วนั่นเอง
ไม่ว่าเขาจะพยายามต่อสายใหม่อีกกี่ครั้งก็พบว่าสายไม่ว่างสักที ดูเหมือนอีกฝ่ายจะทำการบล็อคเบอร์เขาไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“บัดซบ! ฉันจะฟ้องพวกแกให้หมด มาไล่ฉันออกไม่มีเหตุผลแบบนี้” เหอจุนสบถออกมาด้วยความหัวเสีย
แล้วแบบนี้เขาจะทำยังไงต่อดี นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกัน ? พวกรองสารวัตรกำลังจัดการไอ้เย่เซวียนให้ไม่ใช่รึไง ทำไมบริษัทของเขาถึงได้รีบแสดงท่าทีแล้วไล่เขาออกแบบนี้ล่ะ หรือมันจะเกิดอะไรขึ้นจริง ๆ
แกร๊ก ปั้ง!
มีใครบางคนบิดลูกบิดประตูก่อนจะใช้เท้าถีบเข้ามาอย่างแรงจนเกิดเสียงดังทำให้เหอจุนสะดุ้งจนต้องหันไปมอง เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นรองสารวัตรเขาก็ค่อยใจเย็นลงได้หน่อย
แต่ทำไมพี่เชียงถึงทำหน้าแบบนั้นล่ะ ? เหมือนอยากจะฆ่าคนยังไงก็ไม่รู้
“มีอะไรรึเปล่าครับพี่ ทุกอย่างเรียบร้อยดีไหม” เหอจุนกล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้น การที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาหาเขาแบบนี้แสดงว่าเรื่องของเย่เซวียนน่าจะเรียบร้อยแล้ว
สมน้ำหน้ามัน! ตอนนี้คงถูกขังคุกไปแล้วแน่ ๆ อยากมาทำร้ายเขาก็ต้องโดนแบบนี้แหละ!!
เผี๊ยะ! เผี๊ยะ! เผี๊ยะ!
“พี่เชียง! พี่ตบผมทำไม ??” เหอจุนร้องออกมาเสียงหลงหลังจากถูกอีกฝ่ายตบที่หน้าอย่างแรงถึงสามที การตบแต่ละครั้งทำให้ใบหน้าของเขาหันไปตามทิศทางที่มือของอีกฝ่ายตบ พร้อมกับมีรอยช้ำเกิดขึ้นทันทีบ่งบอกว่าอีกฝ่ายตบแรงขนาดไหน
“ฉันไม่ฆ่าแกก็บุญแล้ว! แกไม่รู้รึไงว่าแกทำอะไรลงไป!!” รองสารวัตรคำรามออกมาด้วยความโกรธ
ทำไมเขาถึงได้โง่ไปเชื่อไอ้เวรตรงหน้านี้ได้นะ! ในตอนนี้เขาได้แต่ภาวนาว่าอีกฝ่ายจะไม่เอาเรื่องเขาแล้วปล่อยผ่านไปเท่านั้น หลังจากนั้นก็ค่อยทำเรื่องย้ายไปอยู่สถานีอื่นอีกที ให้เรื่องมันซาลงค่อยว่ากันใหม่
“อะไรกัน มีอะไรเหรอพี่ บอกผมหน่อยได้ไหม ?” เหอจุนรีบกล่าวออกมาด้วยความลนลาน
การที่อีกฝ่ายซึ่งเป็นถึงรองสารวัตรทำตะคอกและทุบตีเขาแบบนี้แสดงว่าต้องเกิดเรื่องเลวร้ายอย่างมากขึ้นแล้ว เพราะไม่งั้นด้วยผลประโยชน์ที่มีร่วมกันมาเสมออีกฝ่ายไม่มีทางแสดงออกแบบนี้กับเขาแน่นอน
“แกไม่รู้ใช่ไหมว่าคนที่แกไปหาเรื่องเป็นใคร ?” รองสารวัตรเค้นเสียงออกมาอย่างอดทน เขาพยายามจะห้ามมือห้ามเท้าไม่ให้ซัดเข้าใส่อีกฝ่าย
“ก็เย่เซวียน ไอ้บ้านนอกยากจนที่บังเอิญรวยขึ้นมาไม่ใช่เหรอพี่ ?” เหอจุนตอบกลับไปด้วยความไม่เข้าใจ หรือไอ้เย่เซวียนมันมีเบื้องหลังยิ่งใหญ่อะไรสักอย่าง
บรรพบุรุษหรือต้นตระกูลมันร่ำรวยมีอำนาจมากในเมืองหลวง ? หรือมันเป็นทายาทอภิมหาเศษรฐีอะไรแบบนั้นรึไง ?
เผี๊ยะ! เผี๊ยะ!
ครึ่งหลัง
“ไม่ใช่โว้ย ! ไอ้นั่นมันไม่มีอะไรหรอก แล้วแกไม่รู้ใช่ไหมว่าผู้หญิงตัวเล็กที่อยู่กับเย่เซวียนเป็นคนของตระกูลฮวา !!” รองสารวัตรตวาดออกมาอย่างเหลืออดพร้อมกับตบหน้าอีกฝ่ายไปอีกสองที
“ตระกูลฮวา! ตระกูลฮวานั่นเหรอครับ ??” เหอจุนทวนคำของอีกฝ่ายด้วยความตกใจ
ทำไมเขาจะไม่รู้จักตระกูลฮวากัน นั่นเป็นตระกูลระดับสูงของจังหวัดนี้เลยนะ แค่ตระกูลนั้นขยับตัวนิดเดียวบริษัทที่เพิ่งจะไล่เขาออกก็ล่มสลายได้แล้ว
ถึงว่าทำไมทางบริษัทถึงได้รีบไล่เขาออกโดยไม่สนใจว่าจะโดนเขาฟ้องหรือไม่ขนาดนี้
“เออสิวะ! นั่นเป็นคุณหนูฮวาหวู่หลิง หลานคนโปรดของผู้นำตระกูลฮวานะโว้ย!” รองสารวัตรกล่าวออกมาอีกครั้ง คราวนี้เขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้จนตะโกนออกมาเสียแล้ว
“.... แล้วเราจะทำยังไงกันดีครับพี่” เหอจุนนิ่งเงียบไปเล็กน้อยก่อนจะกล่าวออกมา
“เอาเป็นว่า ฉันจะจับกุมแกเอาไว้ก่อนทำเป็นว่าเราทำตามขั้นตอนกฎหมาย พอถึงเวลารอเรื่องเงียบค่อยแยกย้ายกันอีกที” รองสารวัตรกล่าวออกมาก่อนจะยื่นเอกสารให้เหอจุนกรอก
“เอกสารอะไรครับ... ยินยอมรับความผิดที่ก่อขึ้น แต่ถ้าผมเซ็นไปเท่ากับว่าผมจะมีประวัติเสียเลยไม่ใช่เหรอครับ” เหอจุนรับเอกสารมาก่อนจะอ่านอย่างละเอียด สักพักหนึ่งเขาก็กล่าวออกมา
เนื้อหาใจความของเอกสารระบุไว้ว่าตัวของเขาเหอจุนเป็นผู้แจ้งความเท็จทำให้ตำรวจเคลื่อนไหวไปจับกุม เย่เซวียน ฮวาหวู่หลิง และกลุ่มบอดี้การ์ด ซึ่งตัวเขาได้ทำการสารภาพและยอมรับทุกกรณี
“แล้วยังไง ? แกมีวิธีที่ดีกว่านี้ ?” รองสารวัตรกล่าวออกมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด
เขาหาวิธีช่วยก็ดีแค่ไหนแล้ว ยังจะเรื่องมากอีก ?
“ไม่ครับ พี่ว่ายังไงผมก็ว่ายังงั้นแหละ” เหอจุนได้แต่ยอมรับอย่างไม่อาจทำอะไรได้ ในเวลานี้เขาต้องยอมไปก่อน แล้วค่อยหอบเงินเก็บหนีให้เร็วที่สุด เพราะเขาไม่รู้หรอกว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ ยิ่งไปมีเรื่องกับตระกูลฮวา ยังไงก็จบไม่สวยแน่นอน
...
“นี่บ้านนายเหรอ ?” ฮวาหวู่หลิงกล่าวออกมาด้วยความแปลกใจ
หลังจากที่พวกเขาขับรถมาตามการบอกทางของเย่เซวียนเป็นเวลากว่าสองชั่วโมงก็ได้เข้ามายองซอยถงเหอซึ่งเป็นซอยเล็ก ๆ แทบไม่มีผู้คนผ่านไปมาสักเท่าไหร่ ซอยถงเหออยู่ชานเมืองทิศตะวันตกของจังหวัดชางโจว
สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของพวกเขาก็คือร้านค้าขนาดประมาณ 40 ตรว. มีขนาดทั้งหมดสองชั้น ชั้นแรกที่ได้เห็นเป็นแบบเปิดกว่างมีบานพับเหล็กปิดอยู่ หลังจากเย่เซวียนเดินไปไขกุญแจที่ล็อคเอาไว้เขาก็เปิดบานพับเหล็กขึ้นไปจนได้เห็นกับสภาพภายในร้าน
“ใช่แล้ว เป็นทั้งร้านขายของเก่าแล้วก็บ้านของฉันเอง” ชายหนุ่มกล่าวออกมาพลางเดินไปเปิดสวิตซ์ไฟ ในตอนนี้ก็เวลาหกโมงเย็นแล้ว รอบบริเวณจึงเริ่มที่จะมืดลง
“ขอฉันเดินดูหน่อยได้ไหม ?” ฮวาเสี่ยวชิงที่เพิ่งจะลงมาจากรถกล่าวถามออกมา
“เชิญตามสะดวกได้เลยครับ ของทุกชิ้นมีคุณภาพเกินจากที่ตาเห็นแน่นอน ผมรับรองได้เลย” ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ก่อนจะกล่าวออกมา ถึงมันจะฟังดูเกินจริงไปหน่อยก็เถอะ
“เอ๊ะ แจกันอันนี้...” ฮวาหวู่หลิงเดินเข้าไปหยิบแจกันอันหนึ่งขึ้นมาดู
มันเป็นแจกันเซรามิกเก่า ๆ ที่มีสีขาววาดลวดลายดอกไม้และภูเขาเอาไว้ ดูภายนอกก็คงเหมือนแจกันธรรมดาทั่วไป
“เธอนี่ตาถึงจริง ๆ แจกันนี่เป็นถึงแจกันโบราณจากจิตรกรสมัยราชวงศ์ชิงเลยนะ หายากมากเลยล่ะ” ชายหนุ่มรีบบรรยายสรรพคุณออกมาอย่างเต็มที่ ส่วนมันเป็นของจริงหรือไม่นั้น เขาก็ไม่ทราบเหมือนกัน รู้แค่ว่าปู่ของเขาบอกมาแบบนี้
“จริงเหรอ ? แล้วราคาเท่าไหร่ล่ะ” ฮวาหวู่หลิงทำหน้าตาเหมือนกำลังกลั้นหัวเราะเอาไว้ก่อนจะถามออกมา
“แค่ห้าแสนหยวนเท่านั้นเอง ! ปกติขายกันหลายล้านหยวนเลยนะแต่เห็นว่าเป็นเพื่อนกันฉันเลยลดให้พิเศษ” เย่เซวียนกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงใจ เหมือนกับว่าสิ่งที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงทุกประการ
“ห้าแสนเองเหรอ ถูกมากเลยนะเพราะล่าสุดคุณยายฉันซื้อแจกันโบราณมาตั้งห้าสิบล้านหยวนแหนะ นายใจดีมากจริง ๆ” ฮวาหวู่หลิงกล่าวออกมาทำให้พี่สาวของเธอที่กำลังเดินดูของในร้านอยู่หันมามองด้วยความสนใจ
“ชะ.. ใช่ไหมล่ะ ฉันลดให้พิเศษอยู่แล้ว” เย่เซวียนที่ไม่คิดว่าแจกันมันราคาแพงได้ถึงขนาดนั้นก็เริ่มลนลานออกมา
ทำไมแจกันที่ปู่ซื้อมาถึงขายถูกนักล่ะ หรือมันเป็นของปลอมกันแน่นะ ?
เนื่องจากชายหนุ่มปิดใช้งานดวงตาเที่ยงแท้เอาไว้เพราะมันแสดงรายละเอียดของทุกสิ่งในระยะสายตา มันทำให้เขาปวดหัว ดังนั้นเขาจึงเลือกปิดใช้งานการแสดงรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ เอาไว้แทน
ในตอนนี้เขามองเห็นแค่พวกวิญญาณและพลังงานประหลาด ๆ ตามอากาศเท่านั้น
“ทำไมนายถึงชอบสะสมของปลอมจังเลย ฉันล่ะไม่เข้าใจ” แต่คำตอบของหญิงตัวเล็กกลับไม่เป็นไปดั่งที่ชายหนุ่มคิด
เขารู้สึกเหมือนกับว่าถูกฟ้าผ่าลงที่กลางใจไม่มีผิด ของปลอม.... ของปลอมอย่างนั้นเรอะ!!