CD บทที่ 498 โฉมหน้าที่แท้จริงของยอดนักสืบ
“ฉันเองก็ไม่รู้ แต่ถ้าอ้ายหลี่หลี่เป็นคนที่จ้างวานฆ่าจริง ๆ มันก็มีข้อพิรุธมากมายชวนให้สงสัย คุณคิดจริง ๆ เหรอว่าผู้จ้างวานจะอยากให้สาวถึงตัวได้ง่าย ๆ อย่างนี้” จ้าวหยู่หันไปบอกกับตำรวจหญิง จินเหม่ย “ถ้าเธอไม่อยากให้สาวถึงตัว เธอควรจะใช้เงินสดในการจ่ายค่าจ้างกับฆาตกร”
จ้าวหยู่พูดต่อ
“ในตอนแรกฉันไม่เข้าใจ ถ้าเป็นการจ้างวานฆ่าจริง ๆ เลอเชาก็สามารถฆ่าพวกเขาในห้องรักษาได้โดยตรง ทำไมต้องทำเรื่องยุ่งยากอย่างผลักพวกเธอลงจากดาดฟ้าด้วย แถมยังทำตอนกลางวันแสก ๆ อีก”
“จริงด้วยค่ะ!” ตอนนี้ดวงตาของจินเหม่ยเปิดกว้าง จ้าวหยู่ทำให้เธอประหลาดใจอย่างแท้จริง และเธอก็คิดว่าเขาเก่งมาก “แล้ว… คุณคิดบ้างมั้ยว่าคดีนี้มันอาจจะไม่ใช่การจ้างวานฆ่าก็ได้นะคะ มันอาจจะเป็นการแก้แค้นหรือเปล่า? บางทีเลอชานกับครอบครัวเฉินอาจมีเรื่องบาดหมางกัน?”
"นั่นยิ่งไม่ใช่ใหญ่เลย" จ้าวหยู่ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ตอนนี้ฉันเข้าใจทั้งหมดแล้ว เหตุผลที่เลอชานลงมือสังหารสองพี่น้องแบบนั้น ก็เพื่อเป็นการป่าวประกาศให้คนอื่นรับรู้
สิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ ก็คือให้การตายของสองพี่น้องกลายเป็นข่าวใหญ่โตสั่นสะเทือนไปทั้งเมือง จิตใจของเขาบิดเบี้ยวมาก และเขาก็ต้องการให้ทุกคนเกลียดเขาในฐานะฆาตกรให้มากที่สุด!”
“อืม… แล้ว…” จินเหม่ยครุ่นคิดอย่างลึกซึ้ง แต่เธอยังคงไม่เข้าใจสิ่งที่จ้าวหยู่พยายามจะพูด
“ถ้าให้ฉันเดา” จ้าวหยู่กล่าว “คดีนี้เป็นการจ้างวานฆ่าจริง ๆ แต่นอกเหนือจากการฆ่าแล้ว ยังมีการจัดฉากมาเกี่ยวข้องอีกด้วย”
“จัดฉาก?” ดูเหมือนจินเหม่ยจะเข้าใจมากขึ้น แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจความหมายของเขาได้ทั้งหมดอยู่ดี
“มีคนจ้างเลอชานให้ฆ่าสองพี่น้อง แต่คน ๆ นั้นไม่ใช่อ้ายหลี่หลี่!” จ้าวหยู่กล่าว “ลองจินตนาการดูสิ เฉินปิงกวงอยู่ในอาการโคม่า ซึ่งเห็นได้ชัดว่าตัวเขาจะมีชีวิตถึงตอนไหนก็ไม่รู้ แล้วจากนั้น ลูกสาวสองคนของเขาถูกผลักออกจากตึกและเสียชีวิต แล้วทีนี้ทุกสายตาจะตัดสินอ้ายหลี่หลี่ในฐานะผู้จ้างวานในทันที”
เขายังพูดสันนิษฐานของเขาต่อไป
“จนกว่าจะมีการเปิดเผยพินัยกรรม สิ่งที่เกิดขึ้นก็เพียงพอที่จะทำลายชื่อเสียงของอ้ายหลี่หลี่จนย่อยยับ เธอจะถูกมองว่าเป็นแม่เลี้ยงที่โหดเหี้ยม เธอลงมือฆ่าลูกเลี้ยงอย่างเลือดเย็นและไม่เกรงกลัวกฎหมาย ทุกคนจะพร้อมกล่าวโทษเธอในทันที”
“ดังนั้น มันจึงเป็นแผนการที่สมบูรณ์แบบที่สามารถยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!” ดวงตาของจ้าวหยู่พลันสว่างขึ้น “สำหรับผู้จ้างวานที่อยู่เบื้องหลัง การตามหาเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องยากมากขนาดนั้น!”
"โอ้! ฉันเข้าใจแล้ว!" จินเหม่ยปรบมือของเธอและพูดอย่างตื่นเต้น “เราแค่ต้องตรวจสอบเพื่อดูว่าใครคือผู้รับผลประโยชน์คนถัดไป ใครจะได้รับทุกสิ่งทุกอย่าง หากอ้ายหลี่หลี่ถูกจับและพบว่ามีความผิด คน ๆ นั้นน่าจะเป็นฆาตกรตัวจริง! ว้าว! คุณตำรวจจ้าว คุณน่าทึ่งมาก!”
“ฮิฮิฮิ…” จ้าวหยู่ยืนขึ้นและกระชับเสื้อของเขา ในเวลาเดียวกันเขากล่าวว่า “ช่วยไปบอกผู้กองจางของคุณด้วยว่า เนื่องจากผู้จ้างวานที่อยู่เบื้องหลังได้ดำเนินการตามแผนของเขาแล้ว นั่นหมายความว่าเขาเตรียมตัวมาอย่างดี แม้ว่าคุณจะตามหาอีกฝ่ายจนเจอ แต่การค้นหาหลักฐานมามัดตัวเขา มันไม่ใช่เรื่องง่ายดายนัก”
ในตอนแรกจ้าวหยู่ต้องการออกไป แต่จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรบางอย่างได้และหยุดเดิน
“มีอะไรรึเปล่าคะ?” จินเหม่ยถามอย่างสงสัย
“มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…” จ้าวหยู่ขมวดคิ้วและนั่งลงอีกครั้ง พึมพำกับตัวเอง “เกี่ยวกับฆาตกร… มันไม่ถูกต้อง...”
"ทำไมเหรอคะ?" จินเหม่ยถูกดึงดูดด้วยเสน่ห์ของจ้าวหยู่ เธอหน้าแดงถามอย่างรวดเร็วว่า “ฆาตกรไม่ใช่ตำรวจที่ถูกปลดออกจากราชการเหรอคะ? การฆ่าเพื่อเงินนั่นก็สมเหตุสมผลแล้วไม่ใช่เหรอคะ?”
"ไม่!" จ้าวหยู่ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ตอนที่ฉันไล่ตามเขา เขามีโอกาสมากมายที่จะหลบหนี! แต่เขากลับไม่ได้วิ่งหนี แต่เขาพยายามทำอะไรน่าสงสัยอยู่หลายครั้ง ซึ่งฉันไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเขาทำไปเพื่ออะไร!?”
“น่าสงสัยเหรอคะ?” จินเหม่ยไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ดังนั้นเธอจึงไม่เข้าใจความหมายของจ้าวหยู่
“มันเกือบจะดูเหมือนว่าเขากำลังร้องขอความตาย” จ้าวหยู่ค่อย ๆ พูดมันออกมา “ถ้าเป็นการจ้างวานฆ่าตามปกติ เขาควรจะทำทุกวิถีทางเพื่อหนีไปจากฉัน ไม่ใช่รอฉันเพื่อให้ฉันไล่ตามเขาทันอย่างนี้!”
"จริงด้วยค่ะ ต่อให้เขาจะได้รับเงินมามากมายแค่ไหน แต่ถ้าถูกจับ เงินพวกนั้นก็ไร้ประโยชน์”
จินเหม่ยเห็นด้วยกับจ้าวหยู่
“ถ้าเป็นเช่นนั้น…” จ้าวหยู่ครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพูดอีกครั้ง “คุณต้องตรวจสอบเลอเชาให้ละเอียด ความรู้สึกที่ฉันได้รับจากเขา มันไม่ใช่การหลบหนี มันต้องมีอะไรอยู่เบื้องฟลังแน่ นอกจากนี้ การเลือกสถานที่เกิดเหตุเช่นโรงพยาบาลทันตกรรม มันก็ไม่ปกติจริง ๆ!”
จ้าวหยู่กล่าวต่ออย่างรัว ๆ ว่า
“นอกจากนี้ สองพี่น้องเฉินนักท่องยามราตรี พวกเธอมักจะท่องเที่ยวไปตามสถานที่พบปะสังสรรค์ในตอนกลางคืน ซึ่งแน่นอนว่าต้องมีผู้คนจำนวนมากรวมตัวกัน ถ้าเลอเชาจะลงมือในสถานที่เหล่านั้น มันจะง่ายกว่ามาก แถมยังหลบหนีได้อีกด้วย”
“คุณ…” ทันใดนั้น จินเหม่ยก็ตระหนักถึงบางสิ่งและถามว่า “คุณรู้จักผู้หญิงทั้งสองเป็นการส่วนตัวรึเปล่าคะ?”
จ้าวหยู่ไม่ได้ตอบเธอโดยตรง แต่ยังพูดข้อสันนิษฐานของเขาต่อไป
“โรงพยาบาลทันตกรรมเป็นสถานที่ที่มีการเฝ้ารักษาความปลอดภัยตามปกติ ดังนั้นฆาตกรจะต้องถูกสังเกตเห็นหรือพบร่องรอยในเวลาต่อมา แม้ว่าเขาจะไม่ถูกจับโดยฉัน แต่สุดท้าย เขาก็จะถูกตำรวจสงสัยอยู่ดี ดังนั้นมันจึงยังไม่สมเหตุสมผลเลย!”
“เป็นไปได้ไหมที่เขาจงใจปล่อยให้ตัวเองโดนตำรวจจับ?” จินเหม่ยคาดเดาและถอนหายใจ “น่าเสียดายจริง ๆ ที่เขาได้เสียชีวิตไปแล้ว!”
“ฉันคิดว่าฉันพอจะเข้าใจแล้ว!” ภายในไม่กี่วินาที จ้าวหยู่ก็พบคำตอบของเขาแล้ว เขาพูดว่า “ขอเวลาให้ฉันสักห้านาที!”
จากนั้นเขาก็หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อโทรหาผู้เชี่ยวชาญด้านการค้นหาคน จางจิงเฟิง เขาขอให้ฝ่ายหลังตรวจสอบรายละเอียดของเลอเชา ในท้ายที่สุดก่อนที่เขาจะวางสาย จางจิงเฟิงก็ได้ให้คำตอบที่จ้าวหยู่กำลังมองหา
"อย่างที่คาดไว้เลย!" เมื่อจ้าวหยู่รู้รายละเอียดของเลอเชา เขาก็ส่ายหัวและถอนหายใจ “มะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะที่สี่ โรคเดียวกับเฟิงหลินเลย”
"อะไรนะคะ!?" จินเหม่ยตกใจในตอนแรก จากนั้น เธอก็สับสน เธอถามต่อว่า “เฟิงหลิน? เฟิงหลินคือใครเหรอคะ?”
“บ้าเอ๊ย!” จ้าวหยู่สบถ “ชายคนนี้วิ่งเหมือนกระทิง เขาทำให้ฉันไล่ตามไปทั่วทั้งเมือง ใครจะคิดว่าเขาจป่วยด้วยโรคร้ายแรง ถ้าเขาไม่ป่วย ฉันคงไม่มีทางไล่ตามเขาทันอย่างแน่นอน”
“ถ้าอย่างนั้นปริศนาก็กระจ่างแล้วสินะคะ” จินเหม่ยตกใจมาก
"ก็ไม่ซะทีเดียว" จ้าวหยู่พยักหน้าและกล่าวว่า “เลอเชาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคร้ายแรง จากนั้นก็มีคนใช้เรื่องนี้หว่านล้อมเขา โดยสัญญาว่าจะมอบเงินจำนวนมากให้กับครอบครัวของเขา แต่เพื่อให้ได้เงินก้อนนี้มา เขาจึงลงมือฆาตกรรมอย่างงั้นเหรอ?”
เขาดำเนินข้อสันนิษฐานของเขาต่อไป
“บางที… แผนเดิมของพวกเขาคือให้เลอเชาถูกตำรวจจับหลังจากที่เขาสังหารสองพี่น้อง จากนั้นเมื่อเขาถูกควบคุมตัวและถูกสอบสวน เขาจะซัดทอดไปอ้ายหลี่หลี่โดยตรง
ด้วยหลักฐานและพยานที่แน่นหนาขนาดนี้ ไม่ว่าอ้ายหลี่หลี่จะแก้ต่างอย่างไรเธอก็ดิ้นไม่หลุด แต่แผนการดันพังไม่เป็นท่า เพราะตอนนี้เลอเชาได้ตายไปแล้ว!”
"ไม่อยากจะเชื่อเลย! ผู้บงการคนนี้ชั่วร้ายมาก!“จินเหม่ยกล่าวด้วยความขุ่นเคือง”ใช้ประโยชน์จากคนที่สิ้นหวังเพราะโรคร้ายเพื่อให้เขาลงมือฆาตกรรม นี่มันไร้มนุษยธรรมมาก!”
"ผิดแล้ว!" จ้าวหยู่ส่ายหัวแล้วกล่าวว่า “ถึงที่คุณพูดมาจะไม่มีอะไรผิด แต่เลอเชาไม่สมควรได้รับความสงสาร แม้ว่าเขาจะต้องประสบกับโรคร้าย แต่เขาไม่สมควรละทิ้งหลักการของเขา ไม่ว่าเขาจะเป้าหมายอะไรอยู่ในใจ แต่มันก็ไม่มีเหตุผลที่เขาจะฆ่าใครตามอำเภอใจ!”
“การฆ่าหญิงสาวสองคนเพียงเพื่อตอบสนองความต้องการของเขาเอง นั่นเผยให้เห็นว่าเขาเป็นอาชญากรตัวจริง! และเขาจะไม่สมควรได้รับการให้อภัย!”
การประณามของจ้าวหยู่นั้นเปล่งออกมาอย่างยุติธรรมและเด็ดเดี่ยว นั่นทำให้จินเหม่ยรู้สึกทึ่ง แต่จู่ ๆ เธอก็นึกถึงอะไรบางอย่างได้และพูดว่า
“ถ้าอย่างนั้นเราต้องเจอกับปัญหาใหญ่ไม่ใช่เหรอคะ!? ตอนนี้เลอเชาเสียชีวิตไปแล้ว แม้ว่าเราจะตามหาฆาตกรตัวจริงเจอ แต่เราก็ไม่สามารถตัดสินลงโทษบุคคลนั้นได้ หากเราไม่มีพยาน!”
“ไม่ใช่ 'เรา' แต่เป็น 'คุณ' ต่างหาก!” จ้าวหยูชี้แจง “คดีนี้เป็นของสถานีรุ่ยหยาง ปล่อยให้ผู้กองของคุณจัดการ ฉันเองก็อยากไขคดีนี้เหมือนกัน…”
จากนั้น จ้าวหยู่ก็ปิดปาก ส่ายหัว แล้วถอนหายใจ
“อืม… ลืมมันซะ พวกคุณจัดการคดีนี้ไปได้เลย ฉันเองก็มีคดีของตัวเอง และต้องให้ความสำคัญกับมันด้วยเหมือนกัน ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันขอตัวก่อน และก็ยินที่ได้รู้จักนะ จินเหม่ย…”
จากนั้น จ้าวหยู่ก็ผิวปากอย่างสนุกสนาน ก่อนที่จะหยิบเสื้อแจ็คเก็ตและเดินออกไป