ตอนที่แล้วบทที่ 36 เสเพล (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปแจ้งลง

บทที่ 37 เสเพล (3)


[แฟนเพจBamแปลNiyay:ลงแบบราคาถูกโคตรในmy-novelกับthai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นนอกจากสองเว็บนี้คือไม่ใช่ผมนะ ถ้าเจอคนอ่านก็อปดันเยอะกว่าก็ท้อเป็นนะครับ]

[ถ้าอ่านฟรีแบบเถื่อนไม่ว่าจะได้มายังไงนั้น ผมไม่ว่าเลยครับ และต่อให้ไม่มีคนอ่าน ผมก็ยังจะแปลต่อจนจบด้วย แต่ถ้าจะจ่ายเงินให้เว็บหรือคนที่copyไปขายอีกที คุณโคตรแย่เลยครับ]

[หลังแปลจบจะมีการแก้คำอ่านใหม่ตั้งแต่ต้น ดังนั้นถ้าคุณอ่านแบบเถื่อน ก็เชิญเลยครับ เพราะมันไม่มีอัพเดทให้หรอก]

บทที่ 37 เสเพล (3)

ภายในโกดังขนาดมหึมาที่ถูกดัดแปลงเป็นสตูดิโอถ่ายละคร ความแตกต่างจากตอนถ่าย  'สำนักงานนักสืบ' มันช่างเหมือนฟ้ากับเหว ทำเอาคังวูจินตะลึงอย่างมาก พวกเขาเตรียมอะไรไว้ข้างในโกดังขนาดใหญ่และกว้างขวางเช่นนี้กันนะ?

"เขาถ่ายละครกันในโกดังเก็บของขนาดใหญ่แบบนี้กันเหรอ-"

ยิ่งไปกว่านั้น จำนวนทีมงานก็มหาศาล

ทีมไฟวิ่งวุ่นไปมาพร้อมกับอุปกรณ์ไฟ ทีมถ่ายทำเคลื่อนกล้องอย่างระมัดระวัง ทีมกำกับฯ ปูพื้นที่ทั้งฉากด้วยสตอรี่บอร์ดการถ่ายทำ และทีมพร็อบกำลังขนย้ายพร็อบต่าง ๆ ด้วยรถมินิบัส

มีคนประมาณ 60 กว่าคนได้ รวมกับนักแสดงและทีมผู้จัดการของพวกเขาแล้ว ง่าย ๆ เกินร้อยคน

'คนทั้งหมดนี้จะมาดูการแสดงของฉันเหรอ?'

พลังงานของทีมงานแตกต่างจากช่วงเวลาอ่านบทละคร

แม้ตอนนั้นจะมีคนประมาณร้อยคน แต่ไม่มีการเคลื่อนไหว มันจึงดูนิ่ง ๆ  ทว่าในที่นี่มันเหมือนสนามรบจริง ๆ แถมยังเป็นวันที่ถ่ายทำวันแรก คิดดูสิว่าเขาจะประหม่าขนาดไหน?

ด้วยเหตุนั้นคุณคังวูจิน...

“โอ้ ฟู่ว เห็นแล้วก็ชักตื่นเต้นเลยแฮะ”

เส้นเลือดของเขาเริ่มไหลพล่านทั่วร่างกายไปยังหัวใจของเขา นี่เป็นความกังวลที่เขาไม่เคยสัมผัสเลย มันคือความตึงเครียด ภายใต้ความกังวลนี้ เขาต้องแสดงต่อหน้าสายตาเฝ้าดูของคนนับร้อย

สำหรับคังวูจินที่ไม่ต่างจากคนธรรมดา ๆ การที่หอบหายใจถี่เพราะตื่นเต้นย่อมเป็นเรื่องปกติ

แต่ก็นะ

'ฟื้ด หายใจเข้าลึก ๆ หายใจออกลึก ๆ  แค่คิดว่าพวกเขาทั้งหมดเป็นแมวหรือสุนัข แค่นี้ก็พอแล้ว ’

คังวูจินวอร์มอัพเสร็จแล้วที่ 'สำนักงานนักสืบ' ดังนั้นเขาจึงทำให้หัวใจที่เต้นแรงอย่างรุนแรงเบาลง

ในช่วงเวลานั้นเอง

-พึบ

มีสองคนมาพร้อมกับคังวูจินที่กำลังมองดูฉากในสตูดิโอ พวกเขาเป็นผู้จัดการฝ่ายโลเคชั่นจางซูฮวาน และสไตลิสต์ฮันแยจุง ฮันแยจุงผู้มีผมสั้นสีเขียวกำลังเหลือบมองคังวูจินที่หน้าเรียบเฉย

‘ทำไมเขาถึงใจเย็นขนาดนี้? เขาไม่ประหม่าเลยเหรอ? แปลกประหลาดจัง”

จากนั้นจางซูฮวาน ชายร่างใหญ่ก็อุทานออกมา

“ว้าว โฮ่  ที่นี่ใหญ่มากเลยว่าไหม?! คุณไม่เป็นไรใช่ไหมครับคุณคังวู? ผมประหม่ามากเลย มันเป็นครั้งแรกของผมในกองถ่ายจริง ๆ ผมชักประหม่าแล้วสิ!”

แม้เสียงของเขาไม่ได้สุดเสียง แต่เสียงของเขาก็ดังมาก คังวูจินที่หน้าเรียบเฉยมองไปที่เขา พลางตอบในใจ

'คุณครับ ผมเองก็ประหม่าเหมือนกัน'

แต่ภายนอกเขายังคงเย็นชา

"ผมก็ประหม่าเหมือนกันครับ"

“เอ๊ะ? แต่คุณดูใจเย็นจังนะ??! อา! บางทีอาจจะแกล้งทำเป็นประหม่าเพื่อเห็นแก่ผม?”

หลังจากที่ฉันบอกว่าฉันประหม่า ไหงพวกเขาถึงตีความกันเองเล่า? แต่คังวูจินก็ยอมแพ้และไม่คิดที่จะอธิบาย เพราะการทำเช่นนี้มันจะทำให้เขาดูน่าเชื่อถือขึ้น

"เดี๋ยวก็ดีขึ้นเองแหละครับ"

"เข้าใจแล้วครับ! แต่ดูท่าผมคงต้องตั้งสติฮึดเอาอีกพักใหญ่เลย"

ซีอีโอชเวซองกุน ผู้ที่คุยโทรศัพท์อยู่ที่ไหนสักแห่ง โผล่มาพร้อมกับเสียงหัวเราะ

"เอาล่ะ ไปกันเลยเถอะ!"

ด้วยเหตุนี้ ทีมคังวูจินจึงเดินเข้าสตูดิโอขนาดใหญ่

ฉากสตูดิโอข้างในกว้างขวางกว่าที่เห็นจากภายนอกเสียอีก มันไม่เพียงแค่กว้างเท่านั้น แต่ยังดูน่าตื่นตาตื่นใจ มีฉากถ่ายทำที่แตกต่างกันจัดวางไว้ในแต่ละส่วน ทีมงานหลายสิบคนกำลังวุ่นวายอยู่กับฉากเหล่านี้

มีการติดตั้งกล้องและไฟอย่างพิถีพิถันรอบ ๆ พวกเขา

คังวูจินกำลังเพลิดเพลินไปกับโลกอีกมิติใบนี้ อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้มีเวลามากนัก เพราะ PDซงมันวูเข้ามาทันทีที่เขามาถึง อีกฝ่ายวางมือบนไหล่ของคังวูจินแล้วยิ้ม

“มาถึงแล้วเหรอครับ? คุณคังผู้มีสัญชาตญาณ”

"ครับ?"

“เปล่า ๆ แค่ล้อเล่นน่ะครับ”

ในไม่ช้า ทีมคังวูจินรวมถึงซีอีโอชเวซองกุนก็เข้าไปทักทายPDซงมันวู และPDซงมันวูก็สบตากับซีอีโอชเวซองกุน

“ซีอีโอชเวซองกุน คุณมาเร็วไปหน่อยไหมครับ? ในหมู่นักแสดง กลุ่มคุณเป็นกลุ่มแรกเลยเหรอเนี่ย?”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ก็คังวูจินของเรายังเป็นมือใหม่อยู่ไม่ใช่เหรอครับ? เขาย่อมต้องเข้ามาก่อนเป็นธรรมดา”

สายตาของPDซงมันวูเลื่อนไปที่คังวูจินที่ยังคงนิ่งเฉย

“ก็จริง แต่ถ้าเรียกว่ามือใหม่ อืม...? ผมว่าคงไม่ใช่มั้ง”

ในเวลาเดียวกัน ซีอีโอชเวซองกุนก็หัวเราะเห็นด้วย

"จริงครับ เขาเป็นมือใหม่ แต่ก็นั่นแหละ ดูยังไงเขาก็ไม่ใช่อีก”

จางซูฮวานและฮันแยจุง ซึ่งเพิ่งเข้าร่วมทีมคังวูจินต่างเอียงคอด้วยความสงสัย เพราะพวกเขายังไม่เคยร่วมงานกับคังวูจินเลย ไม่นานนัก PDซงมันวูก็พูดตรงไปยังหัวข้อหลัก

เขาเริ่มอธิบายให้กับคังวูจินฟัง ขณะที่กำลังแสดงสตอรี่บอร์ดการถ่ายทำ

“คุณคังวูจิน ประมาณครึ่งหนึ่งของตารางงานวันนี้เป็นของรองหัวหน้าพัค ดังนั้นโปรดจําไว้ให้ดีนะครับ”

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ การถ่ายทําของคังวูจินจะต้องถ่ายทำต่อไปอย่างต่อเนื่อง เพราะวันนี้สตอรี่บอร์ดการถ่ายทำของวันนี้มีฉากของ ‘ยูจีฮยอง’ และ ‘รองหัวหน้าพัค’ อยู่มาก

การถ่ายทำละคร ไม่สามารถถ่ายทำตามลำดับตั้งแต่ฉากที่ 1 ในบทละครไปจนถึงตอนจบได้

กองถ่ายต้องพิจารณาตามสถานการณ์ บทของนักแสดงและตารางงานของพวกเขา ทำให้พวกเขาจะต้องมีการวางแผนการถ่ายทำ และพวกเขาจะถ่ายทำแบบสุ่มไปตามแผนไปก่อน ส่วนการเรียงลำดับตอนการถ่ายทำ PDซงมันวูไว้ไปตัดต่อในขั้นสุดท้าย

ดังนั้น ทั้งฮงฮเยยอนและนักแสดงนำ กับนักแสดงสมทบคนอื่น ๆ จะไม่เข้าร่วมการถ่ายทำในวันนี้ ตามแผนที่วางไว้แล้ว พวกเขาจะเข้าร่วมการถ่ายทำตั้งแต่วันพรุ่งนี้

“เอาล่ะ คุณคังวูจินควรไปแต่งหน้าก่อนนะ และลองชุดด้วย สไตลิสต์ไปกับผมเพื่อเช็คชุดของรองหัวหน้าพัคโอเคไหม?”

"ได้ครับคุณPD"

ในเวลานั้น PDซงมันวู ซึ่งเพิ่งจะนึกถึงเรื่องแขกที่มาเยือนกองถ่ายอย่างลับ ๆ ก็ยังคงพูดต่อไปอีกว่า

“อาจจะมีเซอร์ไพรส์สำหรับคุณคังวูจินในวันนี้ด้วย ไม่สิ ผมแน่ใจเลยแหละว่ามันต้องเซอร์ไพรส์แน่”

เขาตบไหล่ของคังวูจิน

“เหมือนสุภาษิตรถเก่าไป รถหรูย่อมมาแทน ประมาณนั้นแหละมั้ง?”

แน่นอนว่าคังวูจินถามกลับอย่างสบาย ๆ

“หมายความว่ายังไงเหรอครับคุณPD?”

รอยยิ้มของ PDซงมันวูกว้างขึ้น

“ก็หมายความว่าเดี๋ยวจะมีรถหรูมาที่กองถ่ายน่ะครับ”

ไม่กี่สิบนาทีต่อมา

รถตู้สีดำคันใหญ่แล่นมาถึงลานจอดรถของสตูดิโอ รถตู้คันนั้นเป็นของรยูจองมิน นักแสดงนำของเรื่อง 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล' ขณะอยู่ภายในรถ รยูจองมินที่ไว้ผมดัดสั้นตามทรงของตัวละคร เขากำลังหลับตาพักผ่อนอยู่

“…”

เขายังไม่หลับ ดูเหมือนกำลังควบคุมจิตใจของเขา รวมถึงการควบคุมการหายใจของตัวเองด้วย ไม่นานนัก รยูจองมินนักแสดงชั้นนำผู้มีแต่เรื่องราวการแสดงอยู่ในหัวได้เปิดเปลือกตาที่หลับไว้ออกอย่างเชื่องช้า

ยิ่งไปกว่านั้น...

-พึบ พึบ

บทละครที่เขาถืออยู่ในมือนั้น ยับเยินจากการอ่านซ้ำไปมาหลายรอบ บนหน้ากระดาษเต็มไปด้วยโน้ต เป็นร่องรอยของการศึกษาบทบาทของเขาเอง การกระทำของเขากินเวลาไปกว่า 5 นาที

"พี่ครับ"

รยูจองมินเรียกผู้จัดการและทีมงานของเขา  เขาพร้อมที่จะไปที่กองถ่ายแล้ว

“ไปกันเถอะ”

วี้ด!

จากนั้นรยูจองมินและทีมงานอีกประมาณ 6 คน เดินไปยังกองถ่าย ใบหน้าของรยูจองมิน ดูจริงจัง

แม้ว่าเขาจะอยู่ในวงการนี้มานานกว่าทศวรรษแล้ว แต่วันนี้มันรู้สึกแตกต่างออกไป แววตาที่เด็ดเดี่ยวฉายแววออกมาจากร่างสูงของรยูจองมิน

ราวกับทหารที่กำลังจะออกไปรบ  มันเป็นการเปรียบเทียบที่ไม่ผิดเพี้ยนเลย

‘นานแค่ไหนแล้วนะที่ฉันรู้สึกแบบนี้’

รยูจองมินในวันนี้ พร้อมที่จะทุ่มเททุกอย่างให้กับการแสดง

‘ฉันไม่แน่ใจว่าฉันจะเอาชนะรองหัวหน้าพัคได้ไหม แต่ฉันไม่คิดที่จะแพ้หรอก’

อย่างน้อยเขาก็ต้องต่อสู้ให้สูสีกับ 'รองหัวหน้าพัค’ แม้ว่าเขาจะรู้สึกกดดันอย่างมากในระหว่างการอ่านบทละคร แต่ว่าวันนี้ รยูจองมินตั้งใจแน่วแน่ว่าจะไม่ให้เกิดขึ้นอีก

มันไม่ใช่แค่เพราะความภาคภูมิใจในฐานะนักแสดงชั้นนำเท่านั้น

‘ถ้าฉันโดนรองหัวหน้าพัคบดบังตั้งแต่แรก อารมณ์ ความรู้สึก ตลอดทุกสิ่งที่ทำมามันก็คงจะสูญเปล่าแน่’

แถมมันยังสำคัญสำหรับ 'ยูจีฮยอง' ตัวละครที่เขากำลังสวมบทบาทด้วย

นักแสดงที่เก่งจะรักษาอารมณ์ของตัวละครไว้ได้แม้ไม่ได้อยู่หน้ากล้อง และพวกเขายังจะต้องจับตาดูคู่ต่อสู้ของพวกเขาแม้จะอยู่หลังกล้อง สิ่งนี้จะช่วยสะท้อนเพิ่มฝีมือการแสดงให้เห็นในฉากการแสดง

ยิ่งเมื่อต้องเจอกับตัวละครที่คนแสดงเก่งกาจอย่างรองหัวหน้าพัค เขายิ่งต้องโฟกัสมากขึ้น

รยูจองมินวางแผนที่จะสังเกต เข้าใจ วิเคราะห์ และแยกแยะพฤติกรรมของรองหัวหน้าพัค ระหว่างการถ่ายทำ เพื่อที่จะแบ่งเส้นแบ่งระหว่างความจริงและการแสดง

ดังนั้นรยูจองมิน...

-ตึก ตึก

ทันทีที่เขาก้าวเข้ากองถ่าย เขาก็ทักทายทีมงานอย่างเป็นกันเอง และมองหาคังวูจินเป็นอันดับแรก เขาอยู่ที่ไหนกัน? ในตอนนี้คังวูจินคือศัตรูกับรยูจองมิน จากนั้นไม่นานนัก รยูจองมินก็พบคังวูจินอยู่ที่มุมสงบเล็ก ๆ มันเป็นโซนพักของนักแสดงที่ทีมงานจัดเตรียมไว้ให้

'เหมือนเดิมเลยนะ ผู้ชายคนนั้นดูมีบรรยากาศตึงเครียดตลอดเลย'

รยูจองมินประเมินสีหน้าเคร่งขรึมของคังวูจินแล้วจึงเดินเข้าไปทักทาย

“สวัสดีครับ”

เมื่อได้ยินคำทักทายของรยูจองมิน คังวูจินก็หันกลับมาทักทาย เขายืนขึ้นอย่างเฉยเมยและก้มศีรษะลง

"สวัสดีครับรุ่นพี่"

"...อ๋อ ครับ"

ถึงแม้จะเป็นรุ่นพี่จริง ๆ แต่คำว่า 'รุ่นพี่' นี้ได้ทำให้รยูจองมินรู้สึกแปลกใจมาก

'ฉันควรจะเก่งกว่านายก่อนสิ ถึงจะเหมาะสมกับคำว่ารุ่นพี่'

รยูจองมินนั่งลงข้าง ๆ คังวูจินแล้วเปิดบทละคร

"คังวูจิน คุณเป็นไงบ้างครับ?"

"ก็สบายดีครับ"

หรือเพราะเขาติดภาพจำอีกฝ่ายที่เป็นรองหัวหน้าพัค? รยูจองมินจึงเริ่มรู้สึกกังวลเกี่ยวกับทุกอย่างที่เป็นเรื่องของคังวูจิน

“‘สบายดี’ ที่ว่านี้แค่ไหนกันครับ?”

"ก็เหมือนเดิมครับ"

"อ๋อ เหมือนเดิมสินะครับ"

“ครับ”

ยิ่งมอง ยิ่งรู้สึกว่านักแสดงคนนี้ลึกลับมากขึ้น ทุกอย่างต่างเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ทั้งอดีตที่มืดมิด และความสามารถในการแสดงสุดยอดที่เขาฝึกฝนด้วยตัวเอง รยูจองมินลดสายตาลงมองบทละครอย่างเชื่องช้าแล้วคิดในใจ

คังวูจินเป็นนักแสดงที่น่าสนใจจริง ๆ

เขาเคยถ่ายเทคเสียบ้างไหมเนี่ย?  แล้วถ้าฉันเกิดทำเทคเสียเองล่ะ? หากเขาเล่นบทบาทอื่น ๆ มันจะเป็นยังไง? แล้ว...

'เขาจะแสดงยังไงกันนะกับการเล่นนอกบทของฉัน?'

รยูจองมินมีความมุ่งมั่นมากขึ้นเรื่อย ๆ เขาอยากรีบเข้าฉากและปะทะกับรองหัวหน้าพัคที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ด้วยการประลองจิตวิทยา เขารู้สึกใจร้อนและอยากลองยิ่ง

'อ๋อ จริงสิ การแสดงมันมีเรื่องสนุกแบบนี้อยู่ด้วย ฉันเกือบลืมไปหมดเลย คงเพราะคังวูจินสินะ'

หลังจากหลายปีผ่านไป ในที่สุดรยูจองมินก็กำลังสนุกกับการแสดงอย่างบ้าคลั่งอีกครั้ง

ในตอนนั้นเอง

“คุณรยูจองมิน! คุณคังวูจิน!”

ผู้ช่วยผู้กำกับเรียกชื่อนักแสดงทั้งสองคน

"คุณ PD อยากให้พวกคุณซ้อมบทครับ!!"

คังวูจินและรยูจองมินลุกขึ้นพร้อมกัน รยูจองมินเดินนำหน้าและหันไปมองคังวูจิน ก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ ให้

"วันนี้คงไม่ง่ายนะครับ"

คำพูดเมื่อครู่ของรยูจองมินนั้นพูดถึงการแสดง ซึ่งตอนนี้ คังวูจินผู้ยังคงมีใบหน้านิ่งเฉย แต่ภายในหัวกลับเต็มไปด้วยคำถาม

'หมอนี้กำลังพูดอะไรของเขาเนี่ย?'

แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็รู้สึกประทับใจในความสุขุมของพระเอกคนดังเหลือเกิน

‘ที่เขาพูดเมื่อกี้ มันเหมือนฉากหนึ่งในละครไม่มีผิดเลย'

ก่อนเริ่มการถ่ายทำ

การแต่งหน้าสำหรับนักแสดงนำอย่างคังวูจินและรยูจองมินเสร็จสิ้นแล้ว  ทีมงานได้จัดเตรียมกล้อง ไฟ และเสียงเรียบร้อย ในทันใดนั้นเอง ฉากถ่ายทำฉากแรกก็พร้อมสมบูรณ์แบบ ทีมงานหลายสิบคนที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณกองถ่ายต่างก็ทยอยถอยร่นออกไป เหมือนกับน้ำที่ลดลงหลังจากน้ำขึ้น

ในกองถ่าย PDซงมันวูได้นั่งอยู่ประจำตำแหน่งของตัวเอง

“······”

เขากำลังจ้องมองจอภาพอย่างตั้งใจ แม้ว่าการถ่ายทำจะยังไม่เริ่มขึ้น แต่สายตาของเขากำลังจับจ้องไปที่คังวูจินบนหน้าจอภาพ

“ด้วยการแต่งหน้าและเสริมเครื่องแต่งกาย มาดของเขสยิ่งดูขลังขึ้นไปอีกหลายเท่า”

คังวูจินในตอนนี้ ตั้งแต่หัวจรดเท้าได้กลายร่างเป็นรองหัวหน้าพัค กลายเป็นตัวละครของเขาอย่างสมบูรณ์ ด้วยทรงผมยุ่งเหยิง การแต่งหน้าโทรมเล็กน้อย สวมเสื้อฮู้ดและกางเกงยีนส์ธรรมดา ฯลฯ จนมันเหมือนตัวละครเป๊ะไม่มีผิด

ในขณะนั้นเอง ภายในหัวของเขาก็กำลังคิดว่า

‘ว้าว บรรยากาศที่นี่มันต่างไปจากตอนถ่ายทำ 'สำนักงานนักสืบ' ลิบลับเลย ทำฉันแทบจะคลั่งแล้วเนี่ย'

เขาไม่ค่อยรู้สึกสบายใจเท่าไร อาจเป็นเพราะสายตานับร้อยที่กำลังจับจ้องมาอย่างเข้มข้น แรงกดดันแตกต่างจากตอนถ่ายทำ  'สำนักงานนักสืบ' ได้โถมเข้าใส่คังวูจิน มันแปลกและและรุนแรงยิ่ง

“อ๊าก ฉันชักรู้สึกเหมือนจะคลื่นไส้หน่อย ๆ แล้วสิ”

แววตาบนใบหน้าของคังวูจินไม่ใช่มาจากตัวละคร แต่มันมาจากความรู้สึกของเขาเอง หัวใจของเขาเต้นแรงไม่หยุด ขนลุกขึ้นไปทั่วทั้งตัว อาการขนลุกยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

บรรยากาศที่กดดันในกองถ่าย มันหนักหน่วงอย่างเหลือเชื่อ

ราวกับว่าถูกบางอย่างกดทับ จิตวิญญาณของเขาไม่อาจรับได้กับบรรยากาศอันยิ่งใหญ่และจริงจังของฉากขนาดใหญ่แห่งนี้ รวมไปถึงสายตาที่จับจ้องมาจากทีมงานหลายสิบคน ยิ่งทำให้คังวูจินรู้สึกกดดัน อึดอัดจนแทบหายใจไม่ออก กล้องขนาดใหญ่ที่เขาไม่รู้จักพวกนั้นอีก มันยิ่งทำให้คังวูจินรู้สึกเหมือนเป็นอาชญากรตัวจริง

เมื่อไหร่เขาจะชินกับความรู้สึกแบบนี้กันนะ?

ไม่สิ เขาจะชินกับมันได้หรือเปล่า? ทันใดนั้น คังวูจินก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกชื่นชมรยูจองมินที่นั่งอยู่ด้วยความนิ่ง รยูจองมินนั่งอยู่ภายในฉากที่ออกแบบเหมือนห้องสอบสวน เขาเหมือนกับมืออาชีพตัวจริงไม่มีผิด

‘ส่วนฉันมันก็แค่พวกเลียนแบบมืออาชีพ’

คังวูจินยืนอยู่ข้าง ๆ ฉากสอบสวน เขาผลักความกลัวต่อบรรยากาศตึงเครียดออกไปอย่างแรง เขาเริ่มยอมรับความจริง แม้ภายนอกตัวเขาจะดูดโดดเด่น เหมือนการแสดงนั้นเป็นของจริง แต่มันเป็นของขวัญจากมิติว่างเปล่าเท่านั้น คังวูจินแค่ไปได้สัมผัสประสบการณ์ของตัวละคร มันไม่ใช่ฝีมือของเขาเลย

ฮึดเข้าไว้สิ มันเป็นฉากที่สร้างสรรค์โดยทีมงานมืออาชีพหลายสิบคนที่ทำงานอย่างหนักและทุ่มเทเลยนะ จะทำให้มันพังไม่ได้เด็ดขาด

ในตอนนั้นเอง

แกร๊ง!

ทีมงานได้ใส่กุญแจมือให้กับคังวูจิน

ฉากแรกของการถ่ายทำ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'’ วันนี้คือเรื่องราวหลังจากที่รองหัวหน้าพัคสารภาพผิดเอง หลังจากการปรากฏตัวอันบ้าคลั่งของเขา โลกกลับตาลปัตร ข่าว บทความ ผู้คน ทุกคนต่างมุ่งความสนใจไปที่เหตุการณ์นี้

การสารภาพผิดของฆาตกรต่อเนื่องที่คดียังไม่คลี่คลาย และอาชญากรตัวจริงที่ซ่อนอยู่

ดังนั้น ตำรวจและอัยการจึงผลักดันตัวเองอย่างสุดความสามารถ ทั้งประเทศกำลังเฝ้าดู และศูนย์กลางของเรื่องราวทั้งหมดนี้คือ 'ยูจีฮยอง' นักวิเคราะห์อาชญากรรม เขาวิเคราะห์อดีตและร่องรอยของรองหัวหน้าพัคอย่างละเอียดจนถึงปัจจุบัน และฉากนี้เป็นการพบกันครั้งที่สองระหว่างยูจีฮยองและรองหัวหน้าพัค

ดังนั้นมันจึงเป็นธรรมดาที่คังวูจินจะต้องใส่กุญแจมือ

ซึ่งคังวูจิน...

“······”

ใช้กุญแจมือเป็นตัวกระตุ้น ทันทีที่โลหะเย็น ๆ สัมผัสข้อมือของเขา เขาก็ดึงเอารองหัวหน้าพัคที่ฝังอยู่ภายในตัวเองออกมา

ทุกอย่างได้เริ่มต้นขึ้นมาด้วยอารมณ์อันไม่พึงประสงค์

อารมณ์ของรองหัวหน้าพัคที่ถูกสลักโดยมิติว่างเปล่าพัฒนาเป็นความรู้สึก ซึ่งความรู้สึกเหล่านั้นได้ปลุกอารมณ์และเหตุผลของเขาขึ้นมา ในไม่ช้า บรรยากาศของคังวูจินก็เปลี่ยนไป ดวงตาสีดำดูมืดมิด ลึกลับ น่าหวาดหวั่น

เขากลายเป็นรองหัวหน้าพัคโดยสมบูรณ์

ในเวลาเดียวกัน

กึก

นักแสดงประกอบชายที่รับบทเป็นนักสืบได้เดินเข้ามายืนข้าง ๆ รองหัวหน้าพัคที่ถูกใส่กุญแจมือ รองหัวหน้าพัคมองมาที่เขา นักสืบตัวประกอบผงะไปเล็กน้อย มันน่ากลัวมากเพราะใบหน้าของเขาดูไร้อารมณ์ยิ่ง

ในตอนนั้นเอง

ปั๊ก

ทีมงานที่ตะโกนหมายเลขฉากด้านหน้ากล้องหลักได้ตบสเลทแล้ว

“เริ่ม”

เสียงตะโกนผ่านเครื่องขยายเสียงของ PDซงมันวูผู้มีเคราแพะดังขึ้น

"แอคชั่น!!”

ซึ่งหมายความว่าการถ่ายทำของ 'ผู้เชี่ยวชาญด้านนิติจิตวิทยาเสเพล'‘ ได้เริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว จากนั้นกล้องจับภาพไปที่ยูจีฮยอง เจ้าของผมดัดสั้น ๆ ภายในห้องสอบสวน แฟ้มเอกสารกองโตวางอยู่บนโต๊ะเบื้องหน้า ยูจีฮยองขยี้ตาเบา ๆ ด้วยท่าทางเหนื่อยอ่อน

“อา... คดีนี้มันใหญ่เกินไปแล้ว ไหงฉันต้องมารับผิดชอบคดีกันเนี่ย”

เขาบ่นตามปกติ จากนั้นประตูห้องสอบสวนที่ค่อนข้างมืดก็เปิดออก นักสืบคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมรองหัวหน้าพัค นักสืบนั่งลง ส่วนรองหัวหน้าพัคซึ่งยังคงสวมกุญแจมือนั่งอยู่ตรงข้ามกับยูจีฮยอง

ยูจีฮยองถอนหายใจเบา ๆ แล้วมองไปยังรองหัวหน้าพัค

รองหัวหน้าพัคของวันนี้ยังคงดูเฉยเมย ไร้แววตลกเหมือนตอนเจอกันครั้งแรก จะอธิบายสิ่งนี้ว่ายังไงดี? มันรู้สึกเหมือนไม่มีสีสันบนใบหน้าของเขาเลย นั่นแหละคือ รองหัวหน้าพัค

“······”

เขาจ้องมองยูจีฮยองอย่างตั้งใจด้วยสายตาอันลึกซึ้ง จากนั้นเขาก็เอียงศีรษะเล็กน้อย แต่ปากของเขายังคงปิดสนิท ไม่มีสิ่งใดอยู่ในสายตาของเขา มันว่างเปล่าแต่ไม่มืดมัว มันเบลอ ๆ แต่ก็ชัดเจนเช่นกัน แววตาคู่นั้นถูกบันทึกอย่างชัดเจนผ่านภาพระยะประชิดโดยกล้อง

ต่อไปเป็นตาของยูจีฮยอง

“เฮ้อ-”

เมื่อเห็นบุคคลแปลกประหลาดตรงหน้า ยูจีฮยองก็เอามือเกาผมดัดสั้น ๆ ของตัวเองราวกับเบื่อหน่าย

“แค่มองหน้าคุณ มันก็ทำให้ผมเหนื่อยจะตายแล้ว”

เขาลงมือไปแล้ว เขาต้องแสดงจุดอ่อนให้รองหัวหน้าพัคเห็น เพราะมันชัดเจนว่ารองหัวหน้าพัคไม่ใช่คู่ต่อสู้ธรรมดา ดังนั้นเขาจึงต้องวางกับดักให้ประมาทก่อน การที่คนร้ายพลาดท่าล้วนมาจากความหยิ่งยโสที่โดนความประมาทเข้าทั้งนั้น เอาล่ะ เริ่มจากตรงนั้นก่อนแล้วกัน

ยูจีฮยองถอนหายใจอีกครั้ง

“คุณไม่คิดเหรอว่าเรื่องมันบานปลายไปมากเลยเหรอ?”

“······”

รองหัวหน้าพัคยังคงมองยูจีฮยองย่างใจเย็น ไม่ออกอาการเปลี่ยนแปลงใดเป็นพิเศษบนใบหน้า ทว่า เขารู้ดีว่ายูจีฮยองคิดอะไรอยู่ พยายามคิดจะผ่อนคลายบรรยากาศสินะ? อืม คงเคยผ่านคดีมานับไม่ถ้วนสินะ

แต่ฉันน่ะไม่เหมือนกับพวกที่มีดีแค่เปลือกหรอก

ลองคิดเรื่องฉันสิ คิดอีกครั้ง วิเคราะห์ และแยกตัวฉันออกจากกัน ยิ่งแกทำมากเท่าไร แกก็จะยิ่งติดอยู่ในวังวนมากเท่านั้น รองหัวหน้าพัครู้สึกสนุกกับสถานการณ์นี้มาก เขามีความสุขเมื่อทุกคน รวมถึงยูจีฮยองกำลังเคลื่อนไหวตามที่เขาคาดหวัง ในใจเต็มไปด้วยความปิติยินดียิ่ง

พวกแกเป็นเพียงหุ่นเชิดของฉัน

อากาศอับ ๆ ภายในห้องสอบสวนได้ทำให้ผิวหนังของรองหัวหน้าพัครู้สึกคัน แม้ว่าจะเป็นห้องมืดทึบ แต่สำหรับรองหัวหน้าพัคแล้ว มันคือสนามเด็กเล่น กระทั่งฝุ่นละอองเล็ก ๆ ที่ฟุ้งกระจายในแสงไฟ ก็เหมือนกำลังโลดเต้นอย่างสนุกสนาน

จากนั้น รองหัวหน้าพัคก็ก้มมองข้อมือของเขา ขั้นแรกต้องถอดกุญแจมือออกก่อน

“ช่วยคลายหน่อยได้ไหม? มันรู้สึกเจ็บน่ะ”

นักสืบที่ยืนอยู่ตรงประตูผงะไป แต่ยูจีฮยองยักไหล่เฉยเมย

"อืม ก็ได้ ช่วยเอามันออกให้ที”

อย่างไรก็ตาม หลังจากมองไปที่รองหัวหน้าพัคที่ไร้ความรู้สึกแล้ว นักสืบก็กระซิบบอกยูจีฮยองไปว่า

“มันอาจจะอันตรายนะครับ ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปเถอะครับ”

- กึก

ทันใดนั้น รองหัวหน้าพัคก็ลุกขึ้นยืนและดันมือทั้งสองข้างไปด้านหน้ายูจีฮยอง ตอนนั้นเองที่รอยยิ้มได้เผยออกมา

"คุณกลัวเหรอ?"

ยูจีฮยองก็หัวเราะเช่นกัน

"ไม่เป็นไร ปลดมันออกเถอะ"

ในไม่ช้า นักสืบก็ปลดกุญแจมือให้รองหัวหน้าพัคด้วยสีหน้าไม่เต็มใจ เสียงหัวเราะของรองหัวหน้าพัคจึงดังขึ้น

"หลุดเสียที"

จากนั้นเขาก็ยืดเส้นยืดสายอย่างสบายตัว มันเป็นการกระทำโดยเจตนา เขาเพียงแกล้งทำเป็นเหนื่อย เพื่อให้ทุกอย่างมันเป็นไปตามแผน ไม่นานนัก รองหัวหน้าพัคได้หยุดเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันพร้อมเอ่ยถามยูจีฮยอง

"คุณเหนื่อยงั้นเหรอ?"

"ทำไมถึงคิดอย่างงั้นล่ะ?"

“ก็คุณดื่มกาแฟหมดก่อนที่ผมจะมา และมันมีกลิ่นเหมือนบุหรี่เหม็นอับด้วย มันเป็นกลิ่นที่จะออกมาต่อเมื่อคุณสูบบุหรี่ทั้งคืนเท่านั้น คุณคงจะสูบมันไปขณะที่สืบสวนคดีของผมสินะ”

"ผมแพ้สินะเนี่ย"

ณ จุดนี้เอง รองหัวหน้าพัคก็ลุกขึ้นยืนอย่างกระทันหัน เขายกริมฝีปากขึ้นอีกเล็กน้อย มันเป็นรอยยิ้มที่เหมือนได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี

"แล้วผมจะช่วยอะไรคุณได้บ้างงั้นเหคอรับ?"

"ก่อนอื่น ขอคุยกันสักหน่อยแล้วกัน มันเกี่ยวกับเรื่องทั่วไปน่ะครับ"

"ได้สิครับ"

"อืม เอ่อ เรื่องคำแก้ตัวที่คุณพูดไปก่อนหน้านี้..."

“ว่าแต่คุณทานอาหารเช้าหรือยัง? ผมอยากกินแฮมเบอร์เกอร์จัง”

“โอ้ พอดีผมไม่ชอบอาหารจานด่วน แต่ตอนนี้คุณจะกินแฮมเบอร์เกอร์ได้นะ”

"ผมชอบแฮมเบอร์เกอร์กุ้ง ส่วนเนื้อและไก่รสชาติมันไม่ค่อยโอเค"

ยามนั้นเอง ยูจีฮยองก็ถามอะไรบางอย่างขึ้นมา เพื่อเบี่ยงเบนทิศทางการสนทนา

"คุณมีน้องสาว เธอฆ่าตัวตายสินะครับ"

เป็นครั้งแรกที่รอยยิ้มของรองหัวหน้าพัคสั่นไหวเล็กน้อย ในไม่ช้า ความเย็นเยือกก็วิ่งลงสันหลังของรยูจองมิน ผู้ทำกำลังแสดงเป็นยูจีฮยอง นี่ไม่ใช่ความรู้สึกของการแสดง แต่มันเหมือนเป็นความจริงเลย

“······”

ทั้งหมดเป็นเพราะแววตาอันดำทึมนของรองหัวหน้าพัคที่กำลังมองดูเขาอย่างเงียบเชียบ พร้อมกับรอยยิ้มบาง ๆ มันดูว่างเปล่าอย่างน่าขนลุก

"ใช่ ผมมีน้องสาว"

มันเป็นแววตาที่สงบเงียบและน่าสยดสยองอย่างประหลาด

*****

ติดตามผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay , ลงแบบราคาถูกแค่ในMy-NovelและThai-novelเท่านั้น หากอ่านที่อื่นรบกวนมาสนับสนุนทีนะครับ หรือจะมากดไลก์แฟนเพจก็ได้ กระซิก กระซิก ;-;

5 2 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด