ตอนที่แล้วตอนที่ 45
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 47

ตอนที่ 46


ตอนที่ 46

“ตั้งแต่นี้ไปเจ้าอยู่ข้างซือถูหยุนเหม่ยไว้ ” เต๋าซุนกล่าว

ชิลีชางคง พยักหน้าและถามว่า "ท่านต้องการมอบกองกำลังของท่านให้กับเด็กหญิงตัวเล็กๆเช่นนี้จริงรึ  ?"

เต๋าซุนยิ้ม หากความทรงจำของเขาถูกต้อง ซือถูหยุนเหม่ยนั้นสมควรไม่ธรรมดา

 ในชีวิตก่อน นางใช้เวลาเพียงไม่กี่สิบปีเท่านั้นเพื่อกระจายหอการค้าซือถูไปทั่วทวีปตะวันออกไกล และกลายเป็นหนึ่งในมหาอำนาจ

ถ้าซือถูหยุนเหม่ยไม่มีความสามารถจริงๆ เต๋าซุนก็คงไม่ใช้ความพยายามอย่างมากเพื่อทำให้อีกฝ่ายอยู่ใต้บัญชาของเขาอย่างเต็มใจเช่นนี้แน่นอน

“ในอีกสองปี หากนางสามารถขยายอิทธิพลไปทั่วเขตตะวันตกได้ ถึงตอนนั้นเจ้าก็จะเชื่อในความสามารถของนางเอง” เต๋าซุน กล่าว

“จะเกิดอะไรขึ้นหากผ่านไปสองปีแล้วไม่เป็นเช่นนั้น  ?” ชิลีชางคงถาม

“ถ้าไร้ค่าแล้วจะมีชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร  ?” เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม

ชิลีชางคงเงียบไปครู่หนึ่ง คิดในใจ: "ช่างเลือดเย็นจริงๆ!"

  …………

 หลังจากจัดการเรื่องในเมืองโจวชูเสร็จ เต๋าซุนกับพรรคพวกก็ตัดสินใจจากไป ไม่ว่ายังไงภารกิจที่รับพวกเขารับมาจากนิกายก็ยังไม่เสร็จ !

หลายคนกำลังขี่ม้า มองดูท้องฟ้าสีคราม เมฆขาว ภูเขาสีเขียวชอุ่ม และม้าทะเลทรายที่บินเหาะไปไกลๆ

มีนกกระพือปีกบินโฉบอยู่เหนือหัว และสายลมก็พัดเอาใบไม้แห้งหมุนวนไปมาในอากาศ

ด้วยแสงแดดที่แผดเผาบนท้องฟ้า หลายคนที่กำลังขี่ม้าอยู่บนถนนก็ราวกับรู้สึกจะระเบิดจากข้างใน

  จากนั้นหลายคนก็รู้สึกถึงออร่าอันทรงพลังที่ลงมาจากท้องฟ้า

เหนือศีรษะ มีคนสองคนกำลังเดินอยู่ในอากาศ ชายชราสวมเสื้อคลุมสีเทา และถือดาบหนักห้าฟุตอยู่ในมือกลิ่นอายที่มองไม่เห็นแผ่กระจายไปรอบๆตัวเขา

อีกคนหนึ่งเป็นชายวัยกลางคน ร่างกายของเขากำลังลุกโชนไปด้วยเปลวไฟ เปลวไฟนั้นร้อนจัดและสุกใสราวกับว่าพื้นที่โดยรอบกำลังถูกเผาไหม้

ชายชราในชุดสีเทามีสีหน้าสงบและพูดเสียงดัง เสียงของเขาดังสั่นสะเทือนไปทั่วบริเวณ

 “เหรินปิงเซิง มอบมรดกจักรพรรดิกลืนตะวันมาซะ แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ”

ชายเปลวเพลิงยิ้มอย่างดูถูก ดูเหมือนว่าเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัสและใบหน้าของเขาซีดเล็กน้อย เขาพูดอย่างเหยียดหยาม: "เย่ปู้ลี่ คนชั่วน่ารังเกียจเช่นเจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นหัวหน้านิกายหรอก ฝันไปเถอะ  ! "

 เต๋าซุนนั่งอยู่บนหลังม้าและเฝ้าดูการต่อสู้ระหว่างคนทั้งสองด้วยความสนใจ

เสี่ยวกุ้ยจื่อที่อยู่ด้านข้างดูสับสนเมื่อเห็นว่าเต๋าซุนดูไม่กังวลแม้แต่น้อย เขาจึงถามอย่างสงสัย   "พี่ใหญ่ ท่านรู้จักพวกเขาหรือไม่ "

“หือ เจ้ากลัวรึ ?  เจ้าเป็นผู้ติดตามของข้า ใครกันจะกล้าแตะต้องเจ้า ” เต๋าซุน หัวเราะเบา ๆ

“ชายชราในชุดสีเทามีชื่อว่าเย่ปู้ลี่ และเขาก็เป็นหัวหน้านิกายเทียนเจียน”เจ้าปลาน้อยที่อยู่ด้านข้างอธิบาย: “สำหรับชายชุดขาวนั้น…. ข้าไม่รู้จักเขาอ่ะ ”

“เหรินปิงเซิง ผู้สืบเชื้อสายจักรพรรดิกลืนตะวัน ” เต๋าซุนก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม

“จักรพรรดิกลืนตะวัน” เสี่ยวกุ้ยจื่ออุทานออกมา ขายคนนี้เป็นจักรพรรดิที่มีชื่อเสียงอย่างมากในยุคจักรพรรดิ

“เย่ปู้ลี่เป็นยอดฝีมือระดับ 5 แต่เหรินปิงเซิงนั้นอยู่เพียงระดับ 4 เท่านั้น ดูเหมือนว่าเขาคงจะยื้อได้อีกไม่นานแล้ว” เสี่ยวกุ้ยจื่อ กล่าวอย่างครุ่นคิด

“อย่าประมาทผู้สืบเชื้อสายของจักรพรรดิเชียว” เต๋าซุน โบกมือแล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับเรา”

  …………

เหนือความว่างเปล่าเย่ปู้ลี่ถือดาบหนักในมือ พลังดาบไม่มีสิ้นสุดอัดแน่นอยู่ในดาบของเขา และมันก็ระเบิดออกมาสร้างรอยแตกขึ้นในอากาศ

ดาบเล่มนี้เต็มไปด้วยจิตสังหารอันไม่มีที่สิ้นสุด สายลมรุนแรงคำรามรอบๆตัวเขา และดาบหนักก็ถูกยกสูงขึ้นเหนือหัว ในวินาทีนี้ก็ราวกับว่าทั่วทั้งท้องฟ้ากำลังจะถูกตัดออก

“เย่ปู้ลี่ เจ้าคิดกดดันให้ข้าต่อสู้แรกชีวิตจริงๆรึ?” เหรินปิงเซิงถามด้วยสีหน้าเขินอาย

“มอบสมบัติของจักรพรรดิกลืนตะวันมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเจ้า ” เย่ปู้ลี่ตะโกน

 พลังอันไม่มีที่สิ้นสุดควบแน่นบนดาบของเขา และใบหน้าของเขาบิดเบี้ยวเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังจะใช้ดาบเล่มนี้เพื่อจบสิ้นทุกสิ่ง

“เจ้าบังคับให้ข้าทำเช่นนี้เองนะ” เหรินปิงเซิงกระอักออกมาสองสามครั้ง จากนั้นก็หยิบขลุ่ยที่อยู่ตรงเอวขึ้นมา

เต๋าซุน ซึ่งอยู่ข้างหน้าก็สังเกตลักษณะของขลุ่ย ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดว่า: "ดูเหมือนว่าจะมีอะไรดีๆให้ชมเสียแล้ว"

 “ขลุ่ยนี้ทรงพลังมากเลยรึ?” เจ้าปลาน้อยถามอย่างสงสัย

“ต้นกำเนิดของขลุ่ยนี้เกี่ยวข้องกับเรื่องความรักของจักรพรรดิกลืนตะวัน เจ้าอยากฟังไหมล่ะ” เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เจ้าปลาน้อยสับสนเล็กน้อย จักรพรรดิกลืนตะวันมีชีวิตอยู่เมื่อหลายชั่วอายุคนก่อน เช่นนั้นพี่ชายของเขาผู้นี้จะไปรู้เรื่องราวความรักของจักรพรรดิผู้นี้ได้ยังไง

 แต่เสี่ยวกุ้ยจื่อนั้นกลับสงสัยในเรื่องราวของจักรพรรดิผู้นี้เป็นอย่างยิ่ง

“มีข่าวลือว่าเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับจักรพรรดิกลืนตะวันเมื่อยังเยาว์วัย ” เต๋าซุนยิ้มและบอกด้วยความสนใจ: “จักรพรรดิกลืนตะวันนั้นมีคนรักในวัยเด็กอยู่ พวกเขาหมั้นหมายกันตั้งแต่นังเด็ก และพวกเขาก็มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันเป็นอย่างยิ่ง

 แต่วันหนึ่ง จู่ๆ เด็กหญิงก็ล้มป่วยหนัก และก่อนที่นางจะเสียชีวิต นางก็ได้มอบขลุ่ยที่ชื่นชอบให้กับจักรพรรดิกลืนตะวันผู้นี้

 เพื่อรำลึกถึงความรักอันล้ำค่าที่มีอายุขัยแสนสั้นระหว่างพวกเขา

ตั้งแต่นั้นมา เมื่อใดก็ตามที่จักรพรรดิกลืนตะวันคิดถึงหญิงสาว เขาก็จะเล่นขลุ่ยนี้เพียงลำพัง

นิสัยนี้ยังคงดำเนินต่อไปแม้แต่ตอนที่เขากลายเป็นจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่แล้วก็ตาม

ขลุ่ยนี้เดิมทีทำจากวัสดุธรรมดา แต่มันกลับถูกสลักไว้ด้วยอาคมของจักรพรรดิ   "

ตามคำบรรยายของเต๋าซุน เหรินปิงเซิงที่อยู่ตรงหน้าก็กรีดนิ้วตัวเอง เขาหยดเลือดลงขลุ่ยจากนั้นก็ค่อยๆบรรเลงเพลง

  เมื่อเลือดของเขาหยดลงในขลุ่ย ใบหน้าที่ซีดเซียวแต่เดิมของเขาก็ซีดยิ่งขึ้น

เสียงขลุ่ยที่ไพเราะดังขึ้นเบา ๆ เสียงนี้ฟังดูเชื่องช้าเป็นอย่างยิ่งจนทำให้ผู้คนนึกถึงสายน้ำไหลในลำธาร

 แต่เมื่อเสียงขลุ่ยดังขึ้น โลกทั้งโลกก็ราวกับถูกหยุดไว้

ทุกอย่างเงียบสงบ ไม่ว่าจะเป็นสายน้ำที่ไหลเชี่ยวอยู่ไกลหรือสายลมอันเงียบสงบบนท้องฟ้า

ในบางมุมมอง การเคลื่อนไหวของดายในมือเย่ปู้ลี่ที่กำลังจะสะบั้นท้องฟ้าเองก็ราวกับถูกหยุดไว้เช่นกัน

ขลุ่ยยังคงเล่นต่อไป และสีหน้าของเย่ปู้ลี่ก็เริ่มดูหวาดกลัวขึ้นทีละน้อย

ขลุ่ยปลดปล่อยคลื่นลมออกมาอย่างไม่มีสิ้นสุด และดวงอาทิตย์สีดำแผดเผาก็ปรากฏขึ้นเหนืออากาศบางๆที่ปลายท้องฟ้า

 จากนั้นมิติก็พังทลายลง กฎเกณฑ์กลายเป็นปั่นป่วนวุ่นวาย พลังอันไร้ที่สิ้นสุดไหลทะลักมารวมกันบนท้องฟ้า

“นี่…น่ะรึพลังของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่?” เจ้าปลาน้อยและเสี่ยวกุ้ยจื่อก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ  “เพียงแค่ขลุ่ยที่สลักอาคมของจักรพรรดิไว้ก็มีพลังเช่นนี้แล้ว หากเป็นพลังที่แท้จริงของจักรพรรดิผู้ยิ่งใหญ่ล่ะก็ มันจะทรงพลังเพียงใดกัน”

“เหรินปิงเซิง ครั้งนี้ถือว่าเจ้าโชคดีไป แต่สมบัตินั้นก็ยังไม่ยอมรับเจ้าอยู่ดี ที่เจ้าใช้มันได้ก็เพราะเจ้าสละแก่นโลหิตของตัวเองเท่านั้น  ” เย่ปู้ลี่ตะโกนอย่างไม่เต็มใจ จากนั้นก็บินจากไปอย่างสิ้นหวัง

เมื่อดวงอาทิตย์สีดำแผดจ้ากำลังกลืนกินทุกสิ่งเหมือนกับหลุมดำ หัวใจของเย่ปู้ลี่ก็เต้นระรัวและรู้สึกเหมือนกับถูกบีบด้วยมือใหญ่คู่หนึ่ง มันเต้นเร็วจนแทบระเบิดออกมาได้ตลอดเวลา

 เขาไม่กล้าที่จะอยู่ที่นี่อีกต่อไป ไม่ว่ายังไงพลังของจักรพรรดิก็เป็นสิ่งที่ไม่อาจขัดขิน

เมื่อมองเย่ปู้ลี่ที่วิ่งหนีไปอย่างบ้าคลั่ง เหรินปิงเซิงก็ค่อยๆวางขลุ่ยลง และดวงอาทิตย์ที่แผดเผาก็ค่อยๆ หายไป

จากนั้นเขาก็เซไปมาจนเกือบจะร่วงจากท้องฟ้า

 แต่หลังจากพยายามปรับร่างกายให้มั่นคง เขาก็ค่อยๆร่อนลงมาบนพื้นและมองไปที่พวกเต๋าซุน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด