Chapter 187 : ความตายของแฝดอสูร! (3)
นอกจากนี้เขายังใช้มันไปกับการป้องกันหอกเพลิงของชิมาดะ ริวยะอีกครั้ง นี่จึงเป็นครั้งสุดท้ายที่เหลือแล้ว
หากแต่ในเวลานี้เองเขากลับสังเกตเห็นรอยยิ้มเยาะหยันบนใบหน้าของอีกฝ่าย
วิสัยทัศน์ของเขาพลันพร่ามัวและเงาร่างเบื้องหน้านั้นก็พลันมลายหายไป
หัวใจของอสูรโลหิตเต้นไม่เป็นจังหวะและรีบหมุนตัวไปด้านหลังตามสัญชาตญาณแต่ความเร็วของเขานั้นช้าเกินไป ดาบสั้นเล่มหนึ่งได้แทงเข้าใส่แผ่นหลังของเขาแล้ว!
ดาบสั้นเล่มนี้เจาะทะลวงรูบนหน้าอกของเขาที่ถูกชิมาดะ ริวยะสร้างเอาไว้และหมุนควงอย่างโหดเหี้ยม!
สกิล [ผนึกโลหิต] ทำงาน!
เป้าหมายติดสถานะพิษ! อัตราการโจมตีติดคริติคอลโดยรวมคือ100%!
คริติคอล! ความเสียหายจากการโจมตีคริติคอลทั้งหมด+920%!
ทันทีที่ดาบสั้นฟันลงไปอสูรโลหิตก็พลันรู้สึกได้ถึงความหวาดกลัวความตายที่โอบล้อมรอบกายของเขาเอาไว้ขึ้นมา
ร่างทั้งร่างของเขาหนาวสั่นไปจนถึงกระดูกราวกับเนื้อหนังถูกลอกออกไป
ในเวลานี้เองตุ๊กตาไล่ฝนที่ห้อยอยู่บนเอวก็เขาก็พลันแตกสลายไม่มีชิ้นดี!
มาถึงตรงนี้อสูรโลหิตถึงพึ่งจะได้รับรู้ด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดซึ้งว่าถ้าไม่ใช่เพราะสมบัติช่วยชีวิตที่หัวหน้าองค์กรมอบให้กับเขาเขาคงตายไปแล้วหนหนึ่ง!
“มีไอเทมช่วยชีวิตเยอะจังแฮะ เป็นปัญหาจริงๆ” ดาบพิษพึมพำกับตัวเอง
เช่นเดียวกับตอนสังหารซาโต้ ฮารุกะ
ไอเทมที่มีความสามารถราวกับบัคพากันปรากฏขึ้นมาชิ้นแล้วชิ้นเล่า ตั้งแต่ใบไม้สีเหลืองที่สามารถป้องกันการโจมตีได้ น้ำกรดกรัดกร่อนอาวุธและตุ๊กตาไล่ฝนซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวตายตัวแทน
สมแล้วที่เป็นนักสู้ที่หัวหน้าองค์กรฝูมฝักมาอย่างดี อสูรโลหิตผู้นี้เองก็มีไอเทมช่วยชีวิตติดตัวเอาไว้เหมือนกัน
“แต่ก็ไม่เป็นไรก็แค่ฆ่าอีกรอบก็จบ”
ดาบพิษแค่นเสียงเยาะแล้วกระโจนเข้าใส่อีกครั้ง
อสูรโลหิตในที่สุดก็ตอบสนอง
เขาเผาผลาญพลังชีวิต30%ของตนเพื่อเปิดใช้งานสกิลที่ทรงพลังที่สุด
ในชั่วพริบตานั้นพายุคมมีดน่าสะพรึงก็พลันปรากฏขึ้นรอบกายของเขาและเข้าปกคลุมดาบพิษเอาไว้จนมิด!
“พี่เองก็ใช้สกิลนี้แล้วเหมือนกันสินะ...”
ขณะที่อสูรตะกละและชิมาดะ ริวยะกำลังสู้กันอยู่นั้นเขาก็พลันสังเกตเห็นพายุคมดาบสีแดงฉานที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางกว่า15เมตรพริบตานั้นหัวใจของเขาพลันสั่นสะท้านขึ้นมา
ชิมาดะ ริวยะเองก็สังเกตเห็นเช่นกันจึงอุทานออกมา “นั่นมัน... [พายุคมดาบ] จากเมืองหลสวของแดนต้นกก!”
ในฐานะของบุตรบุญธรรมของซาโต้ ทาเคะเขาย่อมเคยมาฝึกฝนที่แดนต้นกกแห่งนี้ตั้งแต่กลายเป็นนักสู้ขอบเขตที่7แรกๆ
เขารู้เกี่ยวกับภูเขาวัชระ แม่น้ำล้างทอง เมืองหวังเซี่ย เมืองหลวงแดนต้นกกและกระทั่งคุกอสูรเป็นอย่างดี
เขาเคยได้ประสบพบเจอกับพลังของสกิลนี้มาแล้วครั้งหนึ่ง
เมื่อใช้งานสกิลนี้จำเป็นต้องเผาผลาญพลังชีวิตของผู้ใช้ตั้งแต่10จนถึง50%
หลังจากนั้นพายุคมดาบอันน่าสะพรึงจะก่อร่างขึ้นมารอบตัวผู้ใช้เป็นเวลาสามนาที
ยิ่งเผาผลาญพลังชีวิตมากเท่าไหร่ความกว้างของพายุคมดาบสีเลือดและความเสียหายก็จะยิ่งสูงเท่านั้น
ทุกสิ่งภายในขอบเขตของพายุคมดาบนี้จะถูกคมดาบขนาดจิ๋วนับไม่ถ้วนตัดเฉือนอย่างบ้าคลั่ง
ตามปกติแล้วสิ่งมีชีวิตทุกประเภทย่อมถูกหั่นจนกลายเป็นชิ้นเนื้อขนาดเล็ก
ชิมาดะ ริวยะเองก็เคยใช้สกิลนี้มาหนหนึ่ง
หากแต่สกิลประจำอาชีพของเขานั้นก็เผาผลาญพลังชีวิตอยู่แล้ว ถ้าเขาใช้สกิลนี้เพิ่มอีกคงจะไม่ใช่การสังหารศัตรูแต่เป็นการฆ่าตัวตายเสียมากกว่า
วิธีรับมือกับสกิลนี้นั้นมีอยู่
พายุคมดาบเป็นสกิลโจมตีวงกว้างที่มีความเร็วในการโจมตีสูง ความสามารถในการทำให้ติดสถานะเลือดออกสูงและมีความเสียหายต่ำ
ตราบใดที่อีกฝ่ายมีสกิลและอุปกรณ์สวมใส่ที่สามารถลดความเสียหายได้ก็จะลดความรุนแรงของสกิลไปได้อย่างมหาศาล
“โชคไม่ดีนักที่เจ้าหมอนั่นเป็นนักฆ่า นักฆ่าย่อมไม่มีทางเตรียมการรับมือกับสกิลแบบนี้เอาไว้แน่ๆ”
ชิมาดะ ริวยะส่ายหัว
ในความเป็นจริงแล้วเขาจดจำคนผู้นี้ได้ตั้งแต่มาถึงยอดเขาวัชระแล้ว
มู่เฉียงผู้นี้ครั้งหนึ่งเคยทำให้ซาโต้ ฮารุกะได้รับบาดเจ็บ
บิดาบุญธรรมของเขาสั่งการเอาไว้ว่าถ้าพบเจอคนผู้นี้หรือไอดะ เหมยเขาจะต้องสังหารพวกมันทิ้ง
นอกจากนี้เขายังตรวจสอบข้อมูลของมู่เฉียงแล้ว
อีกฝ่ายเป็นนักฆ่า100%
อย่างมากที่สุดก็อาจจะมีเรียนรู้สกิลประเภทน้ำแข็งเอาไว้บ้าง
นักสู้ประเภทนี้ย่อมไม่มีทางรอดมาจากพายุคมดาบสีเลือดได้แน่นอน
แทนที่จะกังวลเรื่องของมู่เฉียงเขาควรจะกังวลว่าจะรับมือกับสถานการณ์หลังจากมู่เฉียงตายยังไงเสียมากกว่า ถ้ามู่เฉียงตายก็จะไม่มีใครหยุดอสูรโลหิตแล้ว
อสูรโลหิตหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ตายซะ! ฉันแทบจะทนรอดูแกถูกหั่นเป็นชิ้นๆไม่ไหวแล้ว!”
เขายืนอยู่ใจกลางของพายุคมดาบสีแดงฉานซึ่งจุดที่เขายืนนั้นก็เปรียบได้กับตาพายุ
บริเวณนี้ปราศจากคมดาบแต่อย่างใดดังนั้นตัวเขาจึงปลอดภัยไร้เรื่องราว
ขณะที่ศัตรูของเขานั้นจะถูกคมดาบสีแดนฉานซึ่งเคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงนับไม่ถ้วนโอบล้อมรอบกาย
อีกฝ่ายย่อมต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย
ขณะเดียวกันฮิราโนะ ยูติเองก็เบิกตากว้าง เขากำหมัดแน่นและสีหน้าเองก็เริ่มซีดเผือด
“มู่...มู่เฉียง!”
ดวงตาของเขาแดงก่ำและไม่กล้ามองดูฉากอันน่าสยดสยองนี้
หากแต่ในวินาทีนั้นเองอสูรโลหิตกลับเริ่มส่งเสียงกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ทำไม...ทำไมเลือดของฉันถึงลดลงเรื่อยๆ?! ฉันเป็นคนที่ใช้พายุคมดาบนะโว้ย!”
น้ำเสียงของอสูรโลหิตอัดแน่นไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ตัวเขายังไม่โดนโจมตีเลยแต่พลังชีวิตกลับลดลงราวกับน้ำตก!
เพียงพริบตาเดียวพลังชีวิตของเขาก็ลดลงแตะ10%แล้ว!
บวกกับเมื่อตอนที่สู้กับดาบพิษเมื่อครู่พลังชีวิตของเขาก็ลดต่ำลงมากแล้วจากผลของทั้งสถานะเลือดออกและสถานะติดพิษ
พลังชีวิตของเขาจึงลดลงเรื่อยๆใกล้จะ0%เต็มแก่!
น้ำเสียงแผ่วเบาของดาบพิษดังออกมาจากพายุคมดาบ! “ทำไมพลังชีวิตของนายถึงลดลงเรื่อยๆน่ะหรอ?”
“แน่นอนว่าเป็นเพราะ...”
ดวงตาของอสูรโลหิตเบิกกว้างคล้ายจะอยากได้ยินเหตุผล “เพราะ....”
“อั่ก!”
พลังชีวิตของอสูรโลหิตลดลงเหลือ0%!
ดวงตาของเขาเบิกโพรงด้วยความโกรธและร่างคนเองก็ค่อยๆทิ้งตัวลงบนพื้นด้วยด้วยท่าทีไม่ยินยอม!
“ฉันยังคิดหาข้ออ้างไม่ถูกเลยแล้วจะบอกนายยังไงดีล่ะ?”
หลินเซวียนสบถอยู่ในใจ
เขาไม่เคยคิดเลยว่าจู่ๆอสูรโลหิตจะเลือกใช้วิธีฆ่าตัวตายแบบนี้
หากแต่พายุคมดาบสีเลือดที่มีความกว้าง15เมตรของเขานั้นแม้จะดูน่าสะพรึงแต่ความเสียหายของมันก็ไม่เร็วเท่าอัตราการฟื้นฟูพลังชีวิตของเขาอยู่ดี