ตอนที่แล้วตอนที่ 5
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7

ตอนที่ 6


ตอนที่ 6



“เจ้าเป็นถึงคนที่โตกว่า แต่กลับมีความคิดรังแกผู้เยาว์รึ  ?” เต๋าซุนส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้ และมองดูจงหวินแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม “แต่ก็ตกลง ข้าเห็นด้วยกับข้อเสนอของเจ้า  ”

เขาสามารถเข้าใจสิ่งที่อีกฝ่ายกำลังคิดได้ พ่อของเขานั้นเป็นรองหัวหน้านิกาย และหากทำเขาแพ้ได้มันก็ย่อมทำให้พ่อเขาเสียหน้าเช่นกัน

“ข้าจะบอกเกี่ยวกับวิชาระดับ 1 แก่พวกเจ้า” จงหวิน กล่าวอย่างสงบ: “ในหนึ่งก้านธูป พวกเจ้าสองคนใครสามารถแตกฉานวิชาและเชี่ยวชาญได้มากกว่า คนนั้นก็ถือเป็นผู้ชนะ ”

“ตามนั้น ข้าไม่มีข้อโต้แย้ง” เต๋าซุน และ หลิวเหมยทั้งคู่ก็พยักหน้า

จงหวินก็หยิบวิชาระดับหนึ่งออกมา วิชานี้มีชื่อว่า   "วิชาดาบนางแอ่นทะยาน"

 ดวงตาของหลิวเหมยก็ส่องประกายเมื่อได้ยินชื่อวิชา

 ในความเป็นจริง นางได้ฝึกฝนวิชาต่อสู้หนึ่งมาตั้งแต่เริ่มฝึกฝนร่างกายและเข้าสู่ระดับ 1 เมื่อครึ่งปีก่อนแล้ว

ก่อนหน้านี้ไม่ ในที่สุดนางก็ฝึกฝนวิชานี้จนถึงระดับ   "ละเอียดอ่อน" แล้ว

ในทวีปA วิชาต่อสู้นั้นจะถูกแบ่งออกเป็นสี่ขั้น  ละเอียดอ่อน ลึกลับ ข้ามแดน และสมบูรณ์แบบ

และวิชาที่หลิวเหมยฝึกสำเร็จจนถึงขั้นละเอียดอ่อนนี้ก็คือ  "วิชาดาบนางแอ่นทะยาน"

จงหวินยิ้มอย่างคลุมเครือให้หลิวเหมย และพูดว่า: "ถ้าพวกเจ้าไม่มีข้อโต้แย้งใด งั้นก็มาเริ่มกันเถอะ "

 “ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาถึงก้านธูป ข้าขอเริ่มแสดงเลย” เต๋าซุนส่ายหัว และเริ่มแสดงวิชาระดับ 1 นี้

“มีใครให้ข้ายืมดาบได้บ้าง” เขากล่าวกับเหล่าศิษย์ที่กำลังเฝ้ามองอย่างตื่นเต้น

ด้วยเสียง "ชิ้ง" ดาบยาวก็ถูกดึงออกมาจากฝัก เต๋าซุนจับดาบไว้และเริ่มร่ายรำไปในอากาศทันที

ในขณะที่ทุกคนกำลังแปลกใจ ความรู้สึกลึกล้ำก็ประกายผ่านสายตาของพวกเขา และดาบยาวก็ระเบิดพลังที่ยาวกว่าหนึ่งเมตรออกไป

ทุกคนรู้สึกราวกับว่ามีนกนางแอ่นโผบินกำลังส่งเสียงร้องเข้ามาในหูของพวกเขา และพลังดาบที่อยู่ตรงหน้าก็กลายเป็นนกนางแอ่นบินออกไปในอากาศ

 อากาศถูกแยกออกเป็นเส้นสีขาว จากนั้นนกนางแอ่นก็บินลับหายไป

 เต๋าซุนก็คืนดาบให้กับศิษย์คนนั้น จากนั้นก็หันไปหาหลิวเหมยและยิ้มให้อย่างราบเรียบ  "ถึงตาเจ้าแล้ว"

บรรยากาศรอบๆตกอยู่ในความเงียบงันครู่หนึ่ง จากนั้นก็มีคนอุทานออกมา

“นั่นมัน….. แก่นแท้แห่งวิชาไม่ใช่รึ เป็นไปได้ไหมว่าเขาฝึกฝนวิชาดาบนางแอ่นทะยานถึงขั้นสมบูรณ์แบบแล้ว ”

ทุกคนต่างก็ตกตะลึง  มีเพียงวิชาขั้นสมบูรณ์แบบเท่านั้นที่สามารถแสดงแก่นแท้ของวิชาต่อสู้ได้

หลิวเหมยก็มองไปที่เต๋าซุน และพูดอะไรไม่ออกอยู่พักหนึ่ง  "เจ้าฝึกวิชาได้ถึงขั้นสมบูรณ์เช่นนี้ แล้วข้าจะชนะเจ้าได้ยังไง "

“ถ้าเจ้าคิดว่าเวลาหนึ่งก้านธูปน้อยไป งั้นข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งวันก็ได้ ตราบใดที่เจ้าสามารถเข้าใจวิชานี้ได้มากกว่าข้า ก็ถือว่าเจ้าชนะไป ” เต๋าซุน ยิ้มและพูดกับ จงหวิน ที่กำลังตกตะลึง: “เป็นเช่นไร ไม่ทราบว่าพี่จงหวินคิดเห็นอย่างไรบ้าง   ?”

“เอ่ออ” จงหวินรีบกลับมามีสติอีกครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม “ก็ถือว่ายอดเยี่ยม แต่สำหรับข้า ข้าคิดว่าการแข่งขันนี้ควรมีจุดประสงค์ที่การฝึกมากกว่า เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นทุกคนย่อมจะได้รับประโยชน์ ส่วนผลลัพธ์ไม่ค่อยสำคัญนัก ”

“ไร้สาระ หากผลลัพธ์ไม่สำคัญ การแข่งขันนี้จะมีความหมายอะไร” เต๋าซุนไม่เมตตาอีกต่อไป เขาส่ายหัวและถอนหายใจออกมา   “ศิษย์พี่จง ช่างน่าประหลาดนักที่เจ้าเป็นศิษย์ของผู้อาวุโสใหญ่ได้ แม้แต่แก่นแท้ของการฝึกวิชา ท่านก็ยังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ”

"ข้าไม่รู้เลยว่าเป็นเพราะความโง่เขลาของเจ้า หรือเป็นเพราะวิธีการสอนของผู้อาวุโสใหญ่กันแน่ที่อ่อนด้อย "

“ท่านอาจารย์เพียงแค่เป็นศิษย์เท่านั้น แต่การฝึกฝนล้วนขึ้นอยู่กับข้าเอง  ” จงหวินตอบอย่างเย็นชา “ศิษย์น้องเต๋า หากเจ้าข้องใจสิ่งใดก็พูดมาเถอะ  อย่าได้กล่าวดูหมิ่นท่านอาจารย์ของข้าเลย ”

"ข้าไม่มีอะไรจะถามเจ้าหรอก" เต๋าซุน ส่ายหัวและยิ้ม: "ว่าแต่…ลูกเสือฟ้ามืดสองตัว พวกเจ้าจะส่งมาให้ข้าเมื่อใดรึ "

จงหวินเงียบไปครู่หนึ่งและมองไปที่หลิวเหมย

เสือฟ้ามืดนั้นเป็นสัตว์จักรพรรดิและแม้แต่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เองก็ยังมีอยู่ไม่มากนัก สำหรับลูกของเสือฟ้ามืดแล้ว ผู้อาวุโสใหญ่ได้วางแผนมอบพวกมันให้กับใครบางคนที่โปรดปรานแล้ว

 ดังนั้น จงหวินจึงไม่กล้าตัดสินใจด้วยตัวเองเกี่ยวกับเรื่องนี้

“ถ้าทำไม่ได้ก็พูดมา  ข้าเองก็หาได้ใส่ใจอะไร” เต๋าซุนตอบด้วยรอยยิ้มจางๆ “มีคนแต่ไม่มีเงินเช่นนี้ก็อย่าได้หาเดิมพันอีกเชียว ไม่เช่นนั้นนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ของเราคงต้องเสียหน้าแล้ว”

เมื่อเทียบกับยุคที่รุ่งเรืองของจักรพรรดิเจิ้นหวู่ในตอนนั้น แม้ว่าเราจะไม่อาจไปถึงความรุ่งโรจน์เช่นเดียวกับท่านบรรพบุรุษได้ แต่ได้โปรดอย่าทำให้นิกายของเราต้องอับอายเลย ! "

“พวกเจ้าจงสำนึกไว้ให้ดีซะ หากเจ้าไม่มีปัญญาจ่ายก็อย่าได้หาเดิมพันอีก มันสิ้นเปลืองเวลาและความพยายามของผู้อื่นเห็นหรือไม่” เจ้าปลาน้อยกล่าวช่วยเหลือ “จักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่เคยกล่าวไว้ว่าเวลาคือชีวิต และการสิ้นเปลืองเวลาก็เท่ากับการสิ้นเปลืองชีวิต ”

“เจ้าไม่จำเป็นต้องมาวิพากษ์วิจารณ์ข้า ข้ายอมรับความพ่ายแพ้ และข้าไม่มีวันผิดคำพูดเด็ดขาด ”หลิวเหมยตอบด้วยสีหน้าแดงก่ำ นางตะโกนออกมาจากนั้นก็หันหลังวิ่งจากไป

“พี่ซุน พวกเราไม่ได้ทำเกินไปใช่หรือไม่?” เจ้าปลาน้อยก็กระตุกแขนเสื้อเต๋าซุนเพิ่มถามขณะที่มองไปยังหลิวเหมยที่วิ่งหนีจากไป

 “ทำเกินไปรึ?” เต๋าซุนส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม

 ประการแรก เขาไม่ได้ตั้งใจจะสร้างปัญหาให้ใครอยู่แล้ว แต่หลิวเหมยกลับริเริ่มยั่วยุเขาต่อหน้าสาธารณะก่อนเอง

 ประการที่สอง หลิวเหมยนั้นได้เรียนรู้ "วิชาดาบนางแอ่นทะยาน" มาก่อนอยู่แล้ว แต่จงหวินก็จงใจนำมันออกมาแข่งขัน นี่ไม่ใช่ว่าวิธีสกปรกหรือรึ   ?

 ประการที่สาม ข้านั้นคือตัวร้าย ต่อให้ข้าจะฆ่าล้างตระกูลเจ้าแล้วอย่างไร ข้าต้องสนใจรึ   ?

จงหวินมองดูเต๋าซุนอย่างลึกซึ้ง จากนั้นก็หันหลังจากไป

  …………

“กลั่นแกล้งเด็กผู้หญิงคนหนึ่งเช่นนี้ ช่างเป็นเรื่องน่าอายนัก” ในเวลานี้เอง เสียงที่ไม่ลงรอยก็ดังออกมาจากฝูงชน

เสียงนี้เบามากเนื่องจากมีศิษย์หลายคนมารวมกันที่นี่ และแม้แต่เต๋าซุนก็ฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของใคร

“ใครกันที่มัวแต่แอบพูดลับหลังผู้อื่นเช่นนี้” เจ้าปลาน้อยก็ถามออกมา ดวงตาของเขาเบิกกว้างจ้องไปยังเหล่ารุ่นเยาว์

 ชายหนุ่มหลายคนก็หันไปมองกัน เจ้ามองข้า ข้ามองเจ้า จากนั้นพวกเขาก็ส่ายหัวพร้อมกัน

“สำหรับข้าแล้ว พวกนินทาลับหลังนั้นเป็นพวกที่น่ารังเกียจที่สุด หากมีเรื่องขับข้องใจก็จงพูดออกมาต่อหน้าซะ เพราะแม้แต่อิสตรีก็ไม่ทำเช่นนี้” เต๋าซุนเดินไปข้างหน้าพร้อมกับหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดกับทุกคนว่า “ข้ารู้  พวกเจ้าบางคนรู้ว่านั่นเป็นเสียงของใคร…..”

" เอางี้เป็นไง ถ้าใครสามารถบอกได้ว่าผู้ที่พูดเมื่อครู่เป็นใคร  ข้าจะให้เจ้าเป็นคนของข้า "

คนของข้า? เอ๊ะ เหตุใดมันถึงได้ฟังดูประหลาดพิกลนัก ?

 " หมายถึง เจ้าจะเป็นผู้ติดตามของข้า    "

ทันทีที่ เต๋าซุน พูดจบ เขาก็เห็นมีคนยกมือข้างหนึ่งขึ้น

  “พี่ซุน ข้าขอรายงานขอรับ เขาคนนั้นเป็นคนพูดไร้สาระขอรับ  ”

“ใช่ เจ้านั่นแหละเป็นคนพูด ข้าได้ยินชัดเจนเลย ”

“ใช่ ข้ารู้จักเขาดี ข้าสาบานเลยว่าข้ามักเห็นเขาวิจารณ์ท่านอยู่เป็นประจำเลย”

ในเวลานี้เหล่ารุ่นเยาว์ที่อยู่รอบๆก็ตื่นเต้นเป็นอย่างมาก และแต่ละคนก็ราวกับกลายเป็นนักสืบตัวน้อยไปซะอย่างนั้น

 แต่ถึงเช่นนั้น หัวหอกเหล่านี้ก็ยังชี้ไปยังศิษย์ที่สวมชุดคลุมขาวอย่างพร้อมเพรียง

ชายหนุ่มที่ถูกชี้ตอนนี้ก็เต็มไปด้วยความสับสน…. ข้าพูดเพียงไม่กี่คำเองไม่ใช่รึ เหตุใดเจ้าพวกนี้มันถึงได้รู้กัน

ไม่คิดเลยว่าจะเกิดเรื่องชิบหายเช่นนี้ขึ้น!

เพื่อที่จะเป็นลูกน้องของเต๋าซุนแล้ว ไอ่เจ้าพวกนี้มันไม่ละอายแม้แต่น้อยที่จะเป็นสุนัขเลียแข้งขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด