บทที่ 139 ดูแลสุนัขข้างกายเจ้าให้ดี
ก่อนเฉิงเป้ยเป้ยจะทันได้เอ่ยห้าม องครักษ์ประจำตัวคนนั้นของนาง ก็ชักกระบี่พุ่งแทงออกไปหาหยางเสี่ยวเทียนทันที
ไม่มีใครคาดคิดว่าองครักษ์รอบกายเฉิงเป้ยเป้ย จะกระทำการอันไร้ซึ่งความเมตตากับหยางเสี่ยวเทียน ผู้เป็นถึงแขกคนสำคัญของเจ้าเมืองเช่นกัน
ซึ่งการกระทำนี้ ถือเป็นการลงมือโดยไม่รักษาเกียรติ ในพื้นที่ของเจ้าเมืองเลยแม้แต่น้อย
เมื่อเห็นว่ามีศัตรูกำลังจะทำอันตรายต่อนายน้อยด้วยกระบี่ในมือของเขา ทันใดนั้น จางจิงหรงที่ยืนนิ่งอยู่ข้างหยางเสี่ยวเทียนโดยตลอด จึงชักกระบี่ออกมาเหวี่ยงหาคนไร้มารยาทเบื้องหน้า ก่อนทันใกล้ถึงตัวหยางเสี่ยวเทียน ทิ้งไว้เพียงเสียงตัดอากาศดังเสียดหู
เวลาเดียวกัน เสียงกรีดร้องที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดก็ดังลั่น พร้อมแขนขององครักษ์ที่กำด้ามกระบี่นั้น ร่วงหลนลงพื้นหลังถูกตัดจนขาดสะบั้น
ระหว่างที่เสียงร้องยังไม่ทันเหือดหาย จางจิงหรงก็พลันเตะเข้าที่ท้องน้อยขององครักษ์ จนร่างนั้นลอยละลิ่วออกไปเกือบสามสิบฉื่อ ก่อนจะร่อนไปกระแทกที่ประตูจวนเจ้าเมือง
ปัง!
เลือดที่พุ่งกระฉูดออกจากแขนข้างที่ขาด สาดกระเซ็นเปื้อนประตูจวนเจ้าเมืองเสินเจี้ยนจนแดงฉาน อย่างน่าสยดสยองต่อสายตาผู้คนในงาน
การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันต่อหน้าต่อตา ทำเอาผู้คนจำนวนมากนั้นพลันสะดุ้งด้วยความตกใจ พร้อมกับรู้สึกหวาดกลัวต่อสตรีคนเมื่อครู่นัก
“ขั้นราชันยุทธ์ ระดับสอง!” หูซิงจับจ้องไปยังร่างอรชรของจางจิงหรง หญิงงามผู้ยืนอยู่ข้างกายหยางเสี่ยวเทียนด้วยความประหลาดใจ
สตรีผู้งดงามหมดจดนางนี้ ซึ่งอยู่ถัดจากหยางเสี่ยวเทียนเป็นผู้ติดตามของเขาอย่างนั้นหรือ ไฉนกลายเป็นวิญญาจารย์ขั้นราชันยุทธ์ระดับสอง ที่เก่งกาจแลมีสัมผัสรับรู้ได้เร็วถึงเพียงนี้
เฉกเช่นเดียวกับเขา ผู้เป็นวิญญาจารย์ขั้นราชันยุทธ์ระดับสอง แต่มั่นใจว่าคงมิอาจเคลื่อนไหวเช่นนางได้แน่
แต่หยางเสี่ยวเทียน มาจากหมู่บ้านสกุลหยางมิใช่หรอกหรือ
ซึ่งผู้แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านสกุลหยาง คือหยางหมิงที่เป็นเพียงวิญญาจารย์ขั้นเซียนสวรรค์ระดับห้า แล้วหยางเสี่ยวเทียนทำไมจึงมีวิญญาจารย์ขั้นราชันยุทธ์เป็นผู้ติดตามข้างกายได้
เขาสามารถชักชวนผู้ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ ให้มาเป็นผู้ติดตามได้อย่างไร
มันเป็นเรื่องยากนัก ที่จะชักชวนผู้แข็งแกร่งในขั้นราชันยุทธ์ให้มาเป็นผู้ติดตาม แม้แต่เจ้าเมืองเซินเจี้ยนก็ยังยากจะมีเช่นนี้ได้
ยามนี้ ใบหน้างามของเฉิงเป้ยเป้ยก็ถูกประดับด้วยความตกใจเช่นกัน
ขณะองค์หญิงสี่ยังคงตกอยู่ในภวังค์ จางจิงหรงได้ชี้กระบี่ในมือเรียวงามของนางไปยังเฉิงเป้ยเป้ย และกล่าวน้ำเสียงเย็นชา “ดูแลสุนัขข้างกายเจ้าให้ดี หากยังกล้าคิดกระทำการต่ำช้ากับนายน้อยของข้าอีกครั้ง ต่อให้เป็นองค์หญิงข้าก็ไม่ละเว้น!”
ลูกเตะของจางจิงหรงเมื่อครู่ โดนตันเถียนองครักษ์นางเข้าเต็มแรง แม้นตันเถียนของเขาจะไม่ถูกทำลาย แต่ก็เกือบจะแตกสลายภายใต้แรงเตะนั้น
“เจ้ากล้าดียังไงถึงพูดกับข้าเช่นนี้!” เฉิงเป้ยเป้ยชี้นิ้วไปยังจางจิงหรงด้วยความโมโห ขณะร่างเล็กนั้นเริ่มสั่นเทา
“บังอาจนัก!” กลุ่มทหารองครักษ์ที่อยู่เบื้องหลังเฉิงเป้ยเป้ย ต่างพากันชักกระบี่ออกมาด้วยความโกรธ พร้อมกำลังจะโผเข้าหา
“หยุดนะ!” เสียงตะโกนดังออกมา น้ำเสียงไม่กระแทกหรือโกรธแค้น แต่กลับฟังแล้วทรงพลังยิ่งนัก
ด้วยความวุ่นวายที่เกิดขึ้นหน้าจวนเจ้าเมือง ทำเอาเผิงจื้อกังต้องออกมาปรามด้วยตนเอง
ก่อนเผิงจื้อกังจะปรี่ออกมา เขายังรู้ด้วยว่าองครักษ์ของเฉิงเป้ยเป้ย เป็นผู้เริ่มลงมือกับหยางเสี่ยวเทียนก่อน แม้นที่นี่จะเป็นถึงจวนเจ้าเมือง แต่องครักษ์คนนั้นกลับกล้ากระทำการอันเลวทราม โดยไม่ไว้หน้าเขาผู้เป็นเจ้าเมืองสักนิด
เหตุการณ์เช่นนี้ ทำเอาใบหน้าของเผิงจื้อกังถึงกับเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมด้วยบันดาลโทสะยิ่งนัก
วันนี้ เป็นงานเฉลิมฉลองเนื่องด้วยวันเกิดของเขา แต่องครักษ์ของเฉิงเป้ยเป้ยกลับกล้าใช้อำนาจบาตรใหญ่ สร้างความวุ่นวายหน้าประตูจวนเจ้าเมือง การกระทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้น หยางเสี่ยวเทียนผู้นี้ ยังเป็นแขกคนสำคัญ ที่เขาอุตส่าห์ลงมือเขียนคำเชิญด้วยตัวเอง
บรรดาเหล่าองครักษ์ของเฉิงเป้ยเป้ยที่ยืนอยู่ล้อมรอบต่างผงะอยู่ครู่ เมื่อเห็นเผิงจื้อกังมาถึง แม้จะแค้นใจนักแต่กลับทำอะไรไม่ได้ พวกเขาจำต้องเก็บกระบี่เข้าฝักในทันที
พอเฉิงเป้ยเป้ยเห็นการมาของเผิงจื้อกัง นางก็พลันเปิดปากฟ้องด้วยความโมโหเป็นที่สุด “เจ้าเมืองเผิง ท่านมาได้ทันเวลาพอดี ผู้ติดตามหญิงคนนั้น ที่อยู่ข้างกายหยางเสี่ยวเทียน โจมตีองครักษ์ของข้าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส อีกทั้งยังข่มขู่ข้าอีกด้วย”
นางสูดหายใจ แล้วกล่าวต่อ “รบกวนท่านเจ้าเมืองจัดการกับสตรีที่อยู่ข้างกายหยางเสี่ยวเทียนให้ข้า จับนางเข้าคุกรอจนรุ่งสางแล้วค่อยประหารนางเสีย!”
เผิงจื้อกังที่ไม่มีความพอใจในการกระทำนั้นอยู่แล้ว แต่เขากลับไม่คิดเลยว่าเฉิงเป้ยเป้ยจะกล้าเปิดปากกล่าวหาผู้อื่นอย่างหน้ามิอาย ทั้งที่ความผิดทั้งหมดนั้น เริ่มจากองครักษ์ของนางแท้ๆ
ทว่าเฉิงเป้ยเป้ยก็เป็นถึงองค์หญิงแห่งอาณาจักรเสินไห่ เผิงจื้อกังจึงทำได้เพียงสงบความโกรธพร้อมกล่าวอย่างใจเย็นออกไป
“องค์หญิง คุณชายหยางเป็นแขกคนสำคัญที่กระหม่อมเชิญมาในวันนี้ แต่องครักษ์รอบกายท่าน กลับจะกระทำการลอบสังหารคุณชายหยางยังหน้าประตูจวนของกระหม่อม ยิ่งไปกว่านั้นการกระทำเช่นนี้ ถือเป็นการไม่ไว้หน้ากระหม่อมเลยแม้แต่น้อย”
วาจาเช่นนั้นของเผิงจื้อกัง ทำเอาเฉิงเป้ยเป้ยถึงกับยืนตะลึงลานกล่าวสิ่งใดไม่ออก ครั้นหูซิงเห็นเหตุการณ์นี้ จึงรีบยกมือประสานกำหมัดแน่นแล้วพลางยิ้มให้กับเผิงจื้อกัง
“ท่านเจ้าเมืองเผิง เหล่าองครักษ์องค์หญิง เพียงบันดาลโทสะด้วยรู้ว่าองค์หญิงได้รับบาดเจ็บจาก หยางเสี่ยวเทียนไม่กี่วันก่อน”
“ด้วยเหตุฉะนี้ พวกเขาจึงบุ่มบ่ามกระทำการด้วยความโกรธ เป็นการกระทำโดยไม่ทันยั้งคิด องค์หญิงและข้าจึงต้องขออภัยท่านเจ้าเมืองเผิงเป็นอย่างยิ่ง หวังว่าท่านเจ้าเมืองจะไม่ถือโทษโกรธเคือง” หูซิงรีบยกมือประสานกับหมัดแน่นขณะกล่าว
“ทันทีที่เรากลับไปแล้ว องค์หญิงจะลงโทษองครักษ์คนนั้นผู้กระทำการอุกอาจอย่างรุนแรง เพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ท่านอย่างแน่นอน” หูซิงกล่าวเสริม
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของเผิงจื้อกังก็ดูดีขึ้น เขาหันกลับไปทางหยางเสี่ยวเทียน แล้วยกมือประสานกำหมัดแน่นพลางกล่าวว่า
“คุณชายหยาง ท่านได้รับบาดเจ็บหรือไม่ ข้าไม่หวังว่าเรื่องเช่นนี้จะเกิดขึ้น ข้าต้องขออภัยจริงๆ”