ตอนที่ 95
ตอนที่ 95
บนเวทีประลองของนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์ โม่เหรินได้พักฟื้นเสร็จแล้ว เขาถอนหายใจยาวออกมา จากนั้นก็เดินขึ้นเวทีประลอง
“มาเริ่มกันเถอะ” โม่เหรินมองไปที่เต๋าซุน และพูดอย่างใจเย็น
เต่าดำคำรามออกมาเบา ๆ พร้อมกับเสียงพยัคฆ์ เขาไม่กล้าที่จะประมาทและเดินตรงไปหาเต๋าซุน
เมื่อเสียง "ครืน" นอกจากผู้อาวุโสสองสามคนแล้ว หลายคนต่างก็ไม่เห็นการลงมือของเต๋าซุน พวกเขาเพียงเห็นว่าจู่ๆก็มีแสงดาบเบ่งบานขึ้นตรงหน้าพวกเขาเท่านั้น
การเคลื่อนไหวนี้รวดเร็วและเฉียบคมอย่างยิ่ง และก่อนที่โม่เหรินจะมีเวลาตอบสนอง เงาของพยัคฆ์และเต่าดำที่อยู่รอบตัวเขาก็พังทลายลง
โม่เหรินสีหน้าเคร่งขรึมและถอยหลังไปสองก้าวอย่างรวดเร็ว
เขาไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะสามารถทำลายเงาสัตว์อสูรทั้งสองของเขาได้อย่างง่ายดายราวกับหั่นแตงโม
…………
เขาหายใจเข้ายาว และเงาของอาชาสังสารวัฏก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง และพลังของสัตว์อสูรก็พวยพุ่งเข้าใส่เต๋าซุน
“กระบวนท่าที่ 5 สายลมบิดพริ้ว” เต๋าซุนพึมพำออกมาเบาๆ
ดาบนี้เป็นเหมือนพายุที่รุนแรง มันบานสะพรั่งไปทั่วใบมีด และแปรเปลี่ยนกลิ่นอายของสภาพแวดล้อมโดยรอบทั้งหมด
เมื่อดาบสั้นปะทะเข้ากับอาชาสังสารวัฏ รอยแตกก็ปรากฏขึ้นทันทีบนพื้นสนามประลองใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา
พลังที่รุนแรงทั้งสองอย่างปะทะกันแรง และอาชาสังสารวัฏก็ส่งเสียงคำรามออกมา ดวงตาประหลาดของมันสะท้อนแสงสว่างขึ้นไม่มีสิ้นสุด
รอบดาบสั้น สายลมเย็นยะเยือกก็เกรี้ยวกราดมากขึ้นเรื่อยๆ และพายุคำรามก็ระเบิดออกมาราวกับจะกลืนกินโลกทั้งใบ
ดูสีหน้าของโม่เหรินก็บิดเบี้ยว เขาใช้พลังทั้งหมดออกไปแล้ว แต่เต๋าซุนกลับรับมือได้อย่างง่ายดาย
เต๋าซุนขยับเท้าถอยไปครึ่งก้าว จากนั้นก็พูดเบาๆ "กระบวนท่าที่หก ดาบสังหาร "
เมื่อกระบวนท่าที่หกถูกใช้ออกมา พายุดาบก็สงบลงทีละน้อย
แปรเปลี่ยนเป็นกลิ่นเลือดเล็ดลอดไปทั่วบริเวณ และดาบทลายโลกาก็ปกคลุมไปด้วยชั้นแสงสีแดงเลือด
โม่เหรินมองดูดาบที่มีแสงสีแดงปกคลุมด้วยความประหลาดใจ และเขารู้สึกราวกับว่ามีทะเลเลือดกำลังโถมซัดเข้าใส่หัวใจของเขา
กลิ่นอายเลือดนี้ดูราวกับว่าจะหลอมละลายภูเขา มันกวาดไปทั่วเขาทั้งลูก
เพียงครู่เดียว อาชาสังสารวัฏถูกแยกส่วนออกเป็นชิ้นๆ โม่เหรินคำรามออกมาอย่างเจ็บปวด และดาบสั้นก็แทงทะลุไหล่ขวาของเขาโดยตรง
จากนั้นเงียบลงในทันที และได้ยินเพียงเสียง "แกร๊ก แกร๊ก" เท่านั้น จากนั้นเวทีประลองที่เต็มไปด้วยรอยแตกก็พังทลายลงอย่างสิ้นเชิง
เลือดหยดหนึ่งไหลออกมาจากไหล่ของโม่เหริน แต่สิ่งที่ประหลาดใจกว่าคือ ดาบทลายโลกาที่แทงอยู่บนไหล่นั้นกำลังดูดเลือดที่ไหลออกมาอยู่
“ข้าแพ้แล้ว” โม่เหรินพูดคำทั้งสามออกมาด้วยความยากลำบาก ขณะเดียวกันเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาจากหน้าผากของเขา
เต๋าซุนหัวเราะเบา ๆ เขาดึงดาบสั้นกลับมาและเก็บเข้าฝักไป จากนั้นก็เดินลงจากสนามประลอง
…………
“ศิษย์ของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ช่างแข็งแกร่งนัก” หลัวชางเหอกล่าวด้วยรอยยิ้มเขินอายขณะมองไปที่ฝูงชน
เขาคิดไว้อยู่แล้วว่าโม่เหรินจะพ่ายแพ้ แต่ก็ไม่คิดว่าจะง่ายดายเพียงนี้
เขาพ่ายแพ้ในเวลาไม่ถึงสามกระบวนท่าด้วยซ้ำ
"ผู้อาวุโสหลัว ชมเกินไปแล้ว " ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นยิ้มและส่ายหัว เขามองดูเต๋าซุนที่ก้าวลงมาจากเวทีประลองและถามออกไป "เต๋าซุน เจ้าฝึกฝนมานานแค่ไหนแล้ว ?"
“น้อยกว่าครึ่งปี” เต๋าซุนตอบ
“แล้วตอนนี้เจ้าอยู่อันดับที่เท่าไหร่ในรายชื่อมังกรซ่อนของนิกายฝ่ายใน ?” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นยังคงถามต่อ
เช่นเดียวกับรายชื่ออันดับเสือหมอบของนิกายฝ่ายนอก นิกายฝ่ายในเองก็มีอันดับรายชื่อมังกรซ่อนเช่นกัน
“คงต้องขายหน้าแล้ว ข้าไม่มีอันดับอยู่ในรายชื่อมังกรซ่อน”เต๋าซุนแสร้งถอนหายใจอย่างเสียใจ
“ถ้าเช่นนั้นเจ้าก็ต้องฝึกฝนให้หนักเข้าไว้ มีเพียงคนที่อยู่ในรายชื่อมังกรซ่อนเท่านั้นที่จะถูกมองว่าเป็นศิษย์ชั้นยอดฝ่ายใน ” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นกล่าวอย่างเสียดาย
เมื่อฟังการสนทนาระหว่างทั้งสอง ใบหน้าของหลัวชางเหอก็เริ่มเขินอายมากขึ้น
สองคนนี้เห็นได้ชัดว่ากำลังแสดงละครต่อหน้าเขา ศิษย์ของเขาที่พ่ายแพ้เมื่อครู่เป็นถึงศิษย์อันดับหนึ่งของนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่อีกฝ่ายจะบอกว่าพวกเขาใช้เพียงศิษย์ฝ่ายในทั่วไปเท่านั้น
แล้วถ้าเป็นศิษย์หลักฝ่ายในล่ะ…. จะมีภาพหรือ ?
หลัวชางเหอไม่เชื่อว่าเต๋าซุนไม่มีรายชื่ออยู่ในมังกรซ่อนอย่างแน่นอนเมื่อดูจากพลังที่เต๋าซุนแสดงออกมา แต่เขาก็ไม่อาจพูดแย้งอีกฝ่ายได้แต่อย่างใด ใครบอกให้ศิษย์ของเขาพ่ายแพ้ในการประลองกันเล่า ?
ถ้าพวกเขาเป็นฝ่ายชนะ อีกฝ่ายจะกล้าแสดงละครและทำเป็นสูงส่งเช่นนี้หรือ….. ตอนนี้ เขาค้นพบแล้วว่าผู้อาวุโสเทียนเจิ้นผู้นี้ พยาบาทไม่ใช่น้อย
…………
“ผู้อาวุโสเทียนเจิ้น การประลองภายในได้สิ้นสุดลงแล้ว ข้าจะบอกให้ท่านผู้อาวุโสใหญ่ของเราจัดงานเลี้ยงฉลองให้กับท่านหลังจากนี้ ส่วนเรื่องของธิดาสวรรค์จากนิกายวิญญาณอมตะนั้นพวกเราจะไม่ล่าช้าเช่นกัน ข้าคงต้องออกไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย ” หลัวชางเหอทนไม่ได้จริงๆที่ต้องมาเห็นภาพทั้งสองโอ้อวดเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงหาข้ออ้างที่จะจากไป
“ไม่เป็นไร ท่านไปจัดการธุระของท่านเถิด ไม่ต้องห่วงพวกเรา ” ผู้เฒ่าเทียนเจิ้นโบกมือแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม“การได้มาชมการประลองภายในของนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้มีประโยชน์แก่ข้าเป็นอย่างยิ่ง นิกายวสันศักดิ์สิทธิ์ช่างเต็มไปด้วยคนมีความสามารถจริงๆ ”
“นี่ขนาดข้าจะไปแล้วเจ้ายังไม่เลิกยกยอตัวเองอีกรึ?” หลัวชางเหอยิ้มให้กับผู้อาวุโสเทียนเจิ้น เขายิ้มฝืนๆให้กับอีกฝ่าย และแอบก่นดาผู้อาวุโสเทียนเจิ้นในใจไปทั้งสิ้น 18 ครั้ง
…………
ในเวลานี้ นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ก็ถูกห่อหุ้มด้วยรัศมีอันยิ่งใหญ่ของเต๋าเสี่ยวโม่
เมื่อแรงกดดันกระจายไปทั่วท้องฟ้า พลังศักดิ์สิทธิ์หลายเส้นสายก็เริ่มปรากฏขึ้นตามสถานที่ต่างๆในนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์
เมื่อพลังศักดิ์สิทธิ์เหล่านี้เชื่อมโยงกันอย่างแผ่วเบา พลังศักดิ์สิทธิ์ก็ลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า ราวกับว่าสวรรค์และโลกกำลังจะพังทลาย มันยิ่งใหญ่ราวกับว่ากำลังกำเนิดจักรรดิผู้ยิ่งใหญ่ตนหนึ่ง
ลมพัดและเมฆยังคงลอยค้าง ท้องฟ้าสีครามส่งเสียงดังกึกก้อง ใบหน้าของผู้เฒ่าเซียนหยุนซีดลง และนางก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่ผลักดันกลับมา คอของนางรู้สึกได้ถึงรสชาติหวานของโลหิตทันที และก็อดไม่ได้ที่จะกระอักเลือดออกมา
“ท่านเต๋าอย่าเพิ่งโกรธเคือง เราหาได้ต้องการเริ่มสงครามกับนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ไม่ ” ผู้อาวุโสฟานหยุนที่อยู่ด้านข้างคว้าตัวผู้อาวุโสเซียนหยุนอย่างรวดเร็วและพูดด้วยท่าทีเคารพ: "ผู้อาวุโสเซียนหยุนเพียงใจร้อนไปสักเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ว่ายังไงนี้ก็เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับธิดาสวรรค์ของพวกเรา ข้าหวังว่าท่านรองนิกายเต๋าจะไม่โกรธเคือง ”
“นับตั้งแต่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ก่อตั้งมา พวกเจ้าเป็นหนึ่งในไม่กี่คนที่กล้าลงมืออุกอาจเช่นนี้ ” เต๋าเสี่ยวโม่ ตะคอกอย่างเย็นชาและคว้าไปยังนกยักษ์ที่อยู่ด้านข้างด้วยมือขวาของเขา
พลังจิตวิญญาณของสวรรค์และโลกควบแน่นเป็นมือใหญ่ทันที และนิ้วชี้ของมือใหญ่นี้กดลงมาเบา ๆ แต่ภาพที่เกิดขึ้นนั้นกลับยิ่งใหญ่ราวกับท้องฟ้าจะแตกสลาย
พลังจิตวิญญาณอันไม่มีที่สิ้นสุดแผ่กระจายออกมาจากปลายนิ้ว และกระแสน้ำวนเหมือนหลุมดำก็ถูกบีบและเกิดเป็นรอยแยกขึ้น
พื้นที่พังทลายลง กฎเกณฑ์วุ่นวาย และนกยักษ์ก็ถูกนิ้วมือนี้กวาดล้างโดยตรงก่อนที่มันจะได้มีเวลากรีดร้องออกมาด้วยซ้ำ
สูญญากาศขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นตรงจุดที่เคยมีฝูงนกยักษ์อยู่ และผู้อาวุโสเซียนหยุนที่อยู่ด้านข้างก็ปรากฏเหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากของเขาจำนานมาก
ต้องรู้ก่อนว่านางนั้นอยู่ระดับ 7 แต่เมื่อเต๋าซุนลงมือ นางกลับไม่สามารถตอบโต้กลับได้เลยแม้แต่น้อย
โชคดีที่ตอนนี้เต๋าเสี่ยวโม่ลงมือกับนกยักษ์หาใช่นาง
“นี่คือบทเรียน หากมีครั้งต่อไป นิกายวิญญาณอมตะของพวกเจ้าจะมีชะตากรรมเช่นเดียวกับนกยักษ์พวกนี้ ” เต๋าเสี่ยวโม่ กล่าวอย่างสงบ
“ท่านรองนิกายเต๋า ข้าผิดเองที่กระทำการอย่างวู่วามต่อนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ ข้าต้องขออภัยอย่างสุดซึ้งจริงๆ ” ผู้อาวุโสเซียนหยุนที่อยู่ด้านข้างเงียบไปครู่หนึ่งแล้วพูดช้าๆ
ตัวตนระดับ 7 นั้นถือได้ว่าอยู่บนจุดสูงสุดของโลกนี้แล้วก็ว่าได้ และเป็นเรื่องยากอย่างยิ่งที่จะได้เห็นภาพผู้ฝึกบ่มเพาะระดับ 7 พูดขอโทษออกมา