ตอนที่ 45
ตอนที่ 45
นั่นเป็นเหตุผลที่เขาติดต่อกับตระกูลหวังและตระกูลหว่าน เขาต้องการใช้อำนาจของสองตระกูลก่อความวุ่นวายและสังหารบุตรชายทั้งสามของซือถูหยุนเทียน
รวมถึงซือถูหยุนเล่ยไพ่ใบสุดท้ายของตระกูลซือถูด้วยเช่นกัน
ส่วนผู้อาวุโสทั้งสามน่ะรึ?.... รอยยิ้มก็ปรากฏบนริมฝีปากของเต๋าซุน
ในเวลานี้เสี่ยวกุ้ยจื่อได้กลับไปถึงห้องตัวเองแล้ว เขายังคงไม่เข้าใจเต๋าซุนได้แม้แต่น้อย และยังรู้สึกอีกด้วยว่าพี่ชายใหญ่ของเขาคนนี้ไม่อาจตัดสินได้ด้วยจิตสำนึกทั่วไป
…………
ท้องฟ้าเริ่มมืดลง และคืนนี้เมืองโจวชูก็เงียบเกินไปเล็กน้อย
ในห้องของเต๋าซุน เขาก็มองไปที่เหย33แล้วสั่ง : "ส่งผู้อาวุโสทั้งสามออกไป!"
“ออกจากเมืองโจวชูรึขอรับ?” เหย33 ถามอย่างสงสัย
“ไม่…. ออกไปจากโลกนี้” เต๋าซุนพูดอย่างเยือกเย็น
เหย33สะดุ้ง แต่ก็พยักหน้าและออกจากห้องไป
…………
นอกเมืองโจวชู ร่างทั้งสี่ก็เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ผู้อาวุโสใหญ่มองไปที่เหย 33 ที่อยู่ด้านหน้าและพูดอย่างสุภาพ "ขอบคุณท่านมาก ท่านคงลำบากไม่น้อยกว่าจะไปส่งพวกเราถึงนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ "
เหย33ส่ายหัวอย่างราบเรียบ
ลมยามเย็นพัดช้าๆ แสงจันทร์สาดแสงสีจางๆลงบนพื้น คืนนี้สายลมดูจะหนาวเป็นพิเศษ
ในเมืองอันเงียบสงบด้านหลังเขา เสียงสุนัขเห่าก็ดังแว่วๆ
ภาพนั้นค่อยๆจางหายไป และฉากของเมืองโจวชูก็กลายเป็นเลือนรางในสายตาของคนกลุ่มหนึ่ง
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงเนินสูงและเหย33ก็หยุด
เขายืนอยู่บนยอดเขาสูง และสายลมหนาวก็พัดผ่านเส้นผมของเขา
เขามองผู้อาวุโสทั้งสามด้วยสายตาไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ราวกับว่ากำลังจ้องมองศพ
“มีอะไรผิดปกติหรือท่าน” ผู้อาวุโสใหญ่ก็ถามพร้อมกับหัวเราะแห้ง
“ไม่มีอะไร แค่…ถึงเวลาที่พวกเจ้าจะต้องเดินทางแล้ว ” เหย33 ชักมีดยาวออกมาแล้วมองดูทั้งสามคนพร้อมพูดอย่างเยือกเย็น
“ท่านหมายถึงอะไรหรือขอรับ” ผู้อาวุโสสองก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาถอยกลับไปหนึ่งก้าวแล้วถามอย่างระมัดระวัง
เหย33ไม่ได้ตอบอีกต่อไป และมีเพียงเสียง "ชิ้ง"ดังขึ้นเท่านั้นพร้อมกับมีดยาวที่ถูกปลดจากฝัก
เสียง "ปัง ปัง ปัง ปัง" สี่ครั้งดังติดต่อกัน และเส้นชีพจรทั้งสี่ก็เปิดออก
กลิ่นอายระดับ 4 ก็ปกคลุมไปทั่วราวกับภูเขาลูกใหญ่
“คิดแล้วเชียวว่าพวกนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เชื่อถือไม่ได้” ผู้อาวุโสใหญ่ตะโกนออกมา
จากนั้นผู้อาวุโสทั้งสามก็แยกจากกันเป็นสามทิศทาง และพลังก็ระเบิดออกมาจากร่างของพวกเขา และเส้นชีพจรทั้งสามสายในร่างของพวกเขาก็เปิดออก
ทั้งสามคนต่างหยิบแผ่นอาคมออกมาจากใต้แขนเสื้อ และพลังจิตวิญญาณในร่างของพวกเขาก็ถูกส่งเข้าไปในแผ่นอาคมอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อแผ่นอาคมถูกเปิดใช้งาน คนทั้งสามก็โยนแผ่นอาคมขึ้นไปบนฟ้าพร้อมกัน
จากนั้นแสงสีดำเจิดจ้าก็ส่องออกมา และอาคมทั้งสามแผ่นก็หลอมรวมกันเป็นหนึ่งเดียว มันกลายเป็นกรงสีดำขังเหย33ไว้ภายใน
แผ่นอาคมแตกสลาย และผนึกอาคมจำนวนนับไม่ถ้วนก็ลอยออกมา จากนั้นก็จัดเรียงกันกลายเป็นรูปแบบอาคมชนิดหนึ่ง
“โชคดีที่เราเตรียมพร้อมไว้ก่อน” ผู้อาวุโสกล่าวอย่างภาคภูมิใจ
หน้าที่ของแผ่นอาคมนี้คือการเก็บอาคมผนึกไว้ภายใน โดยทั่วไปแล้ว ในขณะที่ผู้ใช้อาคมต่อสู้กับผู้อื่น การสร้างอาคมตอนหน้างานนั้นชักช้าเกินไปและคู่ต่อสู้ก็สามารถหลีกเลี่ยงได้ไม่ยาก
ดังนั้นเมื่อนานเข้าจึงมีคนพัฒนาแผ่นอาคมขึ้นมา ซึ่งมันสามารถสร้างอาคมไว้ล่วงหน้าได้ และสามารถเรียกออกมาใช้ได้ทันท่วงที
หากจำเป็นในระหว่างการต่อสู้ เพียงทำลายแผ่นอาคมโดยตรง อาคมที่ถูกผนึกไว้ภายในก็จะถูกเปิดใช้งานและใช้การได้ทันที
ทั้งหมดนี้แม้ดูซับซ้อนเป็นอย่างมาก แต่จริงๆ แล้วมันใช้เวลาเพียงชั่วครู่เท่านั้น
เหย 33 มองไปยังกรงสีดำรอบตัวเขา เขาขมวดคิ้วเล็กน้อยและมีดยาวในมือก็ระเบิดแสงสีเงินออกมา
แสงดาบกวาดฝุ่นดินกระจายไปทั่ว จากนั้นมันก็สะบั้นทุกสิ่ง แม้กระทั่งพื้นดินใต้เท้าก็ไม่เว้น
แต่เมื่อมันปะทะเข้ากับกรงสีดำ มันก็ราวกับถูกกลืนหายไปโดยไม่ส่งผลกระทบใดๆแม้แต่น้อย
“อย่าพยายามให้เหนื่อยเลย นี่คือกรงมืดอาคมระดับ 4 แม้ว่ามันจะฆ่าเจ้าไม่ได้ แต่เราก็สามารถกักขังเจ้าไว้ได้หนึ่งคืน ” ผู้อาวุโสกล่าวอย่างภาคภูมิใจ: “ในเมื่อพวกเจ้าลงมือก่อน เช่นนั้นก็อย่าได้โทษเราแล้วกัน
พวกเราไปที่เมืองโจวชูและกระจายข่าวเรื่องนี้กันเถอะ ให้ผู้คนได้รับรู้ถึงใบหน้าที่แท้จริงของพวกสารเลวนี่ "
“ดี เราจะเปิดเผยเรื่องทุกอย่างให้ชาวเมืองรู้ให้หมด ” ผู้อาวุโสคนที่สองก็กัดฟันแน่น
ชายคนนั้นได้สัญญากับพวกเขาแล้วว่าจะพาพวกเขาเข้านิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ และจะช่วยให้พวกเขาก้าวเข้าสู่ระดับ 4
แต่ตอนนี้อีกฝ่ายกลับผิดคำพูดและต้องการกำจัดพวกเขาทิ้งเพื่อปิดปากซะงั้น
เมื่อผู้อาวุโสทั้งรู้ว่าตัวเองถูกหลอกให้หักหลังตระกูลซือถู ตอนนี้พวกเขาก็เต็มไปด้วยความโกรธเป็นอย่างมาก
"อย่าได้คิดว่าผู้อื่นจะโง่เชียว" ผู้อาวุโสคนที่สามพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา: "ตั้งแต่วันแรกที่พวกเจ้ามาบอกให้เราร่วมมือ พวกเราก็คิดและเตรียมแผ่นอาคมระดับ 4 นี้ไว้แล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้ใช้มันจริงๆ "
“พวกเจ้ามันก็แค่กบที่อยู่ก้นบ่อ” เหย33พบว่าเขาไม่สามารถทำลายอาคมได้ ดังนั้นเขาจึงนั่งขัดสมาธิและหยุดโจมตี
“เจ้าหมายความว่าไง” ผู้อาวุโสใหญ่ถามพร้อมขมวดคิ้ว
“ข้ายอมรับว่าพวกเจ้าไม่ได้โง่และรู้จักระวังตัว แต่พวกเจ้าหารู้ไม่ว่าโลกนี้กว้างใหญ่เพียงใด ” เหย33 พูดเบาๆ
“เจ้ากำลังขู่ให้พวกเรากลัวสินะ?” ผู้อาวุโส3ก็พูดอย่างสงบ “เจ้าตกอยู่ในปัญหาแท้ๆ ยังมีหน้ามาพูดขู่อีก หึ”
เหย33เหลือบมองทั้งสามอย่างเย็นชา โดยไม่พูดอะไร และเพียงหลับตาเพื่อพักผ่อน
“ตอนนี้เราจะทำยังไงกันดี?”
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังคุยกันว่าจะตอบโต้เช่นไรดี ทันใดนั้นก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้นบนท้องฟ้า
“ดูเหมือนว่านายน้อยจะคิดถูก หนูทั้งสามตัวนี้สมควรมีความคิดกระโดดออกจากกรงจริงๆ ”
“ใคร ใครกำลังพูดกัน” พวกเขาทั้งสามตะโกนพร้อมกันโดยไปยังทิศทางเหนือศีรษะด้วยความกังวล
ชิลีชางคงที่สวมชุดสีขาวก็ยืนกอดดาบไว้ในอ้อมแขนขณะที่กำลังลอยอยู่กลางอากาศ เขาหาวออกมาอย่างเกียจคร้าน
“เจ้าเป็นใคร” ผู้อาวุโสทั้งสามกลืนน้ำลายและถามอย่างกังวลใจ
อีกฝ่ายสามารถเหาะเหินเดินอากาศได้ นั่นหมายความว่าอย่างน้อยการบ่มเพาะของอีกฝ่ายต้องอยู่ระดับ 5 แน่นอน
แม้ว่าคู่ต่อสู้จะไม่ได้ปลดปล่อยแรงกดดันใดๆออกมา แต่สัญชาตญาณของผู้อาวุโสทั้งสามนั้นกลับร้องเตือนเป็นอย่างยิ่งว่าชายคนนี้อันตรายยิ่งกว่าเหย 33
“มาจบเรื่องนี้กันเถอะ” ชิลีชางคงไม่สนใจที่จะชักดาบออกมา ดังนั้นเขาจึงฟันดาบในมือออกไปพร้อมกับฝัก
ช่วงเวลาต่อมา แสงดาบที่สุกใสก็เบ่งบานต่อหน้าผู้อาวุโสทั้งสาม และลมหายใจสุดท้ายของพวกเขาก็ถูกเก็บเกี่ยวไป
…………
เมืองโจวชู ในวันรุ่งขึ้นที่ดูเหมือนจะไม่แตกต่างจากเดิม
พ่อค้าแม่ค้าต่างก็ตื่นขึ้นตามเวลาชีวิต พวกเขาตั้งแผงขายของในสถานที่เดิม และเมืองก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง
“ข้ายินดีจะช่วยท่านดูแลตระกูลซือถู ” ซือถูหยุนเหม่ยที่นอนคิดไม่ตกทั้งคืนก็มาพบเต๋าซุนแต่เช้าและพูดอย่างจริงจัง
เต๋าซุนก็แนะนำชิลีชางคงให้ซือถูหยุนเหม่ยรู้จัก และกล่าวว่า "นับจากนี้ไปเขาจะเป็นผู้คุ้มกันของเจ้า เจ้าสองคนจะต้องร่วมมือกันบริหารตระกูลซือถู และหากมีอันตรายใด ชายคนนี้ก็ย่อมสามารถปกป้องเจ้าได้ "
หลังจากซือถูหยุนเหม่ยจากไป เต๋าซุนก็เรียกชิลีชางคงมาพบเพียงลำพัง