ตอนที่แล้วตอนที่ 103 เคล็ดวิชาที่ฝึกไม่ได้ (อ่านฟรี 30/10/2567)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 105 ของล้ำค่าที่ไม่อาจประเมินค่าได้ อยากได้ก็ประมูลไปเลย! (อ่านฟรี 05/11/2567)

ตอนที่ 104 สิบร้ายการสุดท้าย ของล้ำค่าระดับจักรพรรดิ! (อ่านฟรี 02/11/2567)


“ต่อไปจะเป็นสิบรายการสุดท้าย ที่มีผู้ฝากนำมาประมูลเจ้าค่ะ รับรองเลยว่าทุกท่านจะต้องตกตะลึงอย่างแน่นอน!!”

หลังจากผ่านการประมูลมานับร้อยรายการ พิธีกรสาวก็กล่าวออกมาอย่างยิ่งใหญ่ มีผู้ฝึกตนของโรงประมูลนับสิบคนขนสิ่งของสิบอย่างที่ถูกคลุมไว้ด้วยผ้าสีแดงขึ้นมาบนเวที แต่ถึงจะถูกปกปิดเอาไว้ผู้เข้าร่วมงานประมูลทุกคนก็ยังสัมผัสได้ว่าของที่ถูกนำขึ้นมานั้นเป็นของวิเศษอย่างแท้จริง!

แค่กลิ่นอายที่ออกมาจากของเหล่านั้นก็ทำให้พวกเขาอดที่จะขนลุกไม่ได้แล้ว!!

“สินค้าทั้งหมดจะมีรายการดังต่อไปนี้”

“หญ้าโลหิต ระดับราชวงศ์”

“หินลาวา ระดับราชวงศ์”

“ต้นถั่วเหล็ก ระดับราชวงศ์”

“ศิลาเยือกแข็ง ระดับกึ่งจักรพรรดิ”

“คริสตัลเจ็ดสี ระดับกึ่งจักรพรรดิ”

“โสมเหมันต์ ระดับกึ่งจักรพรรดิ”

“ดินอัศจรรย์ ระดับจักรพรรดิ”

“หยาดพิรุณธรรมชาติ ระดับจักรพรรดิ”

“น้ำตาพญาเสือขาว ระดับไม่อาจระบุได้”

“ขนพญาเสือขาว ระดับไม่อาจระบุได้”

“นี่คือรายการทั้งหมด! โดยเราจะทำการเริ่มประมูลจากสินค้าระดับราชวงศ์ก่อน” สิ้นเสียงพิธีกรก็เกิดความแตกตื่นขึ้นในหมู่ผู้เข้าร่วมประมูลทันที

สินค้าระดับราชวงศ์อาจไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรมากนักก็จริงเพราะมีหลายรายการที่เป็นระดับราชวงศ์เช่นกัน แต่ในรายการที่ถูกนำมาประมูลภายหลังสุดนี้มันเป็นสินค้าที่หาได้ยากมาก แทบไม่มีปรากฏขึ้นมาเลย ไหนจะของระดับกึ่งจักรพรรดิอีก ตลอดการประมูลมีเพียงห้าชิ้นเท่านั้น

แต่ที่น่าตื่นตะลึงที่สุดก็คงเป็นสิ่งของระดับจักรพรรดิที่ไม่เคยปรากฎขึ้นมานานนับร้อยปีแล้ว การได้พบเห็นในงานประมูลครั้งนี้นับได้ว่าสร้างแรงกระเพื่อมได้อย่างมหาศาล

ส่วนน้ำตาและขนของพญาเสือขาวไม่ค่อยเป็นที่น่าสนใจเสียเท่าไหร่ เพราะพิธีกรสาวบอกว่าไม่อาจระบุระดับได้ ดังนั้นมันอาจเป็นเพียงวัสดุจากสัตว์ป่าธรรมดาก็เป็นได้

“สำนักของข้าจะต้องประมูลของระดับจักรพรรดิมาให้ได้!”

“ใครบอก! นิกายของข้าต่างหากที่จะต้องได้มันไป!”

“หลบไปให้หมด ใครแย่งของระดับจักรพรรดิไปจะต้องเป็นศัตรูกับข้า!”

ยังไม่ทันที่สงครามการประมูลจะเริ่มก็เกิดสงครามน้ำลายขึ้นเสียแล้ว ผู้ฝึกตนจากหลายสำนัก หลากนิกายพากันประกาศชื่อเสียงของตนอย่างเอิกเกริกไม่สนใจผู้ฝึกตนตัวเล็ก ๆ แม้แต่น้อย

“ตระกูลโจวขอประกาศว่าจะต้องได้หนึ่งในสิ่งของระดับจักรพรรดิมาให้ได้ ขอให้ทุกท่านหลบทางให้ด้วย!” โจวชือกล่าวออกมาด้วยความทะนงตน เขาคิดว่าเมื่อกล่าวออกมาเช่นนี้คงมีคนน้อยมากที่ยังกล้าแย่งชิงกับเขา

“แดนมายาของเราคงต้องขออภัยท่านโจวชือด้วยที่คงปล่อยผ่านไปไม่ได้ง่าย ๆ” ชิวเหม่ยซือ ผู้อาวุโสสามแห่งแดนมายาต้วนหลี่กล่าวขัดขึ้นมา

แม้ว่านางจะได้รับขนพญาเสือขาวมาแล้วแต่ก็ยังจนปัญญาว่าจะทำเช่นไรกับมันต่อ ดังนั้นถ้าประมูลของล้ำค่าระดับจักรพรรดิไปได้ก็คงจะดีต่อดินแดนมายาของนางไม่น้อย

และนางก็มีความมั่นใจบางส่วนว่าสิ่งของเหล่านี้ต้องมาจากเถ้าแก่เป็นแน่ เพราะรายการน้ำตารวมถึงขนพญาเสือขาวที่วัดระดับไม่ได้คงมีเพียงเถ้าแก่ที่จะนำออกมาได้

ครึ่งหลัง

“ฮึ่ม! เช่นนั้นก็คงต้องสู้กันด้วยกำลังทรัพย์แล้วสินะ” เฒ่าชราโจวชือได้แต่ส่งเสียงออกมาด้วยความไม่เต็มใจ ยังไงเขาก็ไม่กล้าเป็นตัวต้นเรื่องให้เกิดสงครามระหว่างทั้งสองกองกำลังหรอก

“อย่าลืมนับข้าเข้าไปด้วยล่ะ! ยังไงข้าก็ไม่สนใจพวกตระกูลที่ชอบรังแกคนอ่อนแอแบบพวกเจ้าหรอก!” เสียงของชายคนหนึ่งที่เต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวเองดังขึ้นมาขัดชายชรา ทำให้ชายชราตระกูลโจวอดที่จะอารมณ์เสียไม่ได้

ถ้าอีกฝ่ายเป็นแดนมายาต้วนหลี่ก็แล้วไปเถอะ แต่นี่อะไร ? ทำไมถึงมีใครจากไหนนักหนาก็ไม่รู้ที่ไม่เกรงใจตระกูลโจวเพิ่มขึ้นมามากขนาดนี้!

“เจ้ามันหมาบ้าเฟิงหู่! แต่แล้วยังไง ? ต่อให้เป็นอาจารย์ของเจ้าก็ไม่กล้าต่อกรกับตระกูลโจวของข้าอย่างซึ่งหน้าหรอก” โจวชือที่เห็นใบหน้าของอีกฝ่ายก็กล่าวออกมาด้วยอารมณ์เดือดดาล

“เฮอะ! แล้วยังไง สุดท้ายการประมูลก็วัดกันว่าใครร่ำรวยกว่ากันอยู่ดี” หมาบ้าเฟิงหู่ยักไหล่ให้กับอีกฝ่ายพลางตอบกลับไปอย่างไม่ได้มีความเกรงกลัวเลยสักนิด

แถมเขายังนั่งอยู่ในที่นั่งธรรมดาอีกด้วย ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่มองไม่ออกว่าเขาเป็นถึงลูกศิษย์ของจักรพรรดิหมาป่าสีเงิน

ถึงจะบอกไปก็มีเพียงน้อยคนเท่านั้นที่รู้จักอยู่ดี

“เจ้าแก่ ช่วยเงียบสักทีได้ไหมการที่เจ้ามัวแต่เห่าอยู่เช่นนี้มันทำให้งานล่าช้า” เสียงกวนอารมณ์อันคุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เป็นเย่ซีที่กล่าวมันออกมา

“เจ้า!!” โจวชือชี้นิ้วไปยังชายหนุ่มแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมาเพิ่มเติม เพราะในเวลานี้เขาโกรธจนลิ้นจุกปากไปหมด

“ก่อนที่จะเริ่มการประมูล ขอแจ้งให้ทุกท่านทราบก่อนว่าสินค้าทุกชิ้นทั้งสิบนี้ มาจากเจ้าของเดียวกัน” พิธีกรสาวที่เห็นว่าสถานการณ์เริ่มเบาลงแล้วเลยกล่าวออกมา

เกิดเสียงซุบซิบดังขึ้นอีกครา พวกเขาแทบไม่อยากจะเชื่อว่าของล้ำค่าเหล่านี้จะมีเจ้าของเดียวกัน หรือเจ้าของที่ว่าไปเจอแดนลับสักแห่ง? ปล้นสุสานของจักรพรรดิ? มรดกตกทอบจากตระกูลดึกดำบรรพ์? มีคำถามมากมายเกิดขึ้นในใจของทุกคน แต่สิ่งที่พวกเขาอยากจะรู้มากที่สุดก็คือผู้ใดกันแน่ที่เป็นเจ้าของรายการประมูลทั้งสิบนี้

แต่ก็คงจะยากที่จะได้รับรู้ เพราะแทบทั้งหมดของผู้ที่นำของมาฝากประมูลล้วนปิดบังชื่อเสียงเรียงนามกันหมด เพราะกลัวการถูกปล้นชิงนั่นเอง

การปล้นซึ่งหน้าอาจทำไม่ได้ แต่ถ้าจ้างพวกสำนักมืดล่ะ ? แอบปล้นฆ่าในที่ลับตาล่ะ ? ก็ไม่มีผู้ใดที่จะการันตีได้ว่าสิ่งเหล่านั้นจะไม่เกิดขึ้น จริงไหม ?

“ซึ่งก็คือร้านเซียนรับจ้างนั่นเอง!!” หลังสิ้นเสียงของพิธีกรสาวก็ไม่ได้เกิดความตกตะลึง หรือตื่นเต้นอะไรมากมายนัก เพราะพวกเขาล้วนไม่รู้จักร้านดังกล่าว

มีเพียงน้อยคนนักที่รู้จักร้านแห่งนี้ แดนมายาต้วนหลี่ก็คือหนึ่งในนั้น แน่นอนว่าพวกนางย่อมเก็บเงียบไว้ไม่ได้บอกต่อให้ใครทราบอยู่แล้ว

ส่วนเฒ่าชราโจวชือก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง แต่นึกอย่างไรก็นึกไม่ออกว่ามันคือสถานที่แบบใด

“ร้านเซียนรับจ้างคืออะไรรึ ?” มีผู้ฝึกตนคนหนึ่งกล่าวถามออกมา ซึ่งก็เป็นคำถามในใจของใครหลายคนพอดี

“บอกได้แค่ว่าเป็นร้านค้าที่ตั้งอยู่ในเมืองหลวงเจ้าค่ะ” พิธีกรสาวก็ตอบกลับไปตามข้อตกลงที่ทางโรงประมูลให้ไว้กับชายหนุ่ม นั่นก็คือการบอกกล่าวชื่อของร้านค้าและสถานที่ตั้งอย่างคร่าว ๆ

“เช่นนั้นขอเปิดประมูลรายการแรกหญ้าโลหิต ระดับราชวงศ์...” พิธีกรสาวเริ่มการเปิดประมูลทันที

ผ่านไปสองก้านธูป การประมูลก็ผ่านไปทั้งสิ้นหกรายการ โดยราคาแต่ละรายการก็นับว่าเยอะมากทีเดียว ซึ่งทุกรายการก็เป็นที่ต้องการของแต่ละขุมอำนาจไม่น้อย รวมถึงเย่ซีและเยี่ยหลิงก็ร่วมประมูลด้วยเช่นกันแต่ไม่ได้มากมายนักเลยไม่ได้อะไรมาสักรายการ

“ต่อไปก็ถึงคราวของล้ำค่าระดับจักรพรรดิดินอัศจรรย์!!” พิธีกรสาวนำโหลแก้วที่มีดินสีดำอยู่ด้านใน ภายในเนื้อดินเหมือนมีละอองดาวถูกผสมเอาไว้ด้วย

“ข้าจะต้องได้มาให้ได้!” โจวชือประกาศกร้าวออกมา

“อย่าฝันไปหน่อยเลยเจ้าแก่!” เย่ซีที่ได้ยินก็ตอบกลับไปอย่างไม่เกรงกลัว

ทั้งสองจ้องตากันอยู่นานก่อนที่จะเลิกสนใจซึ่งกันและกัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด