ตอนที่ 24
ตอนที่ 24
“เราจะเชื่อถือข่าวโคมลอยพวกนั้นได้อย่างไร?” ชางเทียนเชียง พูดด้วยรอยยิ้ม: “บรรพบุรุษของเราในตระกูลชางมีวิธีการฝึกฝนบางอย่างอยู่จริง แต่ตัวเขาเองนั้นมาจากตระกูลที่ร่ำรวยอยู่แล้ว แล้วเขาจะเป็นชาวบ้านธรรมดาในภูเขาได้อย่างไร ?”
“แต่ข้าได้ยินมาว่าบรรพชนของตระกูลชางเจ้าไม่ใช่แค่มีวิธีการฝึกบ่มเพาะอย่างเดียวหนิ” เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
มือของชางเทียนเชียงที่ถือแก้วไวน์ก็หยุดกะทันหัน เขายิ้มและกล่าวว่า "ข่าวลือนี้ดูเหมือนจะลึกลับเกินความจริงไปบ้าง ท่านอย่าไปเชื่อถือจริงจังนัก "
“แต่ที่ข้าได้ยินมาคือบรรพชนตระกูลชางนั้นครอบครองลูกปัดบางอย่างอยู่เช่นกัน ” เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ในเมื่อข้ากล้าพูดเรื่องนี้ออกมา เช่นนั้นก็ย่อมเป็นเรื่องจริงอยู่แล้วว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเต๋าซุน ความคิดของชางเทียนเชียงก็ชัดเจนขึ้น
เต๋าซุนมาที่นี่เพื่อตามหาลูกปัดนักพรตนี่เอง…. สำหรับลูกปัดนักพรตนี้แล้ว พวกเขาตระกูลชางเองก็ถูกให้จดจำคำพูดหนึ่งไว้ตั้งแต่เมื่อหลายร้อยปีก่อน
แต่นอกจากหัวหน้าตระกูลชางแต่ละรุ่นแล้วไม่มีใครรู้เรื่องนี้ ทว่า…เต๋าซุนรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร
บรรพบุรุษของตระกูลชางได้ทิ้งคำบอกตั้งแต่บรรพชนไว้ว่า ‘ ในอีกไม่กี่ร้อยปีข้างหน้า บุตรแห่งโชคชะตาจะมาเยือน ’
เมื่อถึงเวลานั้น ตระกูลชางจงมอบลูกปัดนักพรตให้กับบุตรแห่งโชคชะตาคนนี้ซะ และการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จะมาเยือนสู่ตระกูลชาง
วันใดที่บุตรแห่งโชคชะตาผู้นี้ขึ้นครองบัลลังก์แห่งจักรพรรดิ ตระกูลชางจะรุ่งเรืองเหนือสุดในยุคสมัย
…………
ชางเทียนเชียงไม่รู้ว่าเต๋าซุนเป็นบุตรแห่งโชคชะตาคนนั้นหรือไม่ แต่โดยสัญชาตญาณแล้วเขารู้สึกว่าเต๋าซุนหาใช่บุตรแห่งโชคชะตาคนนั้นไม่
“ลูกปัดนักพรตที่ท่านซุนหมายถึงคืออะไรรึ ? ข้าไม่เห็นทราบเรื่องนี้เลย ” ชางเทียนเชียงกล่าวพร้อมส่ายหัว
“เหตุใดหัวหน้าตระกูลชางถึงได้ดื้อรั้นนัก?” เต๋าซุน ยิ้มและพูดว่า “แม้ว่าลูกปัดนักพรตนี้จะยอดเยี่ยม แต่เจ้าก็ไม่อาจแบกรับมันไว้ได้
อย่าได้ทำลายรากฐานหลายร้อยปีตระกูลชางของเจ้าเพียงเพราะสิ่งของไม่สำคัญเลยต่อพวกเจ้าเลย "
“นายน้อยพูดเช่นนี้หมายความว่าไง? นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ของท่านคิดจะทำลายตระกูลชางของเราเพียงเพราะลูกปัดไร้สาระนี่น่ะรึ ?” ผู้อาวุโสของตระกูลชางที่อยู่ด้านข้างก็กล่าวว่า: "ตระกูลชางของเราเป็นผู้รับใช้ของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เสมอมาก็จริง แต่ถ้าการกระทำนี้ไร้ซึ่งมูลเหตุ พวกเราก็ไม่อาจยอมรับได้
ข้าจะประกาศเรื่องนี้ให้โลกรับรู้ แล้วดูสิว่าผู้คนจะตัดสินการกระทำของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เช่นไร
กล่าวอีกนัยหนึ่ง เรื่องนี้ก็ไม่เห็นเกี่ยวอะไรกับนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เลย มันเป็นแผนส่วนตัวของท่านมากกว่า "
ในที่สุดเต๋าซุนก็เข้าใจ ตระกูลชางคิดจะใช้ชื่อเสียงของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์มาขู่เขา
“บางที่พวกเจ้าอาจเข้าใจผิด นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ของเราปกครองเหนือภูเขาและแม่น้ำหลายพันไมล์ที่แดนตะวันตกไกลแห่งนี้ ทุกสิ่งอย่างล้วนเป็นของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์
หากตระกูลใดตระกูลหนึ่งถูกทำลายไปอย่างเงียบๆโดยฝีมือของใครก็ไม่รู้ เช่นนั้นแล้วนิกายของพวกเราจะผิดได้อย่างไร ? "เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ที่คุณชายซุนพูดหมายความว่าอย่างไร” ชางเทียนเชียงถาม
“ข้าก็ไม่ได้หมายความว่าไง เพียงแต่แจ้งให้ทราบเท่านั้น และตระกูลชางของเจ้าเองก็คงไม่อยากต้องพบเจอเหตุการณ์เช่นนั้นหรอก….ใช่ไหม ? ” เต๋าซุนก็ดื่มไวน์แล้วพูดด้วยรอยยิ้ม: “วันนี้ข้ามาเยี่ยมตระกูลชางทั้งที เรามาคุยกันดีๆเถอะ เพราะหลังจากที่ข้าออกจากตระกูลชางไป
เมื่อพลบค่ำมาเยือนพร้อมกับชายชุดดำลึกลับ ตระกูลชางของเจ้าอาจถูกกวาดล้างจนสิ้นได้
แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ได้มีความเกี่ยวโยงอะไรถึงนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์อยู่แล้ว ดังนั้น โดยไร้ซึ่งหลักฐานใดๆแล้ว นิกายของข้าย่อมไม่เกิดผลเสียอะไร
และหลังจากเหตุการณ์นี้ ข้าก็แค่บังเอิญไปพบเจอกับชานชุดดำเข้าและจับตัวเขาได้สำเร็จพร้อมกับลูกปัดเม็ดหนึ่ง
เห็นหรือไม่…..สุดท้ายแล้วยังไงลูกปัดนักพรตก็ต้องตกเป็นของข้า ถึงแม้ขั้นตอนมันจะยุ่งยากไปสักหน่อยก็ตาม…. "
เมื่อได้ยินคำพูดของ เต๋าซุน สีหน้าของ ชางเทียนเชียง ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย สิ่งที่เขากลัวไม่ใช่คนหน้าซื่อใจคดหรือพวกเผด็จการ
แต่เป็นคนประเภทที่มีอำนาจแต่ยังเล่นไม่ซื่อในที่มืดต่างหาก
เพราะนั้นคือภัยคุกคามอย่างแท้จริง
ถ้าเขาไม่มอบลูกปัดนักพรตออกไปในวันนี้ล่ะก็ เกรงว่าเมื่อพลบค่ำมาถึง ชายชุดดำจะต้องกวาดล้างตระกูลชางของเขาอย่างแน่นอน
ชางเทียนเชียงไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะพูดแผนการอย่างโจ่งแจ้งขนาดนี้ และมันก็เป็นเรื่องจริง ตามคำพูดของอีกฝ่ายแล้ว นี่ไม่มีอะไรเชื่อมโยงกับนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ได้แม้แต่น้อย
เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย คนๆนี้จะทำทุกอย่างแม้จะเป็นวิธีที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายก็ตาม…. และนี่ก็ทำให้ชางเทียนเชียงตราตรึงเป็นพิเศษในตัวเต๋าซุน
…………
“นายน้อยซุน หมายความเช่นไร ” ชางเทียนเชียงถามด้วยสีหน้าขมขื่น
“เช่นนั้นก็ไม่เป็นไร ขอบคุณหัวหน้าตระกูลชางมากที่ต้อนรับ ข้าอิ่มแล้ว คงได้เวลากลับเสียที” เต๋าซุน ลุกขึ้นยืนและพูดกับเฟิงปู่หยู่ “ศิษย์พี่เฟิง ท่านช่วยไปแจ้งคฤหาสน์เจ้าเมืองด้วยว่า คืนนี้ไม่ว่าใครก็ห้ามออกจากเมืองเทียนเจียนทั้งสิ้น หากไม่ได้รับคำอนุญาต
เราปิดประตูเมืองจนกระทั่งถึงรุ่งสาง "
เมื่อเห็น เต๋าซุน กำลังจะจากไป ชางเทียนเชียงก็ตื่นตระหนกอยู่ครู่หนึ่ง เขาลุกขึ้นแล้วพูดอย่างรวดเร็ว: "นายน้อยซุนขอรับ จู่ๆข้าก็นึกขึ้นมาได้ว่าตระกูลชางของเราดูเหมือนจะมีลูกปัดทรงกลมอยู่อันหนึ่ง แต่ข้าไม่ทราบว่ามันใช่สิ่งของที่ท่านกำลังตามหาหรือไม่ขอรับ
หากท่านต้องการ ข้าจะไปเอามาให้ทันทีเลยขอรับ "
“โอ้หรอ? แต่ก็…. เห้อ….หัวหน้าตระกูลชาง ได้โปรดอย่าพยายามรั้งข้าเลย ยังไงเสียงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกลา ” เต๋าซุนกล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ไม่ ไม่ ไม่ นายน้อยซุนได้โปรดรอก่อน ข้าจะไปเอามาให้ท่านเดี๋ยวนี้เลยขอรับ ” ชางเทียนเชียงพูดแล้วรีบออกไปข้างนอกทันที
ตอนนี้เขาตื่นตระหนกเป็นอย่างมากมาก ตอนนี้เต๋าซุนบอกลาและกำลังจะจากไปนั้น เขารู้สึกราวกับว่าหายจะได้เกิดขึ้นแล้ว
แม้ว่าคำสอนของบรรพบุรุษที่บอกว่า ลูกปัดนี้จะต้องมอบให้กับใครสักคนจะเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง แต่มันก็ไม่ได้สำคัญไปกว่าการปล่อยให้ตระกูลชางล่มสลายต่อหน้าเขา
ถ้าหายนะเกิดขึ้น เขาจะต้องกลายเป็นคนบาปของตระกูลชางอย่างแน่นอน
ไม่นานหลังจากที่ชางเทียนเชียงจากไป เขาก็เดินกลับเข้ามาพร้อมกล่องใบหนึ่ง
กล่องนี้ดูเก่าเป็นอย่างมาก มีลวดลายเหมือนชุดเกราะเขียนอยู่บนกล่อง
สีของกล่องเป็นสีดำเข้ม ชางเทียนเชียงก็ยื่นกล่องให้ เต๋าซุน แล้วพูดว่า "นายน้อยซุนโปรดดู นี่ใช่สิ่งของที่ท่านกำลังตามหาอยู่หรือไม่ "
เต๋าซุนก็เปิดกล่องออก และพบกับลูกปัดทรงกลมสีเหลืองเข้มอยู่ข้างใน มีเส้นสายที่ดูสับสนวุ่นวายนับไม่ถ้วนถูกสลักไว้บนพื้นผิวของลูกปัด
เจ้าปลาน้อยก็มองไปที่ลูกปัดและถามอย่างสงสัย: "ทำไมลูกปัดนี้จึงดูคุ้นเคยนัก ดูเหมือนว่าข้าจะเคยเห็นมันที่ไหนมาก่อน"
เต๋าซุนก็ยิ้มโดยไม่พูดอะไรสักคำแล้วเก็บลูกปัดกลับไป
ที่มันดูคุ้นๆนั้นก็ไม่แปลกหรอก เพราะชื่อจริงของลูกปัดนี้คือ ลูกปัดผนึกสวรรค์
ตอนที่เต๋าซุนอยู่ในหอแรงโน้มถ่วงก่อนหน้านี้ เขาได้มันมาครอบครองแล้วเม็ดหนึ่งจากซุยหยาน
และนี่ก็คือเม็ดที่สอง
เต๋าซุน พยักหน้าและพูดด้วยรอยยิ้ม "ขอบคุณมากหัวหน้าตระกูลชาง"
“ไม่เป็นไรขอรับ” ชางเทียนเชียงส่ายหัวอย่างรวดเร็วและพูดด้วยรอยยิ้ม“ ไม่มีใครในตระกูลชางเลยที่รู้ว่าลูกปัดนี้มีประโยชน์อะไร และมันก็ถูกเก็บไว้เช่นนั้นมาหลายร้อยปีแล้ว
บางทีหากอยู่ในมือของคุณชายแล้ว มันอาจได้กลายเป็นเป็นสมบัติสวรรค์สักที "
เต๋าซุนก็กล่าวคำอำลากับชางเทียนเชียง และออกจากตระกูลชางไปพร้อมกับกลุ่มคน
ชางเทียนเชียงมองไปยังแผ่นหลังของคนหลายคนที่จากไป และตบฝ่ามืออย่างแรงบนโต๊ะข้างๆ
เมื่อเสียง "ปัง" ดังขึ้น โต๊ะก็แตกสลาย ถ้วยชาที่วางอยู่บนนั้นแหลกเป็นชิ้น ๆ และสีหน้าของ ชางเทียนเชียงก็มืดมนอย่างน่าสะพรึงกลัว
…………
หลังจากออกจากตระกูลชางมาแล้ว เต๋าซุนก็อารมณ์ดี สิ่งเหล่านี้ล้วนแต่สำคัญยิ่งสำหรับเขาและตอนนี้เขาก็เกือบจะพร้อมแล้ว
เขาหันพูดกับเหย33: "ก่อนที่ตะวันจะขึ้นในรุ่งเช้าวันต่อไป ข้าไม่ต้องการให้ตระกูลชางเหลืออยู่บนโลกนี้อีก "
เมื่อได้ยินคำพูดของเต๋าซุน หลายคนรอบๆตัวเขาก็ตกตะลึง
“ศิษย์น้องซุน ไม่ใช่ว่าตระกูลชางมอบลูกปัดนักพรตให้กับเจ้าแล้วหรอกรึ เหตุใดต้องฆ่าล้างตระกูลพวกเขากัน ?” กวนเจิ้นไห่ที่อยู่ด้านข้างก็ถามด้วยความลังเล