ตอนที่ 30
ตอนที่ 30
เมื่อ เต๋าซุน และ เจ้าปลาน้อยมาถึงหน้านิกาย การทดสอบรับลูกศิษย์ใหม่ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว
ขั้นบันไดหนึ่ง 188 ขั้นนั้นเต็มไปด้วยคนหนาแน่น
ที่ด้านบนสุดของบันได มีผู้อาวุโสนิกายสายนอกสองคนและผู้อาวุโสนิกายสายในที่รับผิดชอบในการประเมินยืนอยู่
ผู้อาวุโสนิกายสายในมาจากฝ่ายของผู้อาวุโสใหญ่ เมื่อเขาเห็นเต๋าซุนมา เขาก็สูดลมหายใจเข้าเบาๆและไม่สนใจ
แต่หนึ่งในผู้อาวุโสนิกายสายนอกที่เป็นคนของเต๋าเสี่ยวโม่นั้นกลับดูตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
“หลานชายซุนผู้ชาญฉลาดของข้า เจ้ามาแล้วรึ” ผู้อาวุโสพูดด้วยรอยยิ้ม
“คารวะผู้อาวุโสจิน” เต๋าซุนยิ้มและพูดว่า “การทดสอบศิษย์ใหม่ปีนี้เป็นอย่างไรบ้าง มีต้นกล้าดีๆบ้างหรือไม่ ?”
ผู้อาวุโสนิกายสายในไม่สนใจเต๋าซุน ดังนั้น เต๋าซุน จึงไม่สนใจที่เหลือบมองอีกฝ่ายและพูดคุยกับผู้อาวุโสจินเท่านั้น
“มีได้เรื่องอยู่บ้าง” ผู้อาวุโสจินตอบ “เห็นศิษย์ที่อยู่ตรงแปดขั้นสุดท้ายหรือไม่ พวกเขาค่อนข้างดี”
ด้านหน้านิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์มีบันไดอยู่ 188 ขั้น ร้อยขั้นแรกมีแรงโน้มถ่วงเป็นสองเท่า แปดสิบขั้นต่อมามีแรงโน้มถ่วงห้าเท่า ส่วนแปดขั้นสุดท้ายนั้นจะมีแรงโน้มถ่วงอยู่สิบเท่า
เต๋าซุนมองดู และก็พบว่าคังไป๋หลี่เองก็อยู่ในกลุ่มนี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงถามว่า " หญิงสาวคนนั้นใช่คนที่ผู้อาวุโสหกพากลับมาหรือไม่ ? นางจำเป็นต้องเข้าร่วมการทดสอบด้วยรึ"
“นางขอด้วยตัวเอง เราไม่อาจปฏิเสธได้” ผู้อาวุโสจินพูดด้วยรอยยิ้ม
เต๋าซุนยิ้มและไม่พูดอะไร หญิงสาวเป็นผู้ใหญ่กว่าที่เขาคิดนัก
ตัวตนของนางในฐานะเด็กหญิงทั่วไปจากภูเขาเล็กๆเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง และตอนนี้นางก็กลายเป็นหลานสาวของผู้อาวุโสหกแห่งนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์แล้ว
แต่นางกลับไม่ได้ลุ่มหลงในอำนาจเลย อีกทั้งยังวางตัวได้ดีเยี่ยม
เต๋าซุน ยกยิ้มบนริมฝีปากของเขาและพึมพำกับตัวเอง "สมแล้วที่เจ้าเป็นผู้สืบทอดที่จักรพรรดินีเลือกไว้ !"
…………
“ถ้าหลานชายซุนอยากรู้มากกว่านี้ ข้าก็จะแนะนำให้ฟัง ”
ต่อจากนั้น ผู้อาวุโสจินเริ่มแนะนำศิษย์ที่มีความสามารถเหล่านี้ให้เต๋าซุนฟัง
ลูกศิษย์ที่ปีนบันได 188 ขั้นได้สูงสุดคือชายหนุ่มที่มีดาบยาวบนหลัง เขาสวมชุดสีขาวพลิ้วไหว
ชายหนุ่มมีดวงตาที่เฉียบคม แม้ว่าแรงโน้มถ่วงบนขั้นบันไดจะน่าทึ่ง และยากที่จะก้าวไปข้างหน้า
แต่เขายังคงดูสงบและไม่แสดงเจตจำนงที่จะถอยกลับแม้แต่น้อย
“เขาเป็นทายาทของตระกูลหวงจากเมืองตะวันตกเฉียงเหนือ” ผู้อาวุโสจินกล่าว “ชื่อของเขาคือ หยานปู้หุ่ย และเขาถือเป็นคนที่มีความสามารถมากที่สุดในการทดสอบนี้”
“เหตุใดศิษย์ของตระกูลหวงถึงได้มาที่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ของเรากัน ?” เจ้าปลาน้อยก็ถามอย่างสงสัย
แม้ว่าตระกูลหวงจะเทียบกับนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ไม่ได้ แต่พวกเขาก็เป็นตระกูลใหญ่แห่งเมืองทางตะวันตกเฉียงเหรือ
ผู้ก่อตั้งตระกูลหวงคือเทพดาบผู้มีอำนาจในยุคเดียวกับจักรพรรดิหยินเทียน
ตำนานเล่าว่าเขายังเคยแข่งขันกับจักรพรรดิหยินเทียนเพื่อแย่งชิงโชคชะตา แม้ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ตาม
แต่ผู้ที่มีคุณสมบัติพอจะแข่งขันกับจักรพรรดิแย่งชิงการแบกรับโชคชะตาได้นั้นหาใช่คนธรรมดาไม่
ศิษย์ของตระกูลหวงจะไร้ซึ่งสิทธิพิเศษใดๆทันทีหากพวกเขามาที่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ ฐานะของเขาจะไม่ต่างจากศิษย์ทั่วไป
ถ้าเจ้าอยากได้ทรัพยากรบ่มเพาะที่ดี ไม่สู้ชิงตำแหน่งสูงๆในกองกำลังของตัวเองดีกว่ารึ!
“เขาเป็นบุตรนอกสมรสของตระกูลหวง แม่ของเขาเป็นเพียงสาวใช้ตัวเล็กๆเท่านั้น และการเกิดของเขาก็….เป็นเพียงเรื่องไม่ยินดีของตระกูล” ผู้อาวุโสจินอธิบาย: “เขาไม่ได้รับทรัพยากรใดๆจากตระกูลหวงเลย อีกทั้งยังตกเป็นเป้าของทุกคนอีก
ชื่อของเขาคือ หยานปู้หุ่ย เขาใช้แซ่ หยาน ตามมารดกของตนเอง "
“น่าสนใจ” เต๋าซุน พูดด้วยรอยยิ้ม เขานึกถึงความทรงจำในชีวิตก่อนหน้านี้ของเขา: “วันหนึ่งชายคนนี้สมควรรุ่งโรจน์ตามบรรพชนของเขา และสืบทอดต่อเจตจำนงแห่งเทพดาบ”
“หลานชายซุน เจ้าจะไม่ประเมินเขาสูงไปหน่อยรึ ?” ผู้อาวุโสนิกายสายในกล่าวขึ้นอย่างเหยียดหยาม
เต๋าซุน เหลือบมองผู้อาวุโสของนิกายสายในแล้วพูดอย่างใจเย็น: "ไม่มองหมา แต่หมาดันเห่า"
ผู้อาวุโสนิกายสายในดูอับอาย เขาพ่นลมหายใจอย่างเย็นชาและไม่สนใจอีก
“ส่วนหญิงสาวที่ชื่อคังไป่หลี่ข้าคงไม่ต้องกล่าวอะไรมาก ข้าได้ยินมาว่าผู้อาวุโสหกเอ็นดูนางมาก และพรสวรรค์ของนางเองก็สูงไม่ต่างกัน ” ผู้อาวุโสจินกล่าวต่อ
“นอกจากสองคนนี้ก็มีหญิงสาวฝาแฝดอีกคู่หนึ่ง คนหนึ่งชื่อ ซูเชียนซู ส่วนอีกคนชื่อ ซูเมิงเมิง
พวกนางเป็นคนท้องถิ่นจากเมืองเสียวหยางภายใต้นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ของเรา หัวหน้าตระกูลซูคนล่าสุดของพวกเขาคือผู้อาวุโสสายในของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ของเรา
ก่อนที่พวกนางจะมาทดสอบในครั้งนี้ หัวหน้าตระกูลซูได้มาหาข้าโดยเฉพาะ และบอกว่าให้ดูแลพวกนางเป็นพิเศษ
พวกเขาเป็นฝาแฝดกัน ข้าได้ยินมาว่าการฝึกฝนของพวกนางคือการฝึกโจมตีผสาน เมื่อทั้งสองต่อสู้พร้อมกัน พลังของพวกนางจะเพิ่มขึ้นหลายเท่า
เดิมที อาจเป็นเรื่องยากสำหรับพวกนางที่จะก้าวเข้าสู่แปดขั้นสุดท้ายได้ และต่อให้รวมกับพลังของวิชาผสานแล้ว พรสวรรค์ของพวกนางก็เกือบจะไม่เพียงพอ "
เต๋าซุนยิ้ม เขายังคงประทับใจกับฝาแฝดทั้งสอง
ถ้าข้าจำไม่ผิด สองคนนี้จะกลายเป็นสาวใช้ของคังไป่หลี่ในอนาคต และอาจพูดได้ว่าพวกนางจะรุ่งโรจน์เป็นอย่างยิ่ง
“ส่วนอีกคนก็คือชายร่างใหญ่คนนั้น เขาชื่อเกาซง” ผู้อาวุโสจินกล่าวต่อ: “เขามาจากหมู่บ้านบนภูเขาธรรมดาในภูเขาวานดา
ระดับการบ่มเพาะของเขาอาจกล่าวได้ว่าต่ำสุดในบรรดาศิษย์มาใหม่ เขาอยู่เพียงขั้น 9 ของระดับเริ่มต้นเท่านั้นและยังไม่ได้เปิดเส้นชีพจรเส้นแรกด้วยซ้ำ
แต่ร่างกายของเขามีศักยภาพเป็นอย่างยิ่งในรอบหลายปีที่ผ่านมา เขาสามารถก้าวขึ้นสู่แปดขั้นสุดท้ายได้โดยอาศัยความแข็งแกร่งของร่างกายตัวเองเท่านั้น "
หลังจากฟังการแนะนำของผู้อาวุโสจินแล้ว เต๋าซุนก็พูดกับเจ้าปลาน้อย “ปลาน้อย พวกเราไปลองทดสอบกันย้างเถอะ คนอื่นจะได้ไม่นินทาภายหลัง ”
“ได้เลย”เจ้าปลาน้อยพยักหน้าอย่างเรียบง่าย
ทั้งสองเดินไปที่เชิงเขา เริ่มจากก้าวแรกและเดินขึ้นไปทีละก้าว
ไม่มีข้อกำหนดที่เข้มงวดมากนักในการก้าวเดินบนขั้นบันไดนี้ เจ้าเพียงแค่ไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้อาวุธป้องกัน และต้องเดินขึ้นไปด้วยตัวเองทีละขั้นเท่านั้น
แม้ว่าเจ้าจะสามารถก้าวกระโดดข้ามไปได้หลายขั้นในครั้งเดียว แต่ก็ไม่ได้รับอนุญาตให้ทำเช่นนั้น
เต๋าซุนก้าวขึ้นไปบนบันไดและรู้สึกถึงแรงโน้มถ่วงที่มาจากทุกทิศทุกทาง เดิมทีหลังจากที่เขาก้าวเข้าสู่การบ่มเพาะระดับ 2 ขั้นเก้า พลังจิตวิญญาณในร่างของเขาก็แข็งแกร่งมากขึ้นเรื่อยๆตลอดเวลา
“ปลาน้อย อย่าได้ต่อต้านแรงโน้มถ่วงเหล่านี้ พยายามหลอมรวมเข้ากับพวกมัน ” เต๋าซุนกล่าวเตือน: “สิ่งนี้จะไม่เพียงแต่ลดแรงกดทับของแรงโน้มถ่วงได้เท่านั้น แต่ยังทำให้เจ้าแข็งแกร่งขึ้นอีกด้วย ”
เจ้าปลาน้อยก็พยักหน้า พรสวรรค์ของเขาไม่ได้แย่ไปกว่าเต๋าซุน โดยเฉพาะหลังจากฝึก "ทรงพลัง" กล้ามเนื้อในร่างกายของเขาก็ชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ
กล้ามเนื้อของเขาใหญ่มากขึ้น และคาดว่าในอนาคตจะต้องมีสภาพไม่ต่างจากนักกล้ามอย่างแน่นอน
…………
เต๋าซุนดูพึงพอใจในขณะที่เขาก้าวขึ้นบันไดทีละขั้น เขาบรรเทาแรงกดดันที่เกิดขึ้นด้วยการปรับสภาพไปตามแรงโน้มถ่วง
เขาก้าวเดินนานกว่าสิบนาทีอย่างไม่ยากเย็น ในที่สุดก็ผ่านหนึ่งร้อยขั้นแรกที่มีแรงโน้มถ่วงสองเท่า
จากนั้นก็ก้าวเข้าสู่ขั้นที่ 101 ซึ่งมีแรงโน้มถ่วงห้าเท่า เต๋าซุนยืนอยู่ตรงนั้นและพยายามปรับร่างกายให้เป็นหนึ่งเดียวกับแรงโน้มถ่วงเล็กน้อยจากนั้นก็เดินขึ้นอย่างเรียบง่าย
เจ้าปลาน้อยเองก็ไม่ยอมแพ้ แม้ว่าจะดูลำบากเล็กน้อย แต่ก็ยังตามเต๋าซุนได้ทัน
ในที่สุด ทั้งสองก็เดินขึ้นบันไดผ่านขั้นที่ 180 ขึ้นมาและมาถึงแปดขั้นสุดท้าย
ตามกฎของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์แล้ว ตราบใดที่เจ้าสามารถก้าวเข้าสู่ขั้นบันไดที่มีแรงโน้มถ่วง 10 เท่าได้ เจ้าก็ถือว่าผ่านบททดสอบแล้ว