ตอนที่แล้วตอนที่ 28
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 30

ตอนที่ 29


ตอนที่ 29



เต๋าซุนกลับมาที่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ แต่ชิลิชางคงนั้นไม่ได้ติดตามกลับมา

เขาต้องสร้างกองกำลังให้กับเต๋าซุน มันคือหน่วยข่าวกรอง ความแข็งแกร่งไม่สำคัญมากนัก แต่เรื่องหาข้อมูลต้องแม่นยำ

 ขอบเขตอิทธิพลสมควรกระจายไปทั่วทวีปAทั้งหมดให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ และเขาก็จะต้องเป็นผู้ที่รู้เรื่องสำคัญในทวีปก่อนใคร

 อาจต้องใช้เวลาสร้างรากฐานค่อนข้างนาน และไม่อาจสำเร็จได้ในชั่วข้ามคืน

 แต่เต๋าซุนนั้นไม่รีบร้อน เขารอได้ และเขาก็ไม่ได้ขาดเงินทุนแม้แต่น้อย

 แค่สิ่งที่เขาปล้นมาจากตระกูลชางตอนที่กวาดล้าง มันก็เพียงพอแล้วที่จะให้เขาใช้ชีวิตได้ไปอีกนานแล้ว

 ทรัพย์สินของตระกูลชางนั้นถูกเก็บสะสมมาตลอดห้าร้อยปี ฉะนั้นไม่ต้องคิดเลยว่ามันจะมหาศาลเพียงใด

  …………

 หลังจากกลับมาที่ยอดเขาเดียวดาย เต๋าซุนก็อยู่เพียงลำพัง

บนยอดเขามีลมหนาวพัดมา ภูเขาสูงหลายพันฟุต มีหินขรุขระ ถนนบนภูเขาชันเล็กน้อยและมีและวัชพืชขึ้นรก

เต๋าซุน ค่อย ๆ หยิบลูกปัดผนึกสวรรค์สามเม็ดออกมาท่ามกลางสายลมที่พัดสยายเส้นผมของเขา

“ร่างผนึกสวรรค์ที่แข็งแกร่งที่สุด” เต๋าซุน ถอนหายใจ  เขานั้นไม่รู้ความลับทั้งหมดของร่างนักรบศักดิ์สิทธิ์เลย

 ชาติที่แล้วเขาก็ยังทำได้เพียงเฝ้าดูเย่เฉินใช้มันด้วยความอิจฉาเท่านั้น

 เขาค่อยๆโคจรพลังวิญญาณของเขาลงไปในลูกปัดทั้งสาม และสายลมก็พัดเสื้อคลุมของเขารุนแรงขึ้นอย่างกะทันหัน

ทันใดนั้น ลูกปัดผนึกสวรรค์ทั้งสามก็แยกออกจากกัน และท้องฟ้าก็ปกคลุมไปด้วยเมฆดำ เสียงฟ้าคำรามดังขึ้นพร้อมสายฟ้าฟาดที่ประกายไปทั่วท้องฟ้า

สายฟ้าที่เป็นเหมือนกับมังกรสีเงินก็พุ่งผ่านเมฆสีดำ และมันก็ถักทอเข้าด้วยกันขยายไปสุดลูกหูลูกตาราวกับโลกกำลังจะล่มสลาย

 จากลูกปัดผนึกสวรรค์ทั้งสาม ตอนนี้บอลแสงก็ลอยออกมาจากในลูกปัดแต่ละเม็ด ก้อนแสงทั้งสามนี้ลอยเรียงกันเป็นรูปแบบสามเหลี่ยมและประกอบเข้าด้วยกัน

บนท้องฟ้า เสียงฟ้าร้องก็ดังสนั่นขึ้นเรื่อยๆ ทั่วท้องฟ้าก็ราวกับกำลังโกรธเคือง

เมฆดำทะมึนหนาแน่นแต่กลับไม่มีฝนตก มีเพียงความชื้นเล็กน้อยในอากาศ

ทันใดนั้นกลุ่มแสงทั้งสามกลุ่มก็เรืองแสงเจิดจ้า และกระดูกสีขาวก็ปรากฏอยู่ในก้อนแสง

กระดูกในก้อนแสงแรกแปรเปลี่ยนไปเป็นแขนสองข้าง ก้อนสองที่แสงเป็นขาทั้งสอง และก้อนแสงสุดท้ายก็คือลำตัวและศีรษะ

เมื่อกระดูกทั้งหมดหลอมรวมเข้าด้วยกัน พลังชั่วร้ายก็ปรากฏขึ้นระหว่างท้องฟ้าและพื้นดิน หมอกสีดำปรากฏขึ้นเหนือชุดกระดูกพร้อมกับตัวอักษรจำนวนนับไม่ถ้วนคืบคลานไปทั่วพื้นผิวของชุดกระดูก

ดวงตาทั้งสองข้างในหมวกของชุดกระดูกเต็มไปด้วยพลังสีดำบริสุทธิ์ มันหันหน้ามาด้วยกลไกบางอย่างและก็พุ่งเข้ามาหาเต๋าซุน

เมื่อเห็นว่าชุดกระดูกกำลังพุ่งเข้ามาหาเขา เต๋าซุนก็รีบหยิบหยดเลือดจักรพรรดิออกมา

เขาหยดเลือดจักรพรรดิลงบนชุดกระดูกสีขาว และกระดูกสีขาวทั้งหมดก็สั่นไหว จากนั้นก็กลายเป็นเส้นแสงลอยเข้ามาในร่างของเต๋าซุน

เต๋าซุน รู้สึกราวกับว่ากระดูกในร่างกายของเขากำลังหลอมรวมกับบางสิ่งบางอย่าง มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก ความเจ็บปวดนี้แทรกซึมลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเขาจนทำให้เขาเกือบจะเป็นลม

 หัวใจของเขาเต้นอย่างรวดเร็ว และเลือดสีแดงแต่เดิมก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีดำ

เต๋าซุนรู้สึกความคิดของเขากลายเป็นชัดเจนขึ้น ราวกับว่าไม่มีอารมณ์แปรปรวนใดมากวนใจอีก

ผมของเขาสยายไปด้านหลัง จากนั้นก็แปรเปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง

ลวดลายสีม่วงดำจำนวนนับไม่ถ้วนปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา   และมีพลังบางอย่างไหลเวียนอยู่บนลวดลายเหล่านั้น

ร่างกายของเต๋าซุนปกคลุมไปด้วยอากาศสีดำ

เขาคุกเข่าข้างหนึ่งลงกับพื้น กัดฟันและอดทนต่อความเจ็บปวดที่กัดกินไปทั่วทั้งร่างกายของเขา

  …………

ในสถานที่ห่างไกลในทวีปA ท้องฟ้าถูกปกคลุมไปด้วยกลิ่นอายอสูรที่ลุกเป็นไฟ แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ไม่อาจลุกโชนเทียบเท่าออร่านี้

ที่นี่ไม่มีกลางวันและกลางคืน เพราะมันมักจะถูกปกคลุมไปด้วยความมืดมิดอยู่เสมอ

 ใจกลางโลกแห่งนี้มีเสาที่ปกคลุมไปด้วยฝุ่นอยู่

เสานี้สูงประมาณหลายพันฟุต และเงียบสงบมาแล้วเป็นเวลากว่าหลายพันปี

ทันใดนั้น เศษฝุ่นบนเสาก็เริ่มกระจาย และไฟสีแดงก็เริ่มกะพริบ

โลกอันเงียบงันมาหลายพันปี ในที่สุดก็มีปรากฏการณ์เกิดขึ้น

 “ต้นไม้โลกอสูร…  สัมผัสได้ถึงพลังของเจ้านายของมัน  จอมมารฟื้นคืนชีพแล้ว!”

 “เขาอยู่ที่ไหน เราจะไปหาเขาได้ที่ไหน”

“เราไม่อาจรู้ได้ว่าจอมมารอยู่ที่ใด แม้กระทั่งเติบโตและมีชีวิตเช่นไรก็ไม่อาจรู้  ”

“แต่วันหนึ่ง….ชายคนย่อมต้องกลับมาที่นี่อีกครั้งแน่นอน เราทำได้เพียงเฝ้ารอเท่านั้น”

“แต่เส้นทางสู่ถ้ำอสูรโบราณแห่งนี้ถูกปิดผนึกไว้อยู่ สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่อาจย่างกายเข้ามาได้  ”

“แต่จอมมารนั้นหาใช่สิ่งมีชีวิตทั่วไปไม่….” เสียงหญิงสาวที่อ่อนโยนก็พูดช้าๆ “เขาย่อมต้องติดตามเสียงเรียกแห่งสงครามสวรรค์อย่างแน่นอน

 ดั่งเสียงเรียกของหัวใจ สุดท้ายเช่นไรเขาก็ย่อมมา

 ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดเขาได้ เพราะเขาเป็นสิ่งมีชีวิตที่ทรงพลังที่สุดในโลก "

คนข้างๆ เขาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งและชั่วร้าย เสียงหัวเราะนี้ฟังดูกระหายเลือดและตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง

 “ขอต้อนรับการหวนกลับมาของท่าน จอมมาร!”

  ……………

ในขณะที่ร่างนักรบผนึกสวรรค์หลอมรวมเข้ากับร่างของเขา เส้นชีพจรที่สองในร่างของเต๋าซุนก็เปิดออกโดยตรง

การเปิดเส้นชีพจรซวงกู่ได้นั้น นั่นหมายความว่าเต๋าซุนได้ก้าวเข้าสู่ระดับการบ่มเพาะที่ 2 แล้ว

และระดับการบ่มเพาะของเขาก็ยังเพิ่มขึ้นอีกทีน้อยด้วยพลังระดับ8ที่ไหลเวียนอยู่ในลูกปัดตรงช่องท้องของเขา

 “ระดับ 2 ขั้นแรก

 ระดับ 2 ขั้นสอง

  …………

ระดับ 2 ขั้นเก้า "

ในที่สุดเมื่อระดับการบ่มเพาะของเขามาหยุดอยู่ที่ระดับ 2 ขั้น 9 เขาก็พ่นลมหายใจยาวออกมา

แต่สิ่งที่ทำให้เขาประหลาดใจยิ่งกว่าก็คือสภาพร่างกายของเขาตอนนี้ ตอนนี้ผมของเขากลายเป็นสีแดงเพลิง และใบหน้าของเขาก็ถูกปกคลุมไปด้วยลวดลายสีดำม่วง

ตอนนี้ เต๋าซุนรู้สึกราวกับว่าตัวเองเป็นจอมอสูรที่เต็มไปด้วยพลังอันน่าเหลือเชื่อ

“นี่คือพลังของร่างผนึกสวรรค์งั้นรึ  ?” เต๋าซุนประหลาดใจเล็กน้อย เขาเคยเห็นเย่เฉินใช้ร่างผนึกสวรรค์มาแล้วในชีวิตก่อน  ลักษณะของมันแตกต่างจากเขาในตอนนี้มากนัก

บางที…เพราะทุกคนมีวิถีของตัวเอง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องปกติที่จะแตกต่างกัน

ขณะที่พลังในร่างกายของเต๋าซุนส่งเสียงคำราม  เมฆดำมืดบนท้องฟ้าก็เริ่มกระจายออกไปทีละน้อย และท้ายที่สุดก็ไม่มีฝนตกลงมา

ดวงอาทิตย์ส่องแสงเจิดจ้า และบนภูเขาเมฆา เต๋าเสี่ยวโม่ที่เห็นเหตุการณ์เมื่อครู่ก็เต็มไปด้วยความสงสัย

“ช่างเป็นปรากฏการณ์ที่ยิ่งใหญ่นัก ข้าไม่อาจรู้เลยว่ามันดีหรือแย่กันแน่ ” เต๋าเสี่ยวโม่ไม่รู้เลยว่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นมาจากที่ไหนและส่งผลอะไร ดังนั้นเขาจึงทำเพียงส่ายหัวและไม่คิดอะไรมาก

  …………

จากนั้น เต๋าซุน ก็ได้มารวมตัวกับเจ้าปลาน้อย  วันนี้เป็นวันที่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เปิดรับศิษย์ใหม่ เต๋าซุนเองก็คิดที่จะเข้าสมัครด้วยความสนุกเช่นกัน

ตามกฎของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์แล้ว เต๋าซุนนั้นเพิ่งเริ่มฝึกบ่มเพาะได้ไม่นาน และยังไม่ได้ผ่านการทดสอบ ดังนั้นเขาจึงไม่ถือว่าเป็นศิษย์ของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์

 อย่างมากที่สุด  เขาก็เป็นเพียงแค่สมาชิกในครอบครัวของรองหัวหน้านิกายแห่งนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น

 ตามกฎแล้ว เต๋าซุนจะต้องผ่านบททดสอบร่วมกับผู้อื่นในวันนี้เสียก่อน เขาจึงจะได้รับการพิจารณาให้เป็นศิษย์ของนิกายอย่างแท้จริง

 แต่ไม่มีความเที่ยงธรรมใดแน่นอนในโลกนี้ เพียงแค่เขาต้องการ ทุกสิ่งก็ล้วนเป็นไปได้

 ตราบใดที่เต๋าเสี่ยวโม่ยังอยู่ กฎเกณฑ์ใดๆของนิกายล้วนไม่ส่งผลต่อเขาแม้แต่น้อย

 กฎมีไว้สำหรับผู้อ่อนแอ  และมีเพียงผู้แข็งแกร่งเท่านั้นที่สามารถสร้างกฎขึ้นมาได้ตามต้องการ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด