ตอนที่ 282 ตาสามเผยตัว(อ่านฟรี)
ตอนที่ 282 ตาสามเผยตัว
ศพของพวกนั้นสลายเป็นฝุ่นสีดำ สายตาของเหนือมนุษย์ชุดเกราะราชันมังกรมองตามฝุ่นพวกนั้นก็จะไปตกที่ร่างของลุค
‘เจ้านี่อันตราย’ เหนือมนุษย์ชุดเกราะราชันมังกรกล่าวในใจตัวเองตามสัญชาตญาณทันที แต่ก่อนจะได้เคลื่อนไหวอยู่ ๆ ตอนนั้นเองลุคก็หายไปปรากฏอยู่ตรงหน้า
“เดี๋ยว!”
เหนือมนุษย์ชุดเกราะราชันมังกรต้องการพูดบางอย่าง แต่ก็สายไปแล้ว
ปุ!
ร่างกายส่วนบนตั้งแต่หน้าท้องขึ้นไปถูกลุคต่อยจนระเบิดในหมัดเดียว เมื่อไม่มีพลังงานในระดับ A สนับสนุนก็เป็นแค่เหนือมนุษย์ในระดับ B
ร่างของเหนือมนุษย์ราชันมังกรสลายเป็นฝุ่นเข้าไปในตัวเขา
ลุคไม่ได้ตรวจสอบสิ่งที่ได้รับมา แต่เขามองไปที่ราชาโกเลมแทน
“พวกนั้นอยู่ที่ไหน”
ลุคกระทืบไปที่ขาของราชาโกเลมจนมันแหลกเละ
“อ้า!” ราชาโกเลมกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
ราชาโกเลมในตอนนี้ไร้ซึ่งความสามารถในการต่อสู้กับลุคแล้ว ถึงเขาจะไม่ตายจากการโจมตีของเหนือมนุษย์ชุดเกราะราชันมังกร แต่ก็ยังบาดเจ็บสาหัส
“แกกำลังเข้าใจผิดที่จริงเราอยู่ฝ่ายเดียวกัน” ราชาโกเลมพยายามพูดกับลุค
“แซมสันโกหกบางอย่างกับฉันมาก่อน ทำไมฉันต้องเชื่อคำพูดของแกด้วย อีกอย่างฉันไม่สนใจ บอกมาแซมสันพาเจนไปที่ไหน”
ราชาโกเลมไม่ตอบแต่สายตาของเขาเหลือบมองไปที่คุกมืด
“ที่นั่นสินะ” ลุคเหมือนจะเข้าใจบางอย่าง
เขากำลังจะฆ่าราชาโกเลม อีกฝ่ายลงมือต่อเขาหลายครั้ง ซึ่งลุคก็ไม่ได้ใจดีจนถึงขนาดปล่อยศัตรูไป
“เดี๋ยวก่อน ฉันสามารถบอกแกได้ว่าแกเป็นใครและทุกอย่างที่แกอยากรู้ ถ้าแกปล่อยฉันไป ที่จริงแล้วแกไม่ใช่มนุษย์” ราชาโกเลมกล่าวออกมาทำให้ลุคหยุดชะงักในทันที
“หมายความว่ายังไง หืมแกกล้า!” ลุคยังไม่ทันได้คำตอบก็ต้องโจมตีใส่ราชาโกเลมในทันที เพราะว่าอีกฝ่ายนั้นกลับทำบางอย่างลงไป
“ตายไปด้วยกันเนี่ยแหละ” ราชาโกเลมตะโกนออกมา
ตูม!
ราชาโกเลมโดนลุคโจมตีเข้าจนร่างระเบิดเป็นชิ้น ๆ แต่ว่าก็สายไปแล้ว เพราะราชาโกเลมได้ทำบางอย่างลงไป พื้นดินรอบ ๆ เริ่มสั่นสะเทือนราวกับเป็นสัญญาณของการพังทลาย
แม้จะไม่เกิดขึ้นทันที แต่เขาสังหรณ์ใจว่าอีกไม่นานทุกสิ่งที่นี่จะหายไปตลอดกาล
“ต้องรีบไปช่วยเจน” ลุครู้ว่าเหลือเวลาไม่มากแล้ว
ขณะที่ลุคกำลังจะเคลื่อนไหวตอนนั้นเองคุกมืดที่อยู่ด้านหน้าอยู่ ๆ ก็ระเบิดจากการปะทะกันของสองพลังที่มหาศาล ส่งให้แม้แต่ตัวของลุคยังต้องกระเด็นถอยหลังไปหลายร้อยเมตร
ลุคยกมือขึ้นมากันใบหน้าไว้และก็ต้องตกตะลึงที่เห็นว่าคนที่สู้กันอยู่นั้นคือเจน แต่อีกคนเขาไม่รู้จัก เพียงแต่พลังที่สัมผัสได้นั้นแปลกประหลาดมาก
แต่เขาจะสนใจทำไม ในเมื่อเขาพบเจนแล้ว แถมเจนกำลังโดนชายที่ร่างผอมแห้งเหมือนมัมมี่ทำร้ายอยู่ด้วย
“เจน!”
...
เอเชอร์บีบคอของเจนไว้แน่น ขณะที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศ พลังของเขารุนแรงและน่ากลัวมาก มันไม่ใช่ระดับที่เหนือมนุษย์ระดับ A อย่างองค์หญิงเทพอสูรจะสู้ได้
“ถ้าฉันฟื้นพลังกลับมาได้อย่างเต็มที่ละก็...” องค์หญิงเทพอสูรดิ้นรนไปมาเพื่อหวังให้หลุดออกจากเงื้อมมือของเอเชอร์ แต่มันกลับไม่เป็นผล มือของเอเชอร์ล็อกแน่นและยังบีบแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ กระดูกคอของเธอกำลังถูกบดขยี้คามือของเอเชอร์
“ใครก็ได้...ช่วยด้วย” องค์หญิงเทพอสูรกล่าวด้วยสติเลื่อนลอยและอยู่ ๆ ใบหน้าของลุคก็ปรากฏขึ้นมา
แม้เธอจะเข้ามาควบคุมร่างนี้ แต่ตัวตนของเจนก็ยังอยู่
เมื่อทั้งองค์หญิงเทพอสูรและเจนใช้ร่างเดียวกัน ถ้าองค์หญิงเทพอสูรตาย เธอก็จะตายเช่นกัน ความตายที่กำลังเข้ามาหาทั้งสองสามารถรับรู้มันได้ในแบบเดียวกัน จนสุดท้ายแม้แต่องค์หญิงเทพอสูรก็ยังรับรู้ถึงสิ่งที่เจนต้องการได้
ทั้งเจนและลุค ตั้งแต่ที่พ่อแม่เสียไปพวกเขาทั้งสองก็มีแค่กันและกันเสมอ ลุคจึงเปรียบเสมือนกับแผ่นหลังที่กว้างใหญ่ของเจน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรลุคก็จะปกป้องเจนเสมอมา
“พี่ช่วยหนูด้วย” เสียงที่อ่อนล้าด้วยลมหายใจเฮือกสุดท้ายดังขึ้นมา
ขณะที่เอเชอร์มีสีหน้านิ่งมองดูองค์หญิงเทพอสูรที่กำลังจะตายด้วยน้ำมือของเขาอีกครั้ง แต่คำพูดเมื่อครูกลับทำให้เอเชอร์ถึงกับหรี่ตาลงเล็กน้อย
“ปล่อยมือนั้นซะ!!!”
ตอนนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นมาจากข้างล่างพุ่งเข้ามาหาเอเชอร์พร้อมกับต่อยเข้าไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย
ปัง!
เสียงการทำลายล้างจากหมัดของลุคมาพร้อมกับคลื่นพลังที่กวาดซัดทุกอย่าง แต่เมื่อทุกอย่างหายไปก็เผยให้เห็นมือที่รับหมัดของลุคเอาไว้ได้
เอเชอร์รับมัดของลุคได้อย่างง่ายดาย
เอเชอร์กำลังจะโจมตีกลับไป แต่ก็ต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าคนที่ตัวเองมองอยู่นั้นกลับมีใบหน้าที่คุ้นเคย
“ใบหน้านั้น! ทำไมแกถึงมีมันได้”
ลุคไม่รู้ว่าอีกฝ่ายพูดเรื่องอะไร และเขาก็ไม่สนด้วย
“ปล่อยเจนซะ”
ปัง! ปัง! ปัง!
ลุคต่อยเข้าไปในที่หน้าของเอเชอร์หลายครั้ง แต่อีกฝ่ายกลับไม่รู้สึกอะไรเลย แถมยังเหวี่ยงลุคอย่างรุนแรงจากมือที่จับอยู่ ก่อนจะฟาดเขาลงไปกับพื้นด้านล่าง จนทำลายพื้นที่ดินแดนใต้พิภพแห่งนี้ไปส่วนหนึ่ง
เอเชอร์ยังไม่ทันได้ตามไปหาลุค ตอนนั้นเององค์หญิงเทพอสูรที่ได้ลุคช่วยดึงความสนใจไว้ก็ฉวยโอกาสลงมือกับเอเชอร์ เธอสัมผัสไปที่ท้องของเอเชอร์ จากนั้นก็บิดมือเบา ๆ
พริบตานั้นก็เกิดวงจรจำนวนมากขึ้นที่ท้องของเอเชอร์ ถ้ามองให้ดี ๆ นี่คือลวดลายของมิติขังเทพ
“แก!” เอเชอร์กล่าวออกมาได้เพียงคำเดี๋ยวก็มีเสียงระเบิดขึ้นดังตูม!ภายในร่างของเอเชอร์ ส่งผลให้เอเชอร์บาดเจ็บสาหัสในทันที
ถ้าไม่ใช่เพราะในร่างของเอเชอร์แทบไม่มีเลือดเนื้อหลงเหลืออยู่ เลือดคงทะลักออกมาจากร่างของเอเชอร์ท่วมพื้นที่นี้ไปแล้ว
เอเชอร์ตกลงมาจากฟ้ากระแทกลงไปที่พื้น
ส่วนองค์หญิงเทพอสูรเองก็ตกลงกระแทกพื้นเสียงดัง อัก!
เธอเผยสีหน้าเจ็บปวด แต่ไม่มีเวลามาคิดมาก องค์หญิงเทพอสูรพยายามพยุงตัวเองให้ลุคขึ้นยืนให้ได้ แต่แล้วเธอก็พบว่าค่อย ๆ สูญเสียการควบคุมร่างกายไป
‘บ้าจริงมาเป็นอะไรตอนนี้’
“เจ้าอสูรชั่ว เจ้ากล้าวางกับดักข้า” เอเชอร์ที่สภาพร่อแร่ยืนขึ้นมาและกล่าวด้วยสีหน้าที่โกรธแค้น
เอเชอร์เข้าใจได้ในทันทีว่ามิติขังเทพไม่ได้ถูกทำลายจริง ๆ แต่ถูกเปลี่ยนให้เป็นเหมือนกับระเบิดที่สามารถทำลายล้างจากภายในได้ และตอนนี้เอเชอร์กำลังจะตาย
“นายท่าน”
ตอนนั้นเองอยู่ ๆ ก็มีกลุ่มชายลึกลับปรากฏตัวขึ้นมา พร้อมกันนั้นยังมีแซมสันที่สภาพเต็มไปด้วยเลือดอยู่ด้วย กลุ่มชายพวกนั้นเดินเข้าไปหาเอเชอร์
คนที่เหลือนี้ทั้งหมดไม่ใช่ใครที่ไหน แต่เป็นเจ้าของบัลลังก์ที่เหลืออีก 6 คน ซึ่งรวมแซมสันแล้วก็นับเป็น 7 คน ทั้ง 7 คนผู้นำของกองทัพเทพอนันต์
แต่ละคนคือคนที่มีพลังในระดับ B ยกเว้นแซมสันที่มีพลังในระดับ Aแต่นั่นไม่ใช่สิ่งสำคัญ สิ่งที่สำคัญจริง ๆ คือตัวตนของพวกเขา
ตูม!
ตอนนั้นเองลุคที่โดนเหวี่ยงไปติดกับกำแพงก็ดีดตัวพุ่งเข้ามายังตำแหน่งที่ทุกคนอยู่ ก่อนจะหยุดอยู่ข้าง ๆ เจน
“พี่!” เจนที่พึ่งกลับมาควบคุมร่างกายได้รีบเข้าไปกอดลุค
“เจน ไม่เป็นอะไรนะ!” ลุคดีใจมากที่พบว่าเจนกลับมาควบคุมร่างกายได้แล้ว
“พี่ตอนที่หนูองค์หญิงเทพอสูรควบคุมร่างอยู่หนูก็จำในช่วงเวลานั้นได้ด้วย ชายที่เหมือนมันมี่คนนั้นเขาชื่อ เอเชอร์ เขาแข็งแกร่งมากพี่ แม้แต่ระดับ A ก็ยังสู้ไม่ได้ องค์หญิงเทพอสูรคิดว่าเขาคือคนที่เหนือกว่าระดับ A แถมเขายังมีความแค้นกับองค์หญิงเทพอสูรเมื่อนานมาแล้ว หนูไม่รู้มันหมายความว่ายังไง แต่พี่เราต้องหนีไปจากที่นี่” เจนรีบกล่าวเตือนลุค แต่ตอนนั้นเองเธอก็กระอักเลือดและเซจนเกือบจะล้ม
ลุครีบเข้ามาพยุงตัวของเจนก็พบว่าเธอนั้นบอบช้ำมาก เพราะร่างกายที่องค์หญิงเทพอสูรใช้ต่อสู้ก็คือร่างเดียวกับจน ต่อให้องค์หญิงเทพอสูรจะไม่ควบคุมแล้ว แต่อาการบาดเจ็บก็ยังอยู่
“พี่เราต้องรีบไป”
‘เอเชอร์หรือว่าจะเป็นเหนือมนุษย์คนแรกของโลก!?’ ลุคเองก็ไม่อยากจะเชื่อเหมือนกัน มันก็ผ่านมาตั้งนานแล้วอย่างน้อย ๆ ก็หลายทศวรรษ แล้วทำไมชายคนนี้ถึงมาอยู่ที่นี่และเป็นศัตรูกับองค์หญิงเทพอสูรด้วย
“คุณคือ เอเชอร์ เหนือมนุษย์คนแรก แต่เราไม่เรื่องบาดหมางกัน คุณปล่อยผมกับน้องสาวไปได้ไหม” ลุคพยุงเจนไว้และพูดกับอีกฝ่ายตรง ๆ
เขารู้พลังของตัวเองดี แม้ว่าจะกลายเป็นระดับ A แล้ว แต่เขาพึ่งจะทะลวงระดับเท่านั้น ถึงจะอาศัยความได้เปรียบตอนทะลวงระดับเพื่อก้าวข้ามความแข็งแกร่งของระดับ A คนอื่น ๆ ที่อยู่มานานกว่า
แต่กลับไม่ได้สร้างความมั่นใจให้กับเขาเลยถ้าต้องต่อสู้กับตัวตนที่เหนือกว่าระดับ A เพราะเขายังไม่เข้าใจสิ่งที่เรียกว่าเหนือกว่าระดับ A ด้วยซ้ำว่ามันคืออะไร มีพลังมากแค่ไหน
มันก็เหมือนกับมนุษย์ที่ไม่เข้าใจว่าเทพพระเจ้าคืออะไร ได้แต่คาดเดากว่าแข็งแกร่งกว่าตัวเอง แต่มันจะมีแค่นั้นจริง ๆ เหรอ
เอเชอร์ไม่ได้รีบลงมือโจมตีลุค แต่กลับมองเขาอย่างตั้งใจ ก่อนจะถามแซมสัน
“เจ้ารู้เรื่องนี้ไหม?”
แซมสันหวาดกลัวทันที รีบคุกเขาก้มหัวลงและกล่าวเสี่ยงสั่นเครือ
“รู้ พวกเรารู้ นายท่านไม่ใช่ว่าเราอยากจะทำ แต่มันไม่มีทางเลือก อันที่จริงแล้วสิ่งนี้ถูกเริ่มมาโดยสหพันธรัฐ พวกเขาคิดว่าทั้งท่านและองค์หญิงเทพอสูรคือตัวตนที่แข็งแกร่งมาก ถ้าสามารถสร้างท่านและเธอขึ้นมา จากนั้นควบคุมได้ก็จะสามารถมีแต้มต่อมากขึ้นในสงครามที่กำลังเข้ามา ที่ผ่านแอบขโมยพวกเขามา แต่ก็สูญเสียในภายหลัง ข้าพยายามตามหาพวกเขาและควบคุมมาโดยตลอด แต่ก็ไม่ทันการแล้ว”
“พอ” เอเชอร์สั่งให้แซมสันหยุดพูดในทันที ก่อนจะหันไปถามลุค
“เจ้าชื่ออะไร”
ลุคขมวดคิ้วกับเรื่องที่แซมสันพูด เขาเริ่มสังหรณ์ใจแปลก ๆ โดยเฉพาะความรู้สึกเชื่อมโยงที่มีอยู่ มันราวกับว่าทั้งเขาและเอเชอร์มีสายสัมพันธ์ที่เชื่อมต่อกันอยู่ แต่ตอนนั้นลุคไม่ได้เป็นคนตอบไป กลับเป็นคนที่พุ่งปรากฏตัวขึ้นมาจากทางด้านหลังของลุค
“เขาคือ ลุค ซันเดอร์”
“ตาสาม คุณมาที่นี่ได้ยังไง” ลุคหันไปมองด้วยความตกใจ
“ไว้จะอธิบายทีหลัง” ตาสามกล่าวกับลุค ก่อนจะเดินขึ้นไปอยู่ด้านหน้าและเผชิญหน้ากับเอเชอร์