ตอนที่ 60
ตอนที่ 60
กลิ่นหอมของซาลาเปาร้อนๆลอยไปในอากาศ คนหนุ่มสาวที่มาลงทะเบียนที่นิกายเทียนฮูต่างก็ตื่นแต่เช้า พวกเขาแต่งตัวเรียบร้อย สะพายดาบ ห้อยกระบี่ ถือมีดยาว
พวกเขาเตรียมพร้อมสำหรับการทดสอบที่จะเปลี่ยนแปลงชะตาชีวิตของพวกเขา
เข้านิกายเทียนฮูได้ ชื่อเสียงก็จะตามมา
ตอนนี้ หลังจากที่พวกเต๋าซุนจัดแจงตัวเองเสร็จ พวกเขาก็เดินตรงไปยังนิกายเทียนฮู
เมืองชิงเฟิงดูมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่งในเวลานี้ ยิ่งใกล้กับนิกายเพียงใด ผู้คนก็ยิ่งหนาแน่นเป็นเท่าตัว
แม้ว่านิกายเทียนฮูจะเป็นหนึ่งในสาขาของนิกายเทียนเต๋า แต่มันก็หาได้มีแห่งเดียวไม่ เท่าที่เขารู้ นิกายเทียนฮูนั้นมีอยู่ไม่ต่ำกว่าสิบแห่ง ที่แดนตะวันตกไกลแห่งนี้นับเป็นเพียงหนึ่งในนั้น
และจำนวนนิกายต่างๆที่อยู่ในทวีปตะวันออกทั้งหมดก็มีเกินกว่าร้อยแห่ง
ทว่าสิ่งที่ทำให้นิกายเทียนฮูน่ากลัวกว่านิกายอื่นก็คือ พวกเขาสอนศิษย์ทุกคนอย่างไม่แบ่งแยก ไม่ว่าคนๆนั้นจะมีตัวตนหรือภูมิหลังมาจากที่ใด ตราบใดที่เจ้าผ่านการทดสอบของนิกายได้ พวกเขาก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อสอนสั่งเจ้า
ลองคิดดูว่าพวกเขายอดเยี่ยมเพียงใด แม้ว่านิกายเทียนฮูจะอยู่มาเนิ่นนานแล้วตั้งแต่ก่อนสมัยยุคจักรพรรดิแล้ว แต่ปัจจุบันก็ยังเต็มไปด้วยผู้คนมากมายที่อยากเข้าร่วมอยู่ และที่แห่งนี้ก็ยังคงกำเนิดผู้แข็งแกร่งนับไม่ถ้วนอย่างต่อเนื่องเสมอมา
และเมื่อใดก็ตามที่นิกายเทียนฮูประสบปัญหา พวกเขาก็จะได้รับการช่วยเหลือจากเหล่าอดีตศิษย์ที่เคยอยู่ในนิกาย และนี่ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้นิกายเทียนฮูทรงอำนาจเสมอมา
หลายคนถึงกับเชื่อว่ารากฐานของนิกายเทียนฮูนั้นแข็งแกร่งกว่านิกายจักรพรรดิหลายๆแห่งเสียอีก
…………
“พี่เฉิง เราคงต้องแยกกันตรงนี้แล้ว ไว้มีโอกาสเราคงได้พบกันใหม่”
“น้องฟ่าน ข้าขอให้เจ้าประสบความสำเร็จในการทดสอบของนิกาย ”
ท่ามกลางฝูงชนที่มีชีวิตชีวา ชายหนุ่มผู้มีพรสวรรค์ที่รู้จักกันต่างก็เริ่มพูดคุยร่ำลา
ด้านหน้าทางเข้าหลักของนิกาย มีรูปปั้นหินที่ถูกแกะสลักเป็นรูปเสือขาวตั้งอยู่ พวกมันดูเหมือนของจริงเป็นอย่างยิ่ง
แม้ว่าพวกมันจะไร้ซึ่งชีวิต แต่กลิ่นอายที่พวกมันส่งออกมานั้นไม่ต่างอะไรจากราชาอสูรแม้แต่น้อย นี่ทำให้พวกมันดูเหมือนมีชีวิตอยู่จริงต่างจากรูปลักษณ์
ตรงหน้านิกาย เหล่าผู้เยาว์ที่ต้องการเป็นศิษย์ของนิกายต่างก็กำลังยืนเรียงแถวกันอย่างเรียบร้อย จากนั้นพวกเขาก็เดินเข้าไปในนิกายอย่างเป็นระเบียบ
เต๋าซุนกับพวกเองก็เดินตามกลุ่มคนเหล่านี้เข้าไปในนิกายเทียนฮูด้วยเช่นกัน
ผู้เยาว์ทุกคนต่างก็เข้ามายืนเรียงกันในพื้นที่เปิดโล่งกว้างขวางแห่งหนึ่ง
พ่อแม่พี่น้องที่มากับเหล่าชายหนุ่มหญิงสาวเหล่านี้ต่างก็อยู่สองข้างทางของลานโล่ง และส่งเสียงให้กำลังออกมาเสียงดัง
การทดสอบเข้าร่วมนิกายเทียนฮูนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการฝึกฝน พวกเขาเพียงทดสอบสองสิ่งเท่านั้น หนึ่งคือพรสวรรค์ และสองก็คือหัวใจแห่งเต๋า
การคัดเลือกศิษย์เช่นนี้เป็นเพราะเหล่าผู้เยาว์ที่มาสมัครนั้นมาจากภูมิหลังครอบครัวที่แตกต่างกัน ดังนั้นทรัพยากรที่พวกเขามีมาตั้งแต่เกิดจึงต่างกันออกไป ดังนั้นการตัดสินด้วยความแข็งแกร่งของผู้เยาว์เหล่านี้ย่อมไม่อาจวัดศักยภาพส่วนตัวของพวกเขาได้
วิธีการเช่น ประลองและสู้กันเพื่อตามหาผู้ที่แข็งแกร่งกว่านั้นคือการทดสอบที่ไร้ค่าที่สุดเลยก็ว่าได้
…………
ผู้เยาว์ทั้งหลายยืนอยู่ในลานโล่ง หากมองจากระยะไกลจะรู้ว่าตำแหน่งที่พวกเขายืนอยู่นั้นคือลานภายในของนิกายเทียนฮู
ที่นี่ล้อมรอบไปด้วยยอดเขาสูงหลายร้อยฟุตและมีหมอกขาวปกคลุมอยู่ทั่ว
ศิษย์ของนิกายเทียนฮูต่างก็ขี่สัตว์อสูรลอยอยู่เหนือลาน
นิกายแห่งนี้มีสถาปัตยกรรมที่งดงามตระการตา สถานศึกษาถูกแบ่งแยกเป็นอย่างดีตามสัดส่วน ประกอบกับมีหอคอยสูงร้อยชั้นตั้งเป็นจุดเด่น และมียอดเขารูปดาบดูน่าเกรงขาม
ชายหนุ่มหญิงสาวทุกคนต่างก็มองไกลออกไปสำรวจสถานที่แห่งนี้อย่างตกตะลึง และตระหนักว่า หากพวกเขาผ่านการทดสอบ สถานที่นี้ย่อมกลายเป็นสถานที่ฝึกฝนของพวกเขาในอนาคต
…………
“พี่ใหญ่ พวกเรามาทำอะไรกันที่นี่รึ ?” เสี่ยวกุ้ยจื่อถามด้วยความสับสน
สำหรับเสี่ยวกุ้ยจื่อที่อาศัยอยู่ในนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ตั้งแต่เกิดแล้ว นิกายเทียนฮูแห่งนี้นับได้ว่าธรรมดาอย่างยิ่ง
นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์นั้นเป็นขุมพลังที่เทียบได้กับนิกายเทียนเต๋าอันเป็นนิกายหลักของสถานที่แห่งนี้ด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เขาจะดูถูกสถานที่แห่งนี้
“ข้ามาที่นี่เพื่อตามหาของบางอย่าง ” เต๋าซุนก็ตอบพร้อมรอยยิ้ม
แต่ขณะที่พวกเขากำลังพูดคุยกันนี้เอง ชายหนุ่มชุดคลุมขาวที่มีท่าทางน่าเกรงขามก็เดินเข้ามาพวกเต๋าซุน
เขามองไปที่ทุกคนและถามด้วยรอยยิ้ม: "พวกเจ้ามาที่นี่เพื่อสมัครเข้านิกายเทียนฮูใช่หรือไม่ ?"
“ใช่แล้ว มีอะไรไหม?”เสี่ยวกุ้ยจื่อถามพร้อมกับขมวดคิ้ว
“ข้าขอแนะนำตัวเองก่อน ข้าชื่อ หลิวเย่ และมาที่นี่ด้วยจุดประสงค์เดียวกัน ” ชายหนุ่มแสดงรอยยิ้มอย่างมั่นใจและพูดว่า “พวกเจ้าอาจจะเพิ่งเคยมานิกายเทียนฮูเป็นครั้งแรก ดังนั้นอาจจะยังไม่เข้าใจบางอย่างเกี่ยวกับสถานการณ์ในนิกายเทียนฮู ดังนั้นข้าจะอธิบายให้ฟังสั้น ๆ
ศิษย์ใหม่อย่างเราย่อมถูกศิษย์เก่ารังแกอย่างแน่นอนเมื่อเข้าสู่นิกาย ดังนั้นศิษย์ใหม่ทุกคนจึงมักจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่ม
ในฐานะที่พวกเราเป็นศิษย์ใหม่เหมือนกันแล้ว ข้าว่าเราควรสามัคคีและร่วมมือกันดีกว่า
บังเอิญว่าข้ามีลูกพี่ลูกน้องคนหนึ่งที่เพิ่งเข้าไปเป็นศิษย์ของนิกายเทียนฮูได้ปีก่อนๆ และเขาก็มีชื่อเสียงไม่น้อยในนิกาย กองกำลังที่เขาก่อตั้งขึ้นมานั้นมีชื่อว่า ประตูฝนโปรย
พูดง่ายๆ ก็คือพวกเราเป็นกลุ่มเล็กๆที่รวบรวมพี่น้องศิษย์ใหม่มาไว้ด้วยกัน ตราบใดที่พวกเจ้ายินยอมจ่ายผลึกวิญญาณ 20 ก้อนทุกเดือน พวกเจ้าก็สามารถเข้าร่วมประตูฝนโปรยของเราเพื่อหลีกเลี่ยงการกดขี่จากศิษย์เก่าได้ "
เมื่อเห็นชายหนุ่มผู้นี้อธิบายด้วยความภาคภูมิ เต๋าซุนกับพวกเขาก็รู้สึกขบขันเล็กน้อย
ปรากฏว่าชายคนนี้ต้องการปล้นผลึกวิญญาณจากพวกเขา!
“ลืมไปเถอะ พวกเราไม่สนใจ และพวกเราเองก็ยังไม่รู้เลยว่าจะผ่านการทดสอบของนิกายเทียนฮูหรือไม่ ” เสี่ยวกุ้ยจื่อส่ายหัวและปฏิเสธ
“ข้าดูจากลักษณะกระดูกของพวกเจ้าแล้ว พวกเจ้าน่าทึ่งเป็นอย่างยิ่ง พวกเจ้าย่อมผ่านการทดสอบของนิกายได้อย่างไม่มีปัญหาแน่นอน ” ชายหนุ่มพูดอย่างมั่นใจ “มีแค่ตอนนี้เท่านั้นที่พวกเจ้าจะเข้าร่วมกับประตูฝนโปรยของพวกเราได้ด้วยผลึกวิญญาณ 20 ก้อน
หากพลาดโอกาสนี้ไป ภายหลังเกรงว่าค่าใช้จ่ายคงเพิ่มขึ้นเล็กน้อยหากพวกเจ้าต้องการเข้าร่วมกลุ่ม "
“ข้าบอกแล้วไงว่าพวกเราไม่สนใจ และข้าก็ไม่อยากจะพูดอีกเป็นครั้งที่สอง ”เสี่ยวกุ้ยจื่อพูดเบา ๆ
“หึ จดจำการกระทำของเจ้าไว้ให้ดี หลังจากเข้าร่วมกับนิกายแล้ว เจ้าได้เจอข้าแน่” ชายหนุ่มสีหน้าก็กลายเป็นน่าเกลียดทันที และเขาก็ตะคอกอย่างเย็นชา “ช่างไม่รู้ผิดชอบชั่วดี”
แต่ในขณะที่ชายหนุ่มผู้นี้ข่มขู่พวกเขาเสร็จและกำลังจะหันหลังจากไปหลอกลวงผู้อื่นต่อนี้เอง เสี่ยวกุ้ยจื่อก็เตะตัดขาชายคนนั้นและลากเขากลับมา
จากนั้นเขากับเจ้าปลาน้อยก็ยืนล้อมชายหนุ่มไว้ และเริ่มบรรเลงฝ่าเท้าอย่างต่อเนื่อง
“พวกเจ้ากล้าทำข้ารึ”
"ปั๊ก ! ปัํก ! !"
“อยากมีเรื่องนักใช่ไหม รอก่อน ข้าจะไปตาม….”
"ตุบ ! ตุบ !"
“คอยดูเหอะ ลูกพี่ลูกน้องที่เป็นศิษย์ชั้นปีที่ 2 ของข้า ไม่ปล่อยพวกเจ้าไปแน่”
“ตุบ ! ตั้บ !!”
…………
“สหาย ข้าสำนึกผิดแล้ว… หยุดตีข้าเถอะ ”
“ตุบ ! ตั้บ !! ตุบ ! ตั้บ !!”
“พะ…พวกเจ้าช่วยฟัง…..”
"ตุบ ! ตั้บ !! ตุบ ! ตั้บ !!"
“ท่านบิดาทั้งสอง ได้โปรดไว้ชีวิตข้าเถอะ… ”
"หยุด!"
เต๋าซุนก็ก้าวเข้ามาและหยุดพวกเสี่ยวกุ้ยจื่อไว้ จากนั้นเขาก็มองไปยังชายหนุ่มด้วยความสนใจและถามว่า "ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าเป็นศิษย์ชั้นปีที่ 2 รึ ?"
ตอนนี้ เสื้อคลุมขาวของชายหนุ่มที่แต่เดิมขาวสะอาดก็เต็มไปด้วยรอยเท้าอย่างสมบูรณ์ และบนในหน้าของเขาเองก็มีรูปรอยเท้าที่ปรากฏอยู่อย่างผิดปกติเช่นเดียวกัน
เขารีบพยักหน้าตอบอย่างรวดเร็วเหมือนกับไก่จิกข้าว
"พวกเจ้าทำเช่นนี้ได้อย่างไร? หากจะตีสุนัขตัวไหนก็ต้องดูที่เจ้าของพวกมัน " เต๋าซุนก็หันไปบอกกับเสี่ยวกุ้ยจื่อและพูดอย่างจริงจัง "เช่นนั้นก็ไปจัดการหัวหน้าสุนัขตัวนี้กันเถอะ "
“พาข้าไปพบลูกพี่ลูกน้องของเจ้า” เต๋าซุนมองไปที่ชายหนุ่มแล้วพูด
…………
ถ้าพูดให้ถูก ลานโล่งที่เหล่าผู้เยาว์มากมายกำลังยืนอยู่นั้นเป็นเพียงสถานที่ที่นิกายเทียนฮูใช้ทดสอบศิษย์ใหม่เท่านั้น
มันไม่อาจถือว่าเป็นภายในนิกายได้
แต่สิ่งที่เต๋าซุนต้องการนั้นก็อยู่ภายในนิกาย
เขาขี้เกียจเกินกว่าจะรอผ่านการทดสอบเหล่านี้เพื่อเข้าไปในนิกายเต็มแก่แล้ว ดังนั้นถ้ามีศิษย์คุ้นเคยสักคนนำทางให้ก็ย่อมดีกว่า
ลูกพี่ลูกน้องของชายหนุ่มคนนี้มีชื่อ เฉิงเฟิง ที่ลานโลงตอนนี้ นอกจากเหล่าผู้เยาว์ที่มาสมัครเข้านิกายแล้ว ก็ยังมีศิษย์เก่าบางคนที่อยู่ที่นี่เพื่อเฝ้าดูบางอย่างด้วยความตื่นเต้นเช่นกัน
พวกเขากำลังเฝ้าดูเหล่าลูกพี่น้องของตัวล่อลวงผู้คนให้เข้าร่วมกลุ่มที่พวกเขาสร้างขึ้นมา และเด็กใหม่เหล่านี้ก็นับว่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด