ตอนที่ 89: จ้าวปิศาจค่อนข้างอ่อนแอ!
ชายแดนของประเทศอู๋เซิ่ง.
ตงหวงจื่อโหยว ได้นำกองทัพเป่ยเสวียนเทียนหลายล้านคน เข้าต่อสู้กับกองทัพของอาณาจักรอู๋เซิ่งที่นำโดยอู๋หงแล้ว.
การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้อู๋หงและคนของอาณาจักรอู๋เซิ่ง เข้าใจอย่างแท้จริงว่าจักรพรรดินิเสวียนปิงนั้นทรงพลังและอหังการมาก.
ด้วยการมีตงหวงจื่อโหยวเป็นผู้นำ.
รอบ ๆ ตัวของนางภายในรัศมีหนึ่งลี้ แทบไม่มีใครสามารถเข้าใกล้ได้เลย.
พลังของกฎอมตะที่ลึกลับยังคงหมุนวนอยู่รอบ ๆ ตัวนาง
เมื่อนางเปิดการโจมตีออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลังที่รุนแรงบ้าคลั่งได้ผลักดันทำลายทุกอย่างด้านหน้าไปทั้งหมด.
สิ่งหนึ่งที่ทำให้อู๋หงและคนอื่น ๆ ตกใจ พวกเขาพบว่ากระบวนท่าของตงหวงจื่อโหยวนั้นมีพลังปิศาจแฝงอยู่ด้วย.
“ผู้ฝึกตนเซียนปิศาจ จักรพรรดินิเสวียนปิงช่างเป็นอสุรกายจริง ๆ!”
“พรสวรรค์ของสตรีผู้นี้หาได้ยากยิ่งในโลก การต่อสู้ครั้งนี้แย่แล้ว!”
อู๋หงและแม่ทัพปิศาจคนอื่น ๆ ต่างก็ทอดถอนหายใจยาว.
เนื่องจากตงหวงจื่อโหยวที่เป็นคนเปิดทาง ทำให้นักรบของนางสามารถเคลื่อนที่ไปด้านหน้าได้อย่างราบรื่น.
ในเวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง กองทัพของนางก็เคลื่อนที่อยู่ห่างจากเมืองหลวงอาณาจักรอู๋เซิ่งเพียงสามร้อยลี้เท่านั้น.
ยิ่งสถานการณ์เสียเปรียบขึ้นทุกขณะ อู๋หงที่หันหน้ากลับไปมองเมืองหลวงด้วยท่าทางกระวนกระวายใจ.
“เหตุใดฝ่าบาทยังไม่ปรากฏอีก?”
จักรพรรดินิเสวียนปิงคือยอดฝีมือขอบเขตจักรพรรดิ ความแข็งแกร่งของนางนั้นเหนือกว่าพวกเขามาก.
แม้นว่าพวกเขาจะสกัดกั้นกองทัพเสวียนปิงได้ แต่พวกเขาจะขัดขวางจักรพรรดินิเสวียนปิงได้อย่างไร.
ในอาณาจักรอู่เซิ่งแห่งนี้ คงมีเพียงแค่จ้าวปิศาจอู๋เซิ่งเท่านั้นที่จะรับมือนางได้.
อย่างไรก็ตาม จ้าวปิศาจอู๋เซิ่งไม่ได้แจ้งแผนการให้กับอู๋หงรู้ทั้งหมด ว่าอีกฝ่ายต้องการทำอะไร ทำให้อู๋หงทำได้แค่รอคอยอย่างกระวนกระวาย เวลานี้หัวใจเต้นไปมาไม่เป็นจังหวะแล้ว.
ปัง
ตงหวงจื่อโหยว ถือกระบี่ฟีนิกซ์น้ำแข็ง ทุกครั้งที่ฟันออกไป พื้นที่สิบลี้ต้องสั่นสะเทือน.
เมื่อเห็นพลังของตงหวงจื่อโหยว อู่หงที่กวาดตามองสนามรบ ก่อนที่จะตัดสินใจส่งคนเข้าไปยังตำหนักปิศาจเพื่อขอการสนับสนุนจากจ้าวปิศาจอู๋เซิ่ง.
อย่างไรก็ตามความตั้งใจของอู๋หงนั้นกับอยู่ในการเฝ้ามองของตงหวงจื่อโหยว ทำให้นางรุกหนักเพิ่มขึ้นไปอีกขั้น.
“เวลานี้ กองทัพของอาณาจักรอู๋เซิ่งเกินจะต้านแล้ว จ้าวปิศาจอู๋เซิ่งควรจะปรากฏตัวได้แล้ว.”
“เป็นไปได้ว่าเขายังไม่ปรากฏตัว เพราะมีเรื่องอื่น หรือประสบปัญหา....”
ตงหวงจื่อโหยว เงยหน้าขึ้นและมองไปที่ทิศทางพระราชวังอู๋เซิ่ง.
นางคาดการว่าหากว่า ยังคงก้าวหน้าเช่นนี้ น่าจะใช้เวลาราว ๆ หนึ่งก้านธูป.
กล่าวได้ว่านางได้ควบคุมกระแสสงครามได้อย่างหมดจดแล้ว.
ทว่าเพื่อให้สามารถยึดครองอาณาจักรอู๋เซิ่งได้ ก็ต้องจับกษัตริย์ก่อน เมื่อสามารถจัดการกับจ้าวปิศาจอู๋เซิ่งได้ อาณาจักรแห่งนี้ก็ถือว่าล่มสลาย.
หลังจากนั้นนางก็พุ่งออกไป ตรงไปหาอู๋หงทันที.
ซึ่งแน่นอนว่ามันเป็นทิศทางที่มุ่งสู่เมืองหลวงอาณาจักรอู๋เซิ่งด้วย.
เมื่ออู๋หงเห็นสิ่งที่เกิดขึ้น ดวงตาของเขาก็สั่นไหวร่างกายสั่นเทา: "จักรพรรดินีเสวียนปิงกำลังพยายามบุกไปยังวังหลวงปิศาจเพียงลำพังหรือไม่? "
ตูมมมม!
พริบตานั้น แสงสีฟ้าก็พุ่งทะลวงร่างของเขาแล้ว.
กระบี่ฟินิกซ์น้ำแข็งของจักรพรรดินิตงหวงจื่อโหยวได้เสียบหลังของอู๋หงเรียบร้อยแล้ว.
“แย่แล้ว กระบี่ของจักรพรรดินิเสวียนปิงทรงพลังมาก ข้ามองไม่เห็นนางการลงมือของนางเลย!”
“จักรพรรดินิเสวียนปิงโหดเหี้ยมมาก พวกเราไม่อาจเข้าใกล้นางนี้ได้เลย นางน่ากลัวเกินไปแล้ว!”
“แย่แล้ว ผู้นำทัพตายแล้ว เวลานี้เป็นปัญหาใหญ่แล้ว!”
การโจมตีของตงหวงจื่อโหยวได้ทำให้กองทัพของอาณาจักรอู๋เซิ่งระส่ำระส่าย.
ในเวลานี้ ทหารหลายล้านคนของอาณาจักรอู๋เซิ่งเต็มไปด้วยความโศกเศร้า.
-
พระราชวังปีศาจอาณาจักรอู๋เซิ่ง
จิงอู๋หยาจ้องมองไปที่หลินซวนครู่หนึ่ง ดวงตาของเขาสั่นไหวไปมาทันที: "เจ้าคือบุรุษของจักรพรรดินีเสวียนปิง!"
ชื่อของจักรพรรดินีเสวียนปิงนั้นเหมือนฟ้าร้อง ทุกคนรู้ดีว่าบุรุษของนางเองต้องไม่ใช่คนธรรมดาแน่.
บุรุษที่อยู่ด้านหน้านั้นช่างโดดเด่นราวกับอมตะจุติบนผืนโลก.
คงมีเพียงตงหวงจื่อโหยวที่ถือว่ามีความงามอันดับหนึ่งของแดนอมตะเก้าสวรรค์ที่เคียงคู่อีกฝ่ายได้.
เมื่อรวมสองเหตุการณ์เมื่อคืนนี้เข้ากับสิ่งที่หลินซวนเอ่ย.
จิงอู๋หยา มั่นใจ 90% และสรุปว่า หลินซวน เป็นสามีของจักรพรรดินีเสวียนปิง.
เมื่อจอมอาคมและขุนพลปิศาจได้ยินเรื่องนี้ พวกเขาต่างก็มองหลินซวนด้วยความประหลาดใจเช่นกัน.
ปรากฎว่าบุรุษของจักรพรรดินีเสวียนปิงเป็นเช่นนี้ และเขามีรูปลักษณ์ที่ไม่ธรรมดาจริง ๆ!
มุมปากของหลินซวน โค้งงอเล็กน้อย: "เจ้าเดาถูกแล้ว"
จิงอู๋หยา ถอนหายใจด้วยอารมณ์: "ข้าเดามานานแล้วว่าบุรุษของจักรพรรดินีเสวียนปิงไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา และตอนนี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะมีพลังมากกว่าที่ข้าคิด"
ประตูอาคมของแดนปีศาจสวรรค์สามารถเปิดได้โดย รวมพลังของจอมอาคมที่สะสมพลังมากว่าหมื่นปี.
นี่คือค่ายกลกาลอวกาศที่ซับซ้อนทรงพลังอย่างยิ่ง.
อย่างไรก็ตาม หลินซวนกลับสามารถเดินออกจากประตูอาคมได้โดยไม่มีใครสังเกตเห็น
นี่แสดงให้เห็นว่า หลินซวน ไม่เพียงแต่มีพลังบ่มเพาะที่สูงส่ง ทว่ายังเชี่ยวชาญค่ายกลปิศาจอีกด้วย.
หากไม่เอ่ยเกินจริง จิงอู๋หยาเชื่อว่าหลินซวนนั้นคือผู้ฝึกตนเซียนปิศาจที่มากสวรรค์อย่างยิ่ง.
“เจ้าหมายถึงว่าข้าเพิ่งเดินออกมาจากประตูอาคมได้อย่างไรงั้นรึ?” หลินซวน ยิ้มอย่างสนุกสนาน "อันที่จริง ค่ายกลแบบนี้ไม่ได้มีอะไรดีเลย"
เมื่อเขาเข้าไปในวังปิศาจ เขาก็ค้นพบว่า กาลอากาศรอบ ๆ เปลี่ยนไป.
หลังจากตรวจสอบอย่างรอบคอบแล้ว เขาก็ค้นพบว่านี่เป็นค่ายกลกาล-อวกาศที่แข็งแกร่งมากในหมู่ปีศาจ... ประตูอาคม.
ด้วยการครอบครองตำราค่ายกลสิบทิศ เขาก็สามารถค้นหาข้อบกพร่องของประตูอาคมได้อย่างง่ายดายและเข้าไป แล้วเดินออกมา.
จอมอาคมทั้งสี่รู้สึกอับอายเป็นอย่างมากเมื่อได้ยินคำพูดดังกล่าว: "จักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียน เจ้าพูดเกินไปแล้ว! ไม่เห็นพวกเราอยู่ในสาย ... "
“เจ้าต้องการพูดอะไรอย่างงั้นรึ?”หลินซวนที่โจมตีออกไปทันที ริ้วแสงกระบี่ส่องสว่าง ฟันร่างจอมอาคมทั้งสี่ล่วงหล่นลงขาดเป็นสองท่อนไปในทันที.
เห็นภาพฉากดังกล่าว
ไม่เพียงแต่จิงอู๋หยาที่ตื่นตะลึง! กระทั่งขุนพลปิศาจชั้นยอดทั้งสามพันคนก็อดไม่ได้ที่ต้องอุทานออกมา.
“จอมอาคมทั้งสี่ล้วนแต่อยู่ในขอบเขตจ้าววิญญาณสูงสุด ทว่าจักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียนสังหารง่าย ๆ แบบนี้เลย ร้ายกาจไปแล้ว!”
“เป็นขอบเขตจักรพรรดิที่ทรงพลังมาก!”
พวกเขายังรู้สึกว่าหลินซวนยังเผยพลังออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น.
พวกเขาไม่กล้าลังเลอีกต่อมา ขุนพลปิศาจทั้งสามพันก็โจมตีออกมาพร้อมกับ สร้างค่ายกลสังหารขนาดใหญ่เพื่อจัดการหลินซวนทันที.
“แส่หาความตาย!”
ดวงตาของหลินซวนที่เป็นประกายแสงสีทอง ทันใดนั้นเพลิงศักดิ์สิทธิ์หนานหมิงก็ลุกไหม้ลามออกไปทันที.
ซูมม! ซูมมม!
เพลิงที่น่าสะพรึงกลัวสองดวงลุกท่วมทั่วทั้งวังปิศาจทันที.
คลื่นความร้อนที่กวาดผ่านไปรอบ ๆ ทันที.
ดูเหมือนว่าขุนพลปิศาจทั้งสามพันจะจมอยู่ในทะเลเพลิงเสียแล้ว.
เสียงกรีดร้องดังกังวาน เปลวเพลิงที่น่าพรั่นพรึงเผาไหม้พวกเขาไปอย่างรวดเร็ว.
“เนตรทองคำเพลิงศักดิ์สิทธิ์!”จิงอู๋หยาที่กำหมัดแน่นด้วยความตกใจ.
เขารู้สึกอีกครั้งว่าเขายังประเมินหลินซวนต่ำไป
ในขณะนี้ เขาหวังที่จะบดขยี้หลินซวน ด้วยทักษะที่แข็งแกร่งมากที่สุดทันที.
“ดาบไร้กำเนิด!”
จิงอู๋หยา กระตุ้นแก่นแท้ในร่างกายของเขาอย่างรวดเร็ว และใช้พลังอาคมที่แข็งแกร่งที่สุดของเขาเต็มกำลัง
ซูมมม!จุดแสงสีดำหลายพันล้านจุดปรากฏขึ้นในอากาศทันที
เมื่อ จิงอู๋หยา ยกมือขึ้น เขาก็ดึงดูดจุดแสงทั้งหมดเหล่านั้นเอามาไว้ในฝ่ามือของเขา
หลังจากนั้น ดาบยักษ์สีดำโปร่งใสก็พุ่งออกมาจากฝ่ามือของเขา
แสงสีดำที่เต็มไปด้วยภูตผีหลอกหลอนผสานเข้ากัน ทำให้ดาบเล่มนี้ราวกับว่าไม่ใช่สิ่งของโลกนี้อีกต่อไป.
“ข้าจะม่ยอมให้ขุนพลปิศาจทั้งสามพันของข้าโดดเดี่ยวอีกต่อไป ข้าจะส่งเจ้าไปพร้อมกับพวกเขา!”
ดาบไร้กำเนิดของจิงอู๋หยาที่อาบไปด้วยพลังอาคมที่น่าเกรงขาม.
มันมีพลังแห่งกฏที่สามารถตัดกฎแห่งชีวิตและความตายได้ ดังนั้นมันจึงถูกเรียกว่าดาบไร้กำเนิด.
เขามั่นใจว่าเขาสามารถเปลี่ยนความพ่ายแพ้ให้เป็นชัยชนะได้โดยกระบวนท่าที่ทรงพลังที่สุดของเขา.
ปัง
ดาบไร้กำเนิดของเขาที่ตัดพลังชีวิตของหลินซวน.
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะสัมผัสร่างกายของหลินซวน มันกลับถูกพลังลึกลับทำลายไปจนหมดสิ้น
“อา นี่มัน! เกิดอะไรขึ้น?” จิงอู๋หยาตกใจมาก
เป็นอาคมป้องกันร่างกายแบบไหนที่สามารถป้องกับดาบที่ตัดพลังแห่งกฎได้?
ไม่มีเวลาให้จิงอู๋หยาได้คิดแม้แต่น้อย.
สิ่งหนึ่งที่บอกได้ หลินซวนคืออุปสรรคที่เขาไม่อาจผ่านไปได้ในวันนี้.
มันจบแล้ว!
หลินซวน กล่าวดูแคลน: "มีแค่นี้รึ? จ้าวปีศาจอ่อนแอสักเล็กน้อย!"
ก่อนที่เขาจะเอ่ยจบ กระบี่ยาวในมือของเขาก็เคลื่อนไหว.
เมื่อรู้สึกถึงเจตนาสังหารของหลินซวนที่ล็อคเป้ามายังเขา หัวใจของจิงอู่หยาก็สั่นไปมาอย่างรุนแรง ก่อนที่จะตะโกนลั่น
“จักรพรรดิเป่ยเสวียนเทียน ข้ามีเรื่องจะเอ่ย ข้าเป็นสมาชิกของพันธมิตรเต๋าปิศาจ หากว่าไว้ชีวิตข้า ...”
ปัง!
หลินซวนแทงคอเขาด้วยกระบี่!
หลินซวนจ้องมองจิงอู๋หยา ที่ถูกแทงพร้อมเอ่ยอย่างเย็นชาดูถูก“เจ้าสำคัญตัวเองผิดไปแล้ว!”
ด้วยการสะบัดข้อมือ เขาก็ดึงกระบี่ออกมา
จิงอู๋หยา จ้าวปิศาจอู่เซิ่งก็ล่วงหล่น ตกตายไปอย่างสมบูรณ์.