ตอนที่ 90
ตอนที่ 90
เมื่อศิษย์คนหนึ่งเดินผ่านหิน เขาก็ค้นพบร่างของ เนี่ยซิงชิง
เมื่อหลัวชางเหอพาทุกคนไปรอบๆหิน ผู้อาวุโสฟานหยุนก็มองทุกสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และใบหน้าของนางก็ซีดลง
“สิ้นหวังแล้ว” หลัวชางเหอตรวจสอบอาการของเนี่ยซิงชิง ส่ายหัวและพูดอย่างเคร่งขรึม
“หัวหน้าหลัว สิ่งนี้เกิดขึ้นในนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์ของท่าน ไม่ใช่ว่าท่านควรมีคำอธิบายหรอกรึ ?” ผู้อาวุโสฟานหยุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ผู้อาวุโสฟานหยุน โปรดวางใจเถิด ข้าได้บอกให้ผู้คนปิดประตูภูเขาทั้งลูกแล้ว และไม่อนุญาตให้ใครออกจากนิกาย” หลัวชางเหอพยักหน้าและกล่าวว่า “เมื่อการประลองภายในสิ้นสุดลง ข้าจะตรวจสอบศิษย์ทุกคนและถามคนในนิกายทั้งหมดอย่างละเอียดถี่ถ้วน ”
เต๋าซุนเหลือบมองที่หลัวชางเหอ และรู้สึกว่ามันแปลกเล็กน้อย พูดตามหลักเหตุผล ธิดาสวรรค์ของนิกายอื่นเสียชีวิตในนิกายของเขาเองไม่ใช่รึ
เหตุใดถึงไม่รีบสอบสวนคนในนิกายให้ละเอียดทันที ? กลับกลายเป็นว่าพวกเขากังวลเรื่องการประลองภายในมากกว่าเสียอีก หรือพวกเขาตั้งใจที่จะถ่วงเวลาไปสักพักหนึ่ง
แต่เมื่อดูจากทัศนคติของหลัวชางเหอ ดูเหมือนว่าความสัมพันธ์ระหว่างนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์กับนิกายวิญญาณอมตะจะไม่ได้ดีเหมือนที่คิดไว้เสียแล้ว
“หัวหน้าหลัว หรือท่านต้องการปกป้องฆาตกรกัน ? กว่าที่การประลองภายในจะสิ้นสุดลง ทุกอย่างก็ควรหายไปหมดแล้วไม่ใช่รึ ” ผู้อาวุโสฟานหยุนกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง
“ผู้อาวุโสฟานหยุน หากท่านต้องการพูดสิ่งใดก็ควรมีหลักฐาน การที่นางตกตายในนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์ของเรา นั่นย่อมเป็นความรับผิดชอบทั้งหมดของเรา
บางทีไม่ใช่ว่าท่านไปทำให้ใครบางคนขุ่นเคืองจนกระทั่งถูกไล่ล่ามาถึงนี่หรอกรึ“หลัวชางเหอ ตะคอกอย่างเย็นชาและพูดว่า”เราเองก็ต้องรับผิดชอบเรื่องนี้เช่นกัน ข้าไม่ได้หาเหตุผลที่จะหลบเลี่ยงแต่อย่างใด ข้าเพียงแค่บอกว่าจะดำเนินการทันทีหลังจากที่การประลองภายในสิ้นสุดลงแล้วเท่านั้น "
“หลัวชางเหอ นี่เจ้ากำลังคิดแก้แค้นนิกายวิญญาณอมตะของเราจากเรื่องที่เกิดขึ้นคราวนั้นสินะ?” ผู้อาวุโสฟานหยุนตะโกนชื่อของอีกฝ่ายด้วยความโกรธ
ต้องรู้ก่อนว่าการตายของ เนี่ยซิงชิง ไม่เพียงแต่ทำให้ระยะเวลาที่หล่อเลี้ยงนางมาหลายปีกลายเป็นสูญเปล่าเท่านั้น
แต่หญิงสาวนางนี้ยังเป็นผู้ถือครองมรดกของบรรพบุรุษเฟิงอีกด้วย หากมรดกจักรพรรดิเฟิงหายไป นั่นไม่เท่ากับว่าพวกนางเป็นคนบาปของนิกายวิญญาณอมตะหรอกรึ
“แท้จริงแล้วพวกเราหาได้มีเหตุผลอะไร เพียงแค่ยังไม่รู้ว่าใครเป็นคนลงมือทำเท่านั้น ” หลัวชางเหอพูดอย่างสงบ: "และแม้ว่านิกายวสันศักดิ์สิทธิ์ของเราจะกล่าวว่านี่เป็นความรับผิดชอบของพวกเรา แต่เราก็ต้องขอให้ผู้อาวุโสฟานหยุนดำเนินการเองไปก่อน และก่อนที่ท่านจะเจอหลักฐานใด ได้โปรดอย่าป้ายความผิดกับนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์ของเราเด็ดขาด ”
“เจ้าต้องการหลักฐานใช่ไหม? งั้นตอนนี้ข้าจะแสดงให้ท่านดู” ผู้อาวุโสฟานหยุนจ้องมองเขา จากนั้นกลิ่นอายพลังในชีพจรก็พุ่งสูงขึ้น
ออร่ารอบตัวนางควบแน่นทีละน้อย และกระแสน้ำวนสีฟ้าอ่อนก็ปรากฏขึ้นข้างหลังเธอ
ทันทีที่วังวนปรากฏขึ้น ผู้อาวุโสฟานหยุนก็มองเห็นมือของนางกางออกไปในอากาศเล็กน้อย
ในขณะนั้น ในสายตาของทุกคน มือของผู้อาวุโสฟานหยุนดูเหมือนจะปรากฏแนวคิดพิเศษบางอย่าง ราวกับว่าพวกมันเดินทางผ่านกาลเวลาและจักรวาลมา
ม่านสีขาวปรากฏขึ้นตรงหน้าเธอ
“นี่คืออะไร” ลู่อังมองไปที่ เต๋าซุน แล้วถาม
“ข้าเองก็ไม่ทราบเช่นกัน” เต๋าซุน ส่ายหัว
“การดึงเวลาคือความสามารถของผู้อาวุโสฟานหยุน ที่ใช้เปิดเผยชะตากรรมที่แท้จริง” ผู้อาวุโสเทียนเจิ้นที่อยู่ด้านข้างอธิบาย: “ตราบเท่าที่ยังอยู่ในช่วงเวลา 1 วัน ผู้อาวุโสฟานย่อมสามารถดึงกระแสเวลาเพื่อดูว่าผู้ตายประสบสิ่งใดก่อนที่จะสิ้นลมหายใจ แต่ขีดจำกัดของภาพที่เห็นนั้นคือหนึ่งชั่วโมงก่อนที่ผู้ตายจะเสียชีวิต ”
“ความสามารถนี้ค่อนข้างยอดเยี่ยมนัก” ลู่อังกล่าวด้วยความสนใจ
นักรบสามารถควบแน่นแก่นชีวิตได้เมื่อพวกเขาไปถึงระดับ 4 และหลังจากไปถึงระดับ 6 พวกเขาก็จะสามารถใช้พลังที่แท้จริงของแก่นชีวิตในร่างของตน
เนื่องจากแก่นชีวิตแท้จริงของแต่ละคนแตกต่างกัน พลังความสามารถของแก่นชีวิตจึงต่างกันออกไปตามธรรมชาติ
…………
หลังจากที่ผู้อาวุโสฟานหยุนเปิดมือบนม่านแสง ภาพก็ปรากฏขึ้นในความว่างเปล่า
ทุกคนดูสิ่งที่ปรากฏอย่างตั้งใจ
ค่ำคืนที่ผ่านมามีดวงจันทร์ปรากฏในความมืด สายลมพัดบางเบา ด้านหลังหิน เนี่ยซิงชิงนอนอยู่บนพื้นขณะที่ชายชุดดำสองคนนั่งอยู่ข้างๆนาง
เมื่อเห็นพวกเขาทั้งสองนั่งเงียบ ๆ เกือบชั่วโมง ผู้อาวุโสฟานหยุนที่อยู่ข้างๆสีหน้าก็กลายเป็นน่าเกลียด
นางไม่มั่นใจว่าคนเหล่านี้เตรียมตัวมาดีและรู้ถึงความสามารถของนางหรือไม่ แต่คนเหล่านี้เห็นได้ชัดว่าจงใจใส่ชุดดำปกปิดใบหน้า และใช้เวลานั่งเฉยๆจนเกือบชั่วโมงจนทำให้นางไม่พบเบาะแสใด
เมื่อฉากที่ปรากฏกำลังจะจบลง ชายชุดดำคนหนึ่งก็ลุกขึ้นยืนและคว้าคอของเนี่ยซิงชิง
จากนั้นเสียงต่ำก็ดังขึ้น
“ก่อนเจ้าจะตาย ข้าจะเมตตาบอกความจริงว่าใครกันที่เป็นผู้สังหารหมู่นิกายเทียนเจี้ยน
คนๆนั้นมีชื่อว่า เย่เฉิน เขาคือฆาตกรผู้ทำลายนิกายเทียนเจี้ยนจนสิ้น เขามาจากหมู่บ้านเล็กๆที่ชื่อว่าชิงหยางก็จริง แต่ก็ได้รับโอกาสอันดีมาไม่น้อย
ครั้งนี้เพื่อฆ่าเจ้าแล้ว เขาถึงกับยื่นข้อเสนอบางอย่างที่ข้าไม่อาจปฏิเสธได้ให้ หวังว่าเจ้าจะไม่ตำหนิข้า
………”
หลังจากที่ชายชุดดำพูดจบ เขาก็สังหาร เนี่ยซิงชิง
ทุกคนมองไปยังทิศทางที่ชายสองคนกำลังจะจากไป ซึ่งควรจะเป็นประตูของนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์
“เย่เฉิน จากหมู่บ้านชิงหยาง” ผู้อาวุฟานหยุนมองดูเนื้อหาบนภาพและพูดคำเหล่านี้จนแทบกัดฟันแตก
กลิ่นอายระดับ 7 ของนางทะยานขึ้นฟ้า สั่นสะเทือนโลกโดยรอบ
“ผู้อาวุโสฟานหยุน โปรดสงบสติอารมณ์ก่อน” หลัวชางเหอกล่าวอย่างรวดเร็ว
“ไม่ใช่ธิดาสวรรค์ของนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าหนิที่ต้องตกตาย พวกเจ้าจึงทำใจไม่อาจรีบร้อนได้” ผู้อาวุโสฟานหยุนดูเกรี้ยวกราดและพูดอย่างดุร้าย“หัวหน้านิกายหลัว ในเมื่อเรื่องนี้เกิดขึ้นกับธิดาสวรรค์ของนิกายข้า เช่นนั้นข้าคงต้องจัดการโดยเร็วที่สุด
สำหรับเรื่องการประลองภายในของนิกายท่าน ข้าคงไม่อาจอยู่ชมแล้ว "
“ไม่เป็นไร เรื่องของธิดาสวรรค์นั้นสำคัญยิ่ง และข้าก็จะตรวจสอบเรื่องนี้ในนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์อย่างละเอียดแน่นอน ” หลัวชางเหอตอบอย่างใจเย็น
“ข้าหวังว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์ของท่านแล้วกัน” ผู้อาวุโสฟานหยุนกล่าวและจากไปพร้อมกับศิษย์คนอื่นๆของนิกายวิญญาณอมตะอย่างรวดเร็ว
…………
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังของผู้อาวุโสฟานหยุนที่จากไปด้วยความโกรธ หลัวชางเหอก็ยิ้มและพูดกับผู้อาวุโสเจ็ดเทียนเจิ้น: "พี่เทียนเจิ้น ท่านคงเข้าใจ ไม่ว่าใครก็คงไม่อยากให้สิ่งนี้เกิดขึ้น"
“ไม่มีปัญหา ท่านอย่าได้กังวลไป” ผู้อาวุโสเจ็ดส่ายหัวแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม
จากนั้นผู้อาวุโสเทียนเจิ้นก็พา เต๋าซุน และคนอื่น ๆ ไปยังสถานที่ที่จัดการประลองภายในของนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์
หลัวชางเหอแอบเรียกผู้อาวุโสบางคนของนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์มาและออกคำสั่ง: "นอกจากศิษย์สายในบางคนที่กำลังประลองกันแล้ว ทุกอย่างในนิกายวสันศักดิ์สิทธิ์มาจะต้องถูกตรวจสอบอย่างละเอียด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเจ้าพบเห็นศิษย์ที่ผิดสังเกต ให้เจ้าจับกุมเขามาก่อนแล้วจึงค่อยสอบปากคำ "
…………
“ศิษย์พี่ลู่ ระหว่างผู้นำนิกายหลัวกับผู้อาวุโสฟานหยุนเคยมีเรื่องกันมาก่อนงั้นรึ?” เต๋าซุน ถามอย่างสงสัยตลอดทาง
“ข้าเองก็เคยได้ยินเรื่องนี้เหมือนกัน ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังระหว่างทางกลับแล้วกัน ” ลู่อังพูดกระซิบเบาๆ
สำหรับอีกด้านหนึ่ง ผู้อาวุโสฟานหยุนก็ได้ขี่สัตว์อสูรนกขาวกลับไปที่นิกายวิญญาณอมตะด้วยความเร็วสูงสุด นางต้องการตรวจสอบว่าคนที่ชื่อ เย่เฉิน จากหมู่บ้านชิงหยางนั้นเป็นใครมาจากไหน
…………
ในเวลานี้ ที่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ คังไป่หลี่ก็อยู่ไม่สุขตั้งแต่กลับมาจากยอดเขาเดียวดาย
นางไม่รู้ว่าเต๋าซุนรู้เกี่ยวกับเย่เฉินได้อย่างไร แต่การปล่อยให้เย่เฉินอยู่ในหมู่บ้านชิงหยาง ไม่ช้าก็เร็วเขาต้องตกอยู่ในอันตรายอย่างแน่นอน
และ เต๋าซุนก็ยังสามารถใช้เรื่องนี้มาข่มขู่นางได้ตลอด
นางที่คิดได้จึงเรียกให้ซูเชียนซูมาหา และบอกให้สาวใช้คนนี้ไปที่หมู่บ้านชิงหยางเพื่อพาเย่เฉินออกมา จากหมู่บ้านและหาสถานที่ปลอดภัยให้เขาอยู่เพื่อความสบายใจของนาง…..ถึงแม้ว่าสุดท้ายแล้วหากเต๋าซุนคิดจะฆ่าเย่เฉินจริงๆ นางจะไม่อาจหยุดเขาได้ก็ตาม