ตอนที่ 28
ตอนที่ 28
เต๋าซุนคาดว่าซุยหยานต้องเป็นหนึ่งในมอนสเตอร์ที่ไปมอบค่าประสบการณ์ให้กับเย่เฉินในชีวิตก่อนหน้าแน่นอน
หลังจากที่เย่เฉินสังหารซุยหยานเสร็จ เขาก็ได้รับลูกปัดผนึกสวรรค์เม็ดสุดท้าย และนั่นก็สมควรเป็นแหล่งที่มาของมัน
แต่ในชีวิตนี้เขาบังเอิญปล้นลูกปัดผนึกสวรรค์มาจากซุยหยานได้เสียก่อน พูดได้คำเดียวเลยว่า โชคชะตาช่างเล่นตลกนัก
เมื่อเห็นเหย33เดินเข้ามาทีละก้าว เย่เฉินก็ก้าวถอยหลังอย่างรวดเร็ว เขารู้สึกปวดแสบที่หน้าอก และหัวของเขาก็วิงเวียนเล็กน้อยจากอาการเสียเลือดจำนวนมาก
“ข้าต้องมาตามเช่นนี้รึ?” เย่เฉินคิดอย่างไม่เต็มใจ
เขาได้รับคำชี้แนะจากผู้เฒ่าโม่และฝึกบ่มเพาะวิถีเทพอมตะแล้ว อีกทั้งยังต้องไปตามหาหลี่เอ๋อ…
ดังนั้นเขาจึงยังไม่พร้อมที่จะตายที่นี่ เขายังไม่เต็มใจที่จะตาย!
“เย่เฉินอย่ากังวลไป ไม่มีใครทำร้ายเจ้าได้แน่นอนตรายใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่” เสียงของผู้เฒ่าโม่ก็ดังออกมาจากวงแหวน
“ผู้เฒ่าโม่ ท่าน….” เย่เฉินมองดูแหวนด้วยความสับสน
เงาของชายชราค่อยๆสะท้อนออกจากวงแหวน
ทันทีที่ชายชราปรากฏตัว ก็ราวกับโลกทั้งใบกลายเป็นเงียบงัน
ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์กลับหัว และราวกับปาฏิหาริย์กำลังจะบังเกิด
แรงกดดันที่มองไม่เห็นก็มารวมกันที่ชายชรา เขายืนเอามือไพล่หลังพร้อมกับเส้นผมสีขาวและสวมชุดสีเขียว
เขาถอนหายใจออกมา และกลิ่นอายที่รุนแรงก็สั่นสะเทือนไปรอบๆ เมื่อเขายื่นมือออกมา บรรยากาศรอบๆก็ราวกับถูกหยุดไว้และกลายเป็นแข็งตัว
“นี่มัน…” เหย33ก็มองไปยังร่างชราอย่างจริงจัง
“ตอนที่ข้ายังรุ่งเรือง แม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับ 8 ก็ไม่อาจดูถูกข้าได้ ชะมดปลวกระดับ 4 อย่างเจ้ามีหรือจะแตะต้องผู้สืบทอดของข้าได้” ชายชรากล่าวอย่างสงบ
“ถ้ามันเป็นตอนที่เจ้ายังรุ่งเรืองก็คงใช่ แต่….ด้วยความแข็งแกร่งที่เหลืออยู่ของเจ้าแล้ว ….” เหย33ก็พูดพร้อมกับหยิบแผ่นหยกออกมาอย่างช้าๆ
แผ่นหยกนี้เขาได้มาจากเต๋าซุน และมันก็ผนึกพลังของเต๋าเสี่ยวโม่ไว้ ซึ่งมันเทียบได้กับพลังของครึ่งก้าวสู่ระดับ 8
“ไม่ดีแล้ว” ชายชราก็ตระหนักได้ถึงอันตรายจากแผ่นหยกอย่างรวดเร็ว
เขาไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเลือกลงมือตอนที่เขาปรากฏตัวในช่วงเวลาวิกฤตเช่นนี้
ด้วยการโบกมือขวา ผนึกก็พุ่งลงมาจากท้องฟ้า และครอบร่างของเหย33ไว้ข้างใน จากนั้นเขาก็คว้าไปที่ไหล่ของเย่เฉินโดยตรงและตะโกนว่า "ไปกันได้แล้ว"
กรงธรรมดานี้ไม่อาจหยุดเหย33ไว้ได้แม้แต่น้อย แต่มันก็พอทำให้ชายชราใช้พลังที่เหลืออยู่ทั้งหมดพาเย่เฉินหนีออกไปได้ไกล
…………
ในป่าทึบ ชายชราค่อยๆวางเย่เฉินลงในเวลานี้ เงาของเขาสลัวเล็กน้อยราวกับว่าจะเลือนหายไปเมื่อใดก็ได้
“ผู้เฒ่าโม่ ท่านเป็นอะไรหรือไม่” เย่เฉินตะโกนอย่างกังวล
"ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล" ผู้เฒ่าโม่พูดด้วยรอยยิ้ม: "เพียงแค่ตอนนี้ข้าใช้พลังจิตวิญญาณมากเกินไปเท่านั้น แค่ต้องใช้เวลาพักฟื้นสักหน่อย
หากเจ้าพบเจอสมุนไพรจิตวิญญาณศักดิ์สิทธิ์ในอนาคต ก็อย่าลืมบอกข้าแล้วกัน "
หลังจากที่ผู้เฒ่าโม่พูดจบ เขาก็กลับเข้าไปในแหวน
เย่เฉิน พยักหน้าและหายใจเข้าลึก ๆ เลือดบนหน้าอกของเขาหยุดไหลแล้ว
แต่หัวของเขายังคงเจ็บเล็กน้อย ดังนั้นเขาจึงเอนกายลงใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้ ๆ และพักผ่อน
แต่ทว่าก็มีเสียงฝีเท้าดังขึ้นอีกครั้ง และ เย่เฉินก็ต้องตกใจเมื่อพบว่ามีชายคนหนึ่งกำลังเดินเข้ามา
เขาหันกลับไปและเห็นชายคนหนึ่งถือดาบยาวเดินเข้ามาช้าๆ
ชายคนนั้นแต่งกายด้วยชุดสีขาว ดูสง่างาม และประดับด้วยรอยยิ้ม
ขณะที่เย่เฉินกำลังจะพูด เขาก็รู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่กดทับลงมายังเขา
เขาส่งเสียงอู้อี้ออกมาและไม่อาจขยับตัวได้แม้แต่น้อย
ชายถือดาบคนนี้ทำให้เขารู้สึกหวาดกลัวยิ่งกว่าชายชุดดำก่อนหน้านี้มากนัก
ชายถือเดินมาข้างหน้าเขา จากนั้นก็ค่อยๆก้มลงหยิบลูกปัดผนึกสวรรค์ออกมาจากหน้าอกของเย่เฉิน
“เจ้าเป็นใคร” เย่เฉินมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาที่ร้อนเหมือนไฟ
“ชิลีชางคง” ชายคนนั้นตอบด้วยรอยยิ้ม และจากไปพร้อมกับลูกปัดผนึกสวรรค์
หลังจากที่ชายคนนั้นจากไป เย่เฉินรู้สึกว่าร่างกายของเขาผ่อนคลาย และอดไม่ได้ที่จะหายใจไม่ออก
“ผู้เฒ่าโม่” เย่เฉินเรียกอย่างไม่มั่นคง
“ชายเมื่อครู่แข็งแกร่งเกินไป ข้าไม่อาจรับมือได้ อย่างน้อยเขาก็อยู่ระดับ 5”ผู้เฒ่าโม่กล่าวอย่างเคร่งขรึม
“ทำไมข้าถึงรู้สึกว่าวิ่งอยู่บนฝ่ามือของฝีมือใครสักคนอยู่ ราวกับว่ามีมือใหญ่ที่มองไม่เห็นคอยบงการทุกสิ่ง” เย่เฉินกล่าวอย่างครุ่นคิด
“คนเหล่านี้เป็นใครกัน?”
“อย่าได้คิดให้มาก เจ้าเพียงต้องฝึกฝนให้หนักก็พอ” ผู้เฒ่าโม่กล่าว “ตอนนี้เจ้ายังอ่อนแอเกินไป เมื่อใดที่เจ้าแข็งแกร่งขึ้น สักวันหนึ่งเจ้าจะได้ทุกสิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา”
แต่ช่างน่าเสียดายลูกปัดนั่นนัก….. "
เย่เฉินพยักหน้าอย่างหนัก ดวงตาของเขาเป็นประกาย
…………
เต๋าซุนหยิบลูกปัดผนึกสวรรค์เม็ดสุดท้ายที่ชิลีชางคงนำมาให้ เขาระงับความสุขในใจและพูดว่า "ดีมาก ขอบคุณสำหรับความเหนื่อยยากของเจ้า "
“ทำไมท่านถึงไม่ให้ข้าสังหารเขาซะ ” ชิลีชางคงถามอย่างสงสัย
“เจ้าไม่คิดว่ามันน่าเศร้าเกินไปหน่อยรึหากโลกนี้ไร้ซึ่งคู่ต่อสู้ที่แท้จริง?” เต๋าซุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ข้าต้องการให้เขามีความหวัง และข้าก็จะเป็นผู้ทำลายความหวังนั้นครั้งแล้วครั้งเล่า ซึ่งนั่นไม่น่าสนใจกว่ารึไง !”
“แล้วสิ่งที่ท่านสัญญากับข้าล่ะ” ชิลีชางคงถาม
เต๋าซุนยิ้มและส่งหนังสือลับสองเล่มไปให้ชิลีชางคง หนังสือลับสองเล่มนี้คือ "เพลงดาบหยินเทียน" และ "รูปแบบสามดาบพรสวรรค์"
“ไม่ต้องกังวล ใครทำดีข้าก็ไม่ลืมสัญญา” เต๋าซุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ชิลีชางคงเหลือบมองเต๋าซุน และไม่พูดอะไร
จู่ๆ เขาก็รู้สึกว่าการเป็นสหายกับเต๋าซุนนั้นดีกว่าศัตรูมากนัก
เช้าวันรุ่งขึ้น หลายคนก็ออกเดินทางออกจากเมืองเทียนเจียน
ก่อนออกเดินทาง เต๋าซุนก็พูดเตือนกวนเจิ้นไห่ "บางสิ่งก็ควรพอประมาณ"
“ข้าเข้าใจแล้ว” กวนเจิ้นไห่พยักหน้าอย่างรวดเร็ว
เขารู้ว่าคำพูดของเต๋าซุนนั้นหมายถึงการกระทำช่วงเวลาสองปีที่ผ่านมาที่เขานั้นได้ใช้ชื่อของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตัวผ่านอำนาจของตระกูลชาง
เต๋าซุนไม่สนใจเรื่องของกวนเจิ้นไห่มากนัก เขารู้อยู่แล้วว่าโลกใบนี้ล้วนแต่เป็นสีขาวและดำ ยิ่งที่ใดมีสีดำ สีขาวก็ย่อมปรากฏชัด
ไม่มีใครดีแท้สมบูรณ์และเลวอย่างสมบูรณ์
ตราบเท่าที่รู้จักพอประมาณและอยู่ในขอบเขต มันก็หาใช่เรื่องสำคัญอะไรไม่
…………
วันนี้เป็นช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดสำหรับนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ เพราะเป็นวันที่นิกายเปิดรับศิษย์
ในพื้นที่เล็กๆหลายพันไมล์แห่งนี้ มีคนหนุ่มสาวจำนวนนับไม่ถ้วนที่เตรียมพร้อมและกระตือรือร้นที่จะเข้ามายังสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ด้วยหัวใจที่แน่วแน่
แม้แต่นิกายเล็ก ๆ บางแห่งที่อยู่รอบๆก็ยังส่งศิษย์บางคนที่มีความสามารถมาทดสอบเพื่อแสวงหาโอกาสเข้าสู่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์
ด้วยโลกที่กว้างขึ้น เจ้าก็จะได้รับโอกาสและทรัพยากรที่มากขึ้น
…………
ที่ด้านหน้านิกายมีบันไดอยู่ 188 ขั้น คนหนุ่มสาวทุกคนที่ต้องการเข้าร่วมนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์จะต้องก้าวผ่านบันไดนี้ ซึ่งมันคือบททดสอบแรก
หนึ่งร้อยขั้นแรกมีแรงโน้มถ่วงสองเท่าจากปกติ และตั้งแต่ขั้นที่101-180 ก็จะมีแรงโน้มถ่วง 5 เท่า และ ที่ 8 ขั้นสุดท้าย แรงโน้มถ่วงก็จะสูงถึง 10 เท่า
การทดสอบนี้มีไว้เพื่อทดสอบความพยายามของผู้ที่มาสมัครเท่านั้น มันไม่เกี่ยวข้องกับความแข็งแกร่งของแต่ละคนแม้แต่น้อย ไม่ว่าจะแข็งแกร่งแค่ไหนแรงโน้มถ่วงหรือน้ำหนักที่ต้องแบกรับก็ล้วนแต่ถูกปรับให้รู้สึกสาหัสเท่ากัน
ผู้ที่จะสามารถข้ามผ่านบันได 188 ขั้นเหล่านี้ได้ ย่อมต้องเป็นผู้ที่มีความมุ่งมั่นและพยายามอย่างหนักทั้งสิ้น