บทที่ 71 (ฟรี)
บทที่ 71
คราวนี้เขาเปลี่ยนค่ายกลใหม่ “ค่ายกลหลอมเหลวเจ็ดดาว!”
อู๋เกอยิ้มอย่างภาคภูมิใจและอธิบายพลังของค่ายกล “ตราบใดที่อยู่ในค่ายกลหลอมเหลวเจ็ดดาว น้ำในตัวของคนๆนั้นจะถูกระเหย เกิดอาการขาดน้ำและคันจนทนไม่ไหว จากนั้นตามผิวหนังเริ่มมีแผลพุพอง กลาก ฯลฯ อีกมากมาย! ในกรณีร้ายแรง อาจถึงขั้นผิวหนังเน่าเปื่อย!”
อันที่จริง หน้าตาอันหล่อเหลาเหมือนหยกสลักของหลินเป่ยฝานทำให้อู๋เกอรู้สึกอิจฉามาก
ดังนั้นเขาจึงสร้างค่ายกลนี้เพื่อทำให้ผิวหน้าของหลินเป่ยฝานเน่าเปื่อยสุดท้ายเสียโฉม
“เอาล่ะ มาดูกันว่าคราวนี้แกจะมีสภาพแบบไหน” เขาปรบมือและมองดูผลงานชิ้นเอกตัวเองด้วยความพึงพอใจ
แต่ในตอนนั้นเอง ความทรงจำอันเลวร้ายจากทั้งสองเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ก็แวบเข้ามา
“เดี๋ยวก่อน ฉันต้องปรับแต่งมันให้ดีอีกครั้ง! ถึงจะใช้เวลาเยอะกว่าเดิมไปบ้าง แต่ก็ไม่มีปัญหา!”
“รอบนี้พลังของคายกลจะไม่ครอบคลุมทั้งห้องทำงานของหลินเป่ยฝานอีก แต่พุ่งเป็นเส้นตรง มุ่งเป้าไปที่เฉพาะตำแหน่งเก้าอี้รองประธาน! หากทำแบบนี้ ทางหนึ่งปลอดภัย อีกทางหนึ่งเมื่อพื้นที่หวังผลแคบ พลังก็จะรุนแรงยิ่งขึ้น แค่ไม่ถึง 20 นาทีก็เห็นผลชัดเจนแล้ว!”
“ถ้าเกิดติดอยู่ในห้องขึ้นมา แค่หลบไม่อยู่ตรงจุดที่ส่งพลังงานมา ฉันก็จะไม่ติดกับดักของตัวเองอีก!”
“เผื่อเอาไว้อย่างน้อยให้เป็นทางหนีในกรณีเกิดเรื่องผิดพลาด!”
ครั้งนี้เขาพอใจมากจริงๆ เพราะไม่มีทางที่ตนจะเป็นแมลงติดใยแมงมุมอีกต่อไป
ณ ขณะนี้ หลินเป่ยฝานเดินออกจากห้องทำงานและโบกมือให้เขา“เสี่ยวอู๋มานี่ที ผมมีเรื่องสำคัญจะคุยกับพวกคุณ อ้ออีกเดี๋ยวแม่หลิวก็จะมาด้วยนะ”
ภายในไม่กี่นาที แม่หลิวก็ตามมาสมทบ
อู๋เกอรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอแม่ของหลิวนับตั้งแต่วันนั้น
เพราะตั้งแต่วันนั้นทั้งคู่ก็เลี่ยงที่จะพบกัน
โดยเฉพาะอู๋เกอ เมื่อไหร่ก็ตามที่เขานึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนั้น เขาก็ไม่มีหน้าไปพบแม่หลิวอีก
หลินเป่ยฝานจิบชาแล้วพูดว่า “เอาล่ะพวกคุณก็ไม่ต้องเกรงใจ นั่งลงก่อนเถอะ”
ทั้งสองคนพยักหน้า
หลินเป่ยฝานชี้ไปที่เก้าอี้แต่ละตัวในห้อง “เสี่ยวอู๋คุณนั่งตรงนั้น ส่วนแม่หลิวนั่งตรงนี้”
อู๋เกอเหลือบมองที่นั่งตัวเอง และเกิดอาการขยาดขึ้นมา
เพราะตำแหน่งนี้ตั้งอยู่ตรงทางส่งพลังงานลบจากค่ายกล!
นั่นหมายความว่าเมื่อเขานั่งลงแล้ว เท่ากับเขาช่วยหลินเป่ยฝานสกัดกั้นพลังชั่วร้าย และพลังงานชั่วร้ายทั้งหมดของค่ายกลจะส่งผลต่อเขาแทน
ดังนั้นอู๋เกอจึงลังเลแล้วพูดว่า “นี่ ...”
หลินเป่ยฝานที่รอมาพักหนึ่งแล้วจึงมองเขาด้วยความงุนงง “ทำไมคุณยังไม่นั่งลง?”
“ฉันไม่ชอบนั่งตรงนี้...”
“งั้นก็สลับที่กับแม่หลิวแล้วกัน”
อู๋เกอรู้สึกผิดต่อแม่หลิวอยู่ก่อนแล้ว หากต้องให้แม่หลิวรับเคราะห์ เขาคงรู้สึกผิดจนตาย
ดังนั้นเขาจึงนั่งลงทันทีและพูดว่า “ไม่เป็นไร ฉันนั่งตรงนี้ก็ได้”
“ต้องอย่างงี้สิ”
หลินเป่ยฝานยิ้มเล็กน้อย จากนั้นขอพรในใจ
'ฉันขอพร: ช่วง 30 นาทีต่อจากนี้ ผลเสียทั้งหมดต่อร่างกายของฉันจะเพิ่มขึ้นสิบเท่า!'
[ติ๊ง! คำขอสัมฤทธิ์ผล]
สีหน้าของหลินเป่ยฝานยังคงเหมือนเดิม ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง อย่างไรก็ตาม มีบางคนรู้สึกคันเล็กน้อย เกิดอาการอึดอัดนั่งไม่เป็นสุข เริ่มบ่นอุบในใจ
'ผลของค่ายกลนี่จะรุนแรงเกินไปแล้วมั้ง? มันทำงานเร็วขนาดนี้เลย?'
ฉันเพิ่งนั่งลงเท่านั้นเอง!
“เสี่ยวอู๋ หยุดลุกลี้ลุกลนก่อน นั่งนิ่งๆแล้วฟังผมให้ดี” หลินเป่ยฝานตำหนิอย่างจริงจัง
“ครับรองประธานหลิน!” อู๋เกอฝืนทน ในใจคิดกับตัวเอง อดทนไว้ แล้วมันจะผ่านไป!
หลินเป่ยฝานจิบชาอีกครั้ง จากนั้นวางชาไว้ข้างๆ ประสานนิ้วทั้งสิบของตัวเองแน่นแล้วพูดว่า “ที่ผมเรียกพวกคุณมาก ก็เพราะเรื่องในวันนั้น”
ใบหน้าของคนสองคนดูไม่เป็นธรรมชาติ
หลินเป่ยฝานเคาะโต๊ะและพูดอย่างจริงจังว่า “ถึงผมจะไม่ใส่ใจเรื่องแนวคิดด้านความรักของคุณ แล้วก็ไม่ได้ห้ามไม่ให้มีความรักในที่ทำงาน แต่การตามจีบแม่หลิวอย่างโจ่งแจ้งแล้วตะโกนเรียกที่รักพร้อมวิ่งไล่นี่มันออกจะ ...”
หลินเป่ยฝานส่ายหัวและพูดว่า “พูดตามตรง แม้แต่คนทั่วๆไปยังฝืนดูไม่ไหว นี่มันค่อนข้างน่าลำบากใจอยู่นะ”
อู๋เกอก้มศีรษะลงด้วยความอับอาย ก็เขานี่แหละที่ลำบากใจที่สุด
“ที่ผมอยากจะบอกก็คือให้คุยกันส่วนตัว! เวลาจีบกันหรือเรียกที่รักขอให้พูดกันในที่ส่วนตัวก็พอ! สั้นๆคืออย่าแสดงความรักโจ่งแจ้งในบริษัท”
“เพราะการทำเช่นนั้นจะทำลายบรรยากาศของบริษัท! แต่แน่นอน ผมจะไม่ลงโทษคุณ เพราะทุกคนมีอิสระที่จะรัก!”
หลินเป่ยฝานกล่าวอย่างจริงจังอู๋เกอเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดว่า “รองประธานหลิน หากคุณต้องการลงโทษฉันก็ลงโทษเถอะ ทุกอย่างเป็นความผิดของฉันเองไม่ใช่แม่หลิว!”
“นับว่าคุณยังมีความรับผิดชอบในฐานะลูกผู้ชายอยู่บ้าง!” หลินเป่ยฝานผงกหัวเบาๆ “แต่ผมยังยืนคำเดิมว่าจะไม่ลงโทษคุณ ยังไงก็ตาม มันต้องมีการตักเตือนกันบ้าง! ฉะนั้นนั่งลงอย่างเชื่อฟัง ห้ามขยับไปไหน!”
“ครับรองประธานหลิน!”
จากนั้นหลินเป่ยฝานก็เริ่มตักเตือน
พูดอยู่นานเป็นสิบนาที และไม่มีประโยคไหนพูดเรื่องเดิมแม้แต่ครั้งเดียว
ส่วนทางด้านอู๋เกอ ตอนนี้เขาตกอยู่ในสภาพที่เลวร้ายมาก
ภายใต้อิทธิพลของค่ายกล ข้างในร่างกายเขาจะร้อนรุ่มและเริ่มเกิดอาการคัน! ความรู้สึกมันเหมือนนั่งอยู่บนเข็ม เหมือนแผ่นหลังถูกหนามทิ่มแทง เหมือนมีก้างปลาทิ่มอยู่ในลำคอ
เมื่อดึงแขนเสื้อขึ้น ก็พบว่ามีตุ่มพองอยู่หลายจุดปรากฏขึ้น อีหรอบนี้ตรงแผ่นหลังซึ่งปะทะกับจุดส่งพลังงานชั่วร้ายตรงๆคงร้ายแรงยิ่งกว่า ตอนนี้มันคันจนแทบทนไม่ไหว
ในใจเขาเต็มไปด้วยความโกรธ “ให้ตายเถอะ! ทำไมฉันต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้อีกแล้ว!”
“อย่าขยับ นั่งหลังตรงแล้วตั้งใจฟังให้ดี! ตอนนี้ผมกำลังตักเตือน คุณควรรับฟังอย่างจริงจังเพื่อไตร่ตรองความผิดพลาด!” หลินเป่ยฝานกล่าวอย่างจริงจัง แม้แต่แม่หลิวก็ยังอดพูดขึ้นไม่ได้ “เสี่ยวอู๋ นั่งนิ่งๆ ตั้งใจฟังให้ดี รองประธานหลินทำแบบนี้ก็เพื่อเธอนะ”
“แต่รองประธานหลิน ฉันมีเรื่องด่วน อยากขอตัวออกไปข้างนอก ...”
“ไม่ต้องมาอ้าง! ผมรู้คุณไม่อยากฟัง แต่ช่วยอดทนอีกซัก 20 นาที! ถ้าแค่นี้ยังทนไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาทำงานที่นี่อีก!”
เพื่อแก้แค้น อู๋เกอจึงตัดสินใจว่าจะอดทน
หลินเป่ยฝานจึงตักเตือนต่ออีก 10 นาที และทุกวินาทีล้วนสร้างความเจ็บปวดอย่างแสนสาหัสต่ออู๋เกอ
เคยได้ยินการลงโทษด้วยการบังคับให้หัวเราะไหม?
การจั๊กจี้ผู้อื่นและทำให้ผู้อื่นไม่สามารถหยุดหัวเราะได้ถือเป็นการลงโทษที่โหดร้ายมาก นี่ไงตัวอย่างอย่างดีเลย!
เห็นท่าทีลุกลี้ลุกลนของอู๋เกอ หลินเป่ยฝานสาแก่ใจมาก
แต่ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของหลินเป่ยฝานก็ดังขึ้น
หลินเป่ยฝานยืนขึ้นและพูดว่า “ผมจะออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอก พวกคุณรอที่นี่! ถ้าผมกลับมาแล้วไม่เห็นพวกคุณ คงรู้ผลที่ตามมาใช่ไหม?”
“เข้าใจแล้วรองประธานหลิน!”
หลังจากที่หลินเป่ยฝานจากไป อู๋เกอก็กระโดดออกจากเก้าอี้ทันที และรีบใช้มือทั้งสองข้างเกาตามร่างกายตัวเองเหมือนลิง
แม่หลิวดูสับสน “เสี่ยวอู๋ เธอเป็นอะไรน่ะ?”
ดวงตาของอู๋เกอเป็นประกายและพูดว่า “แม่หลิว ช่วยผมหน่อยจะได้ไหม?”
แม่หลิว “อยากให้ช่วยอะไร?”
“ผมรู้สึกคันหลัง ช่วยเกาให้ที”
“อ้อได้สิ แล้วเกาตรงไหน?”
“ตรงนี้!”
“ตรงนี้!”
“แล้วก็ตรงนี้!”
“แม่หลิว ช่วยเกาแรงๆด้วย!”
“ผมมีร่างกายแข็งแรง ต่อให้เกาแรงจนเลือดออกก็ไม่รู้สึกเจ็บอะไร!”
อู๋เกอตัวสั่น เริ่มถอดเสื้อออกแล้วเผยให้เห็นร่างกายท่อนบนที่แข็งแรงกำยำ “แม่หลิวเกาต่อได้เลย!”
แม่หลิวอุทาน “อ๊า! เธอมันคนไร้ยางอาย!”
ว่าแล้วแม่หลิวก็ยกมือขึ้นปิดหน้าแล้ววิ่งหนีไป
อู๋เกอ “...”
หลินเป่ยฝานบังเอิญเดินเข้ามาพร้อมกับเพื่อนร่วมงานสองสามคน พอเห็นภาพนี้เขาก็ตะลึง “เกิดอะไรขึ้น”
อู๋เกอที่กำลังเปลือย ....
และมีเลือดออกตามตัวจากการถูกเล็บข่วน ...
และแม่หลิววิ่งหนีออกไปด้วยความอับอาย ....
พร้อมกับเสียงกรี๊ดเมื่อครู่นี้ ...
จินตนาการอันน่าตื่นตะลึงผุดขึ้นในใจของทุกคน
อู๋เกอ “พรวดดดดด”