ตอนที่แล้วบทที่ 137 คำเชิญจากเจ้าเมือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 139 ดูแลสุนัขข้างกายเจ้าให้ดี

บทที่ 138 คนคุ้นเคย


ภารกิจที่หยางเสี่ยวเทียนได้มอบหมายให้พวกเขาทั้งห้า ยามนี้สำเร็จเป็นไปตามต้องการ และพวกเขากลับมาพร้อมกับทาสจำนวนมากที่อยู่ในขั้นนักยุทธ์ระดับสิบทุกคน

ซึ่งภาพรวมนั้นนับว่าดีทีเดียว ด้วยทาสที่ทั้งห้านำกลับมาในครานี้ ล้วนมีคุณภาพสูงกว่าที่ผ่านมาอย่างเห็นได้ชัด

ขณะเขากวาดสายตามองทาสทั้งห้าสิบสามคนเบื้องหน้า หยางเสี่ยวเทียนก็แสดงรอยยิ้มพร้อมพยักหน้าด้วยความพึงพอใจเป็นที่สุด แล้วกล่าวกับเลี่ยวคุนและจางจิงหรงว่า

“พวกเจ้าทำได้ดีมาก”

เลี่ยวคุนและอีกสี่คนรู้สึกโล่งใจเป็นอย่างมาก ต่างหันซ้ายแลขวาความมองหน้ากันด้วยรอยยิ้ม แม้งานแรกที่เขาได้รับมอบหมายจากหยางเสี่ยวเทียน จะเป็นงานที่มิได้ยุ่งยากอะไรนัก แต่เมื่อเห็นเขาประทับใจเช่นนี้ พวกเขาก็ยินดียิ่ง

“นายน้อยกล่าวชมเกินไปแล้ว” เลี่ยวคุนกล่าวด้วยรอยยิ้มพลางยกมือประสานกำหมัดแน่น

“นี่คือสิ่งที่เราควรทำ หากนายน้อยยังต้องการทาสขั้นนักยุทธ์ระดับสิบมากกว่านี้ พวกเราสามารถเดินทางไปยังเมืองห่างไกลเพื่อหาซื้อมาได้อีก หรือไม่ก็ไปยังเมืองหลวงเสินไห่” เขากล่าวเสริม

เมืองหลวงเสินไห่งั้นหรือ?

ชื่อเมืองที่เลี่ยวคุนกล่าวมาเมื่อครู่ ทำเอาหัวใจของหยางเสี่ยวเทียนสั่นไหวไปชั่วครู่

หากเขามีเวลามากกว่านี้ หยางเสี่ยวเทียนเองก็อยากจะไปเยี่ยมชมเมืองหลวงเสินไห่กับพวกเขาด้วยอยู่บ้าง

อีกทั่งเขายังต้องการไปเยี่ยมเยียนหลี่เหวิน ปรมาจารย์อาวุโสของสมาคมนักปรุงโอสถแห่งอาณาจักรเสินไห่

ซึ่งปรมาจารย์หลี่เหวิน เคยมอบป้ายหยกประจำตัวให้หยางเสี่ยวเทียนมาก่อนหน้านี้

“ไว้คราวหน้าแล้วกัน” หยางเสี่ยวเทียนกล่าว จากนั้นจึงมอบยาพิษควบคุมให้ทาสใหม่ทั้งห้าสิบสามคนกลืน แล้วให้พวกเขาเหล่านั้นเริ่มบ่มเพาะ

อย่างไรก็ตาม ตอนนี้หยางเสี่ยวเทียนไม่มีโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์เหลือแม้แต่ขวดเดียว ดังนั้นเขาจึงให้ทั้งห้าสิบสามคนเริ่มบ่มเพาะพลังเองไปพลางก่อน

จากนั้น หยางเสี่ยวเทียนจึงปล่อยให้อัตคอยดูแลทาสใหม่ทั้งห้าสิบสามคน แล้วค่อยมารายงานความคืบหน้าอื่นๆ อีกครั้ง หลังเขากลับจากงานเลี้ยงคืนนี้

“คืนนี้ ข้าต้องไปงานเฉลิมฉลองที่จวนเจ้าเมืองเสินเจี้ยน ดังนั้นจึงอยากให้พวกเจ้าติดตามไปด้วย พวกเจ้าทั้งสองสนใจหรือไม่” เขาหันไปกล่าวกับเลี่ยวคุนและจางจิงหรง

หากมีครั้งใดก็ตาม ที่ต้องเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองใหญ่เช่นนี้ เขาควรต้องนำผู้ติดตามมาด้วยสองคน เพื่อคอยถือของและดูแลเรื่องอื่นๆ อยู่เสมอ

นอกจากหลัวชิงแล้ว สองคนที่มีพลังรองจากเขาก็คือเลี่ยวคุนและจางจิงหรง ซึ่งคนหนึ่งอยู่ในขั้นราชันยุทธ์ระดับสาม ส่วนอีกคนอยู่ในขั้นราชันยุทธ์ระดับสอง นับว่าพอแบ่งเบาหลัวชิงในช่วงเวลาสำคัญเขาได้

เลี่ยวคุนและจางจิงหรง ต่างมีสีหน้าเบิกบานสำราญยิ่ง เมื่อทั้งคู่ได้ยินว่า หยางเสี่ยวเทียนกำลังจะพาพวกเขาไปร่วมงานเฉลิมฉลองของท่านเจ้าเมือง

ไม่นานจากนั้น หยางเสี่ยวเทียนก็ให้ทั้งสองคนเตรียมตัวก่อนออกเดินทางภายในครึ่งชั่วยาม

ระหว่างยังเหลือเวลาอีกครึ่งชั่วยามนั้น หยางเสี่ยวเทียนจึงใช้เวลาที่เหลือนี้ หลอมโอสถสร้างฐานวิญญาณระดับสวรรค์ฆ่าเวลารองานเลี้ยงเริ่ม

พอครึ่งชั่วยามต่อมา เมื่อทั้งสามคนเตรียมตัวพร้อมแล้ว ก็พากันย่างเท้าออกจากจวนไปในทันที

ซึ่งจวนเจ้าเมืองอยู่มิไกลนัก เพียงไม่นานทั้งสามก็บรรลุถึง

ทันทีที่พวกเขาใกล้ถึงจวนเจ้าเมือง ไฟจากตะเกียงก็ถูกจุดสว่างไสวขึ้น พร้อมเหล่าบรรดารถม้าหรูหราของตระกูลต่างๆ ลากเข้ามาจอดเทียบหน้าจวนไม่หยุดหย่อน ซึ่งบางคันก็ถูกลากโดยสัตว์วิญญาณหายาก ที่บ่งบอกถึงฐานะอันสูงส่งประจำตระกูลด้วยซ้ำ

เมื่อเทียบกับแขกเหล่านี้ที่มาถึงด้วยรถม้าหรูหราแล้ว หยางเสี่ยวเทียนและอีกสองคนที่มาถึงโดยการเดินเท้า จึงพานให้พวกเขารู้สึกราวกับยาจกเล็กน้อย

ดูท่าแล้ว สักวันหนึ่งข้าคงต้องมีรถม้าหรูหรา ติดจวนไว้บ้างสักคันแล้วกระมัง หยางเสี่ยวเทียน คิดอยู่ในหัวเงียบๆ

ขณะที่หยางเสี่ยวเทียนกำลังจะเข้าไปในจวนเจ้าเมือง จู่ๆ ก็พลันได้ยินเสียงตะโกนดังจากเหล่าองครักษ์ประจำตัวคนคุ้นเคยเบื้องหลัง

“องค์หญิงสี่เสด็จ”

ครั้นหยางเสี่ยวเทียนเหลือบไปมอง เขาก็เห็นรถม้าหรูหราคันหนึ่ง อาจเรียกได้ว่าหรูหราที่สุดในงาน เคลื่อนเข้ามาพร้อมกับองครักษ์กลุ่มใหญ่รายล้อมอยู่รอบข้าง

เมื่อประตูรถม้าถูกเปิดออก องค์หญิงสี่เฉิงเป้ยเป้ยก็เดินลงมา

นอกจากเฉิงเป้ยเป้ยแล้ว ผู้ที่ลงมาจากรถม้ายังมีหูซิงด้วยอีกคนหนึ่ง

หยางเสี่ยวเทียนไม่คิดมาก่อนว่าเจ้าเมืองเผิงจื้อกัง จะเชิญเฉิงเป้ยเป้ยและหูซิงมาร่วมงานเฉลิมฉลองในครั้งนี้ด้วย

ทันทีที่เฉิงเป้ยเป้ยลงจากรถม้า แล้วพลันเหลือบเห็นใบหน้าคนคุ้นเคยผู้หนึ่ง นั่นมิใช่ใครอื่นแต่เป็นหยางเสี่ยวเทียน ที่พานให้ดวงตานางลุกโชนราวกับไฟอันร้อนระอุด้วยความเจ็บแค้น

“เป็นเจ้าเองรึ!”

หูซิงที่ได้ยินนามนี้ สีหน้าแลท่าทางเขาก็เริ่มแสดงถึงความไม่พอใจเช่นกัน เมื่อประสบเห็นหยางเสี่ยวเทียนยืนอยู่เบื้องหน้า

หยางเสี่ยวเทียนเพิกเฉยต่อคนทั้งสอง แล้วหันหน้านำเลี่ยวคุนกับจางจิงหรง เดินเข้าไปในจวนเจ้าเมืองทันที

เฉิงเป้ยเป้ยช้อนดวงตาคู่งามจับจ้องแผ่นหลังของหยางเสี่ยวเทียนขณะกัดฟันกล่าวว่า “หยางเสี่ยวเทียน คอยดูเถอะ ข้าจะทำให้เจ้าได้สำนึก ว่าการเตะองค์หญิงนั้นผลจะเป็นอย่างไร!”

ไม่กี่วันที่ผ่านมา หลังจากที่นางถูกหยางเสี่ยวเทียนเตะร่างกระเด็น นางได้กลับมาตั้งใจฝึกฝนตนเองอย่างหนัก โดยใช้ทรัพยากรจำนวนมากของราชวงศ์ที่มีเพียงพอ จนที่สุด นางก็สามารถทะลวงเข้าสู่ขั้นเซียนสวรรค์สำเร็จวานนี้

เหตุผลที่นางตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักมิใช่อื่นใด แต่เพื่อแก้แค้นลูกเตะของหยางเสี่ยวเทียน เพียงคนเดียวเท่านั้น

ยิ่งกว่านั้น นางเป็นถึงองค์หญิงผู้สง่างามของอาณาจักรหนึ่ง แต่กลับถูกคนซื่อบื้อเช่นหยางเสี่ยวเทียนเตะลอยออกไปอย่างไม่เกรงกลัว ความโอหังเช่นนี้ ทำนางแค้นใจเป็นที่สุด

และนางยังสาบานกับตนเองว่าสักวันหนึ่ง จะสับหยางเสี่ยวเทียนให้เป็นหมื่นๆ ชิ้น เพื่อแก้แค้นให้สาสมกับที่เขากล้าเตะนาง ผู้ที่เป็นถึงองค์หญิงของอาณาจักร

“องค์หญิง เด็กน้อยผู้นี้น่ะหรือที่ทำร้ายท่านวันก่อน เช่นนั้น ข้าจะสอนบทเรียนให้เขาได้รู้ที่สูงที่ต่ำตอนนี้เอง!” องครักษ์ที่อยู่ข้างหลังเฉิงเป้ยเป้ย ก้าวไปข้างหน้าขณะกล่าวด้วยความโกรธ ซึ่งองครักษ์ผู้นี้อยู่ในขั้นเซียนสวรรค์ระดับสิบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด