ตอนที่แล้วตอนที่ 22
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 24

ตอนที่ 23


ตอนที่ 23



หลังจากกลับมาที่สาขานิกาย เต๋าซุนก็ฝึกบ่มเพาะ

ค่ำคืนอันมืดมิดมาเยือน ความมืดกลืนกินทุกสิ่งราวกับสัตว์ร้ายตัวใหญ่ยักษ์ และดวงจันทร์อันสุกสว่างก็แขวนอยู่บนท้องฟ้า

 กิ่งไม้จันทร์โบกสะบัดสามสายลม

ตอนนี้เต๋าซุนกำลังฝึกบ่มเพาะ กำเนิดนิพพาน ของจักรพรรดิสามดาบ หลังจากฝึกฝนเสร็จ กระแสพลังปราณนิพพานก็ก่อเกิดขึ้นในร่างของเขา

เต๋าซุน เคยฝึกฝนวิชานี้มาก่อนในชาติที่แล้ว ดังนั้นทุกอย่างจึงเป็นไปอย่างธรรมชาติและราบรื่น บนวิถีทางสายนี้เขาคุ้นเคยมาแล้วฉะนั้นมันจึงไร้ซึ่งปัญหาใดๆ

 สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับเขาในตอนนี้คือการพัฒนาวิชาบ่มเพาะของคนที่คิดค้นขึ้น "วิถีราชันไร้สิ้นสุด"

 ในชีวิตก่อนหน้านี้ วิชานี้ได้รับการพัฒนาจนถึงระดับ 8 และเป็นเรื่องยากยิ่งที่จะก้าวไปต่อได้

 แต่ทว่าการเกิดใหม่ครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจอดีต อนาคต และปัจจุบันอย่างลึกซึ้งมากขึ้น

ดังนั้นเต๋าซุนเชื่อว่าเขาย่อมใช้เวลาไม่นานแน่นอนที่จะพัฒนาวิชานี้ไปถึงระดับ 9 ได้

  …………

 หลังจากค่ำคืนผ่านไปอย่างเงียบสงบ  เต๋าซุนก็ตื่นแต่เช้าในเช้าวันรุ่งขึ้น

วิชาต่อสู้ที่เขากำลังฝึกฝนอยู่นั้นคือ  "วิชาวาดดาบ" เต๋าซุนมั่นใจว่าความเร็วดาบของเขาในตอนนี้ แม้แต่ผู้ฝึกบ่มเพาะระดับ 2 หรือ ระดับ 3 ก็ไม่อาจตอบสนองได้ทัน

 แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันยังไม่เพียงพอ ความเร็วของเขานั้นมีขีดจำกัดอยู่

ถ้าข้าสามารถหลอมรวมเข้ากับวิชาวาดดาบได้อย่างสมบูรณ์ ความแข็งแกร่งและความเร็วของเขาจะต้องเพิ่มขึ้นมากแน่นอน

เต๋าซุนยังตั้งเป้าหมายการฝึกฝนประจำวันสำหรับตัวเองไว้ด้วยเช่นกัน เขาจะฝึกชักดาบฟันหนึ่งพันครั้ง และฝึกแกว่งดาบอีกพันครั้งทุกเช้าเย็น

ว่ากันว่าความขยันสามารถชดเชยความแข็งแกร่งได้ และแม้เขาจะเกิดใหม่ เขาก็ไม่คิดจะหย่อนยาน ความเพียรพยายามเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในการก้าวเดินบนเส้นทางแห่งผู้แข็งแกร่ง

 หลังจากอาหารเช้าและช่วงเช้าที่ยุ่งวุ่นวาย เต๋าซุน ก็หยุดฝึกฝนและต้องการไปบ้านตระกูลชางตอนเที่ยง

  ริมฝีปากของเต๋าซุน โค้งเป็นรอยยิ้ม “ข้าสมควรเอาสิ่งนั้นมาให้เร็วที่สุด”

  …………

ผู้คนกลุ่มหนึ่งก็มุ่งหน้าไปยังบ้านตระกูลชางพร้อมกับกวนเจิ้นไห่

เนื่องจากตระกูลชางเป็นผู้ปกครองท้องถิ่นในเมืองเทียนเจียนแห่งนี้ ที่อยู่อาศัยของพวกเขาจึงตั้งอยู่ในพื้นที่ที่เจริญรุ่งเรืองที่สุดในเมือง

คนรับใช้สองคนยืนอยู่ที่หน้าประตูตระกูลชาง พวกเขาหยุดคนกลุ่มนี้ไว้และกล่าวว่าขอนำไปรายงานภายในก่อน

เต๋าซุน ก็ไม่สุภาพเช่นกัน เขามาที่นี่เพื่อสร้างปัญหาอยู่แล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องสุภาพแต่อย่างใด

เจ้าปลาน้อยเตะคนรับใช้ทั้งสองกองกับพื้น จากนั้นก็เดินเข้าไปพร้อมกับแหกปากตะโกน

คฤหาสน์ตระกูลชางนั้นดูยิ่งใหญ่และตระการตามาก พวกเขามีตำหนักที่มีสวน ลานหิน ดอกบัว และสายน้ำไหล มันดูงดงามอลังการเป็นอย่างยิ่ง

  …………

“ไม่ทราบว่าศิษย์รุ่นเยาว์มากพรสวรรค์จากนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ผู้ใดกันที่ให้เกียรติมาเยี่ยมตระกูลชางของข้า ข้าต้องขออภัยด้วยที่ไม่ได้ต้อนรับผู้มาเยือนให้ดี ” ชางเทียนเชียงที่สวมชุดคลุมสีเขียวและมีกลิ่นโอ่อ่าก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้มกว้าง

 ด้านหลังเขา ผู้อาวุทั้งห้าของตระกูลฉางและกลุ่มต่างๆ ก็ติดตามอย่างใกล้ชิด

“เฟิงปู่หยู่ ศิษย์สายในแห่งนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ ” เฟิงปู่หยู่ก็หยิบตราประจำตัวออกมาและตอบอย่างใจเย็น

ในเวลานี้ หัวใจของชางเทียนเชียงก็กลายเป็นเต้นรัว ศิษย์สายในนั้นล้วนแต่อยู่ระดับ 3 ขึ้นไปทั้งสิ้น และพวกเขาก็เทียบได้กับผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลชาง

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเห็นอีกด้วยว่าเฟิงปู่หยู่ผู้นี้หาใช่หัวหอกหรือผู้นำของคนกลุ่มนี้ไม่ ผู้นำที่แท้จริงคือชายหนุ่มชุดม่วงที่อยู่ข้างหน้าต่างหาก

“เรื่องต่างๆดูเหมือนจะบานปลายไปมากแล้วจริงๆ ” ชางเทียนเชียงขมวดคิ้วเล็กน้อยและคิดในใจ “สถานะของอีกฝ่ายสูงส่งกว่าที่คิดไว้มากนัก!”

“อัจฉริยะหลายคนจากนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ให้เกียรติมาเยือนตระกูลชางของข้าเช่นนี้ เป็นเพราะบุตรชายไร้ประโยชน์ของข้าผู้นี้ใช่หรือไม่  ?” ชางเทียนเชียงก็ขมวดคิ้ว ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วโบกมือขวาของเขา

เมื่อเห็นชางเว่ย ถูกมัดและถูกคนรับใช้ลากออกมา ชางเทียนเชียง ก็พูดเสียงดังและหนักแน่น: "ตระกูลชางของเราเป็นผู้ติดตามและผู้รับใช้ของนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ตลอดชั่วทั้งชีวิตจนสิ้นลมหายใจ

หากสุนัขตัวใดกล้าไปลบหลู่พวกท่าน ตระกูลชางของเราย่อมไม่อยู่เฉยอย่างแน่นอน

วันนี้ข้าขอบมอบเขาให้กับท่านผู้อัจฉริยะกับมือ ท่านสามารถทำได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ และตระกูลชางของสัญญาเลยว่าจะไม่เรียกร้องสิ่งใด   "

เต๋าซุน มองไปที่ ชางเทียนเชียง ที่กำลังพูดอย่างเด็ดเดี่ยว เขายิ้มขึ้นและแอบถอนหายใจ  "แน่นอนว่า คนๆ นี้ก็ยังคงเป็นเหมือนเช่นเคยกับชาติที่แล้ว….  เผด็จการ เด็ดเดี่ยว"

ชางเทียนเชียง ในฐานะหัวหน้าตระกูลชางแล้วเขามีบทบาทสำคัญในเมืองเทียนเจียน

แต่เขาไม่ใช่กบในบ่อ เขารู้ว่าโลกภายนอกนั้นกว้างใหญ่แค่ไหน และเขาเองก็เป็นผู้ที่ค่อนข้างเด็ดขาด เมื่อตัดสินใจก็จะไม่เปลี่ยนใจ เมื่อแข็งก็จะไม่งอ เมื่ออ่อนเขาก็จะไหลลื่นไปตามกระแส แม้แต่ยอมแพ้อย่างขี้ขลาดเขาก็ไม่รังเกียจที่จะทำ

แม้ว่าเขาจะต้องเสียสละลูกชายของตัวเองเพื่อจบปัญหานี้ เขาก็ยังสามารถทำได้อย่างสงบโดยไม่หวั่นไหว

เต๋าซุนรู้ดีว่าอีกฝ่ายกำลังขุดหลุมล่อพวกเขาอยู่ ที่ชางเทียนเชียงพูดก่อนหน้านี้ว่าตระกูลชางของพวกเขาภักดีต่อนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์เพียงใด

รวมถึงการมัดลูกชายของตัวเองส่งมอบให้อย่างเต็มใจนั้น

ถ้าเกิดเต๋าซุนลงมือฆ่าชางเพียงเพราะเรื่องความขัดแย้งเล็กน้อยนี้จริงๆล่ะก็  คนภายนอกย่อมคิดไม่ดีกับนิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์แน่นอน

  …………

“สิ่งที่หัวหน้าตระกูลชางพูดข้าเข้าใจ แต่มันเรื่องปกติอยู่แล้วที่คนหนุ่มเลือดร้อนจะขัดแย้งกันบ้าง

อย่าได้คิดจริงจังเลย ข้าลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าเมื่อวานเราขัดแย้งอะไรกัน  “เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม:” ข้ามาในวันนี้ก็เพราะคำชื่นชมจากศิษย์พี่กวนต่างหาก เมืองเทียนเจียนนั้นไม่อาจเจริญเหมือนทุกวันนี้ได้เลยหากขาดตระกูลชางของเจ้าไป ข้าจึงอยากจะมาเยี่ยมดู  "

 เดิมที เต๋าซุน นั้นต้องการจะสร้างปัญหาทันทีเลยที่มาถึง แต่เขาก็ต้องตัดสินที่จะหยุดไว้ก่อน

อีกฝ่ายไม่ใช่พวกโง่ไร้สมองที่จะตามใจเขาทุกครั้งที่เขาไม่เห็นด้วย

ดังนั้นการลงมือจึงไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง  ในฐานะตัวร้ายผู้มีจรรยาบรรณอันสูงส่งแล้ว เขาย่อมต้องการให้ผู้คนเคารพและหวาดเกรงเขาจากใจจริงมากกว่า

  …………

“จิตใจของท่านผู้อัจฉริยะช่างเหนือกว่าเจ้าลูกสุนัขไร้สมองของข้ายิ่งนัก ” ชางเทียนเชียงมองอย่างเข้มงวด เขาเตะชางเว่ยกระเด็นออกไปไกลและพูดว่า "ทำไมเจ้ายังไม่ไปสวนหลังบ้านและไตร่ตรองการกระทำของตัวเองอีก ไปซะ อย่าได้อยู่เกะกะสายตาท่านผู้อัจฉริยะ ”

“ขอรับ ขอรับท่านพ่อ” ชางเว่ยพยักหน้าอย่างรวดเร็วและจากไปด้วยความตื่นตระหนกด้วยความช่วยเหลือจากคนรับใช้ของเขา

 เขารู้ว่าพ่อของเขากำลังปกป้องเขาอยู่และต้องการให้เขาออกไปโดยเร็วเพื่อยุติเรื่องนี้

“คงลำบากพวกท่านแล้วที่ต้องมาเยือนตระกูลชางของข้า มาเถอะ พวกท่านอย่ามัวยืนข้างนอกเลย เชิญพวกท่านเข้าไปนั่งพักผ่อนด้านในก่อน ข้าจะบอกให้คนจัดเตรียมอาหารให้ขอรับ ” ชางเทียนเชียง กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เต๋าซุน พยักหน้าด้วยรอยยิ้มและเดินเข้าไปพร้อมกับเจ้าปลาน้อยกับพวก

ดวงตาของ ชางเทียนเชียง ลึกลงไป และเขาก็ขมวดคิ้วในความคิด

ตอนที่ เต๋าซุน ยกโทษให้กับชางเว่ยนั้น ชางเทียนเชียงก็ตระหนักได้ทันทีว่าเรื่องนี้คงไม่ง่ายเสียแล้ว

 เหตุผลที่ เต๋าซุน มาที่บ้านของตระกูลชางนั้น แท้จริงแล้วหาใช่เพราะบุตรชายของเขา

กล่าวอีกนัยหนึ่ง เหตุผลแท้จริงของ เต๋าซุน ที่มายังเมืองเทียนเจียนแห่งนี้ แต่แรกก็คือมาหาตระกูลชางของเขาอยู่แล้ว แม้ว่าบุตรชายของเขาจะไม่ไปปะทะคารมกับอีกฝ่าย แต่อีกฝ่ายก็ย่อมมาที่ตระกูลชางอยู่ดี

เพียงแต่ว่า ชางเทียนเชียง นั้นยังไม่อาจเข้าใจได้ว่าตระกูลชางของเขาไปทำสิ่งใดให้เต๋าซุนขุ่นเคืองกัน ? หรือว่ามีบางอย่างที่ดึงดูดตัวตนเช่นนี้มา “

 เขาคิดในหัวอยู่ครู่หนึ่งและพยายามจะเดาความตั้งใจของ เต๋าซุนกับพรรคพวก

  …………

ในช่วงเวลางานเลี้ยง ชางเทียนเชียง ยังคงพูดประล่อมถามจุดประสงค์ของเขาตลอดเวลา แต่เต๋าซุนก็ทำเพียงยิ้มและกินโดยไม่เอ่ยสิ่งใด

 ในที่สุด หลังจากดื่มไปห้ารอบ เต๋าซุน และคนอื่น ๆ ก็เกือบจะรับประทานอาหารเสร็จแล้ว

เขาก็ยิ้มและพูดว่า: "ข้าได้ยินมาว่าบรรพชนตระกูลชางของเจ้านั้นเป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาในหมูบ้านเล็กๆบนภูเขาแห่งหนึ่ง

 ต่อมา เขาคนนั้นได้รับโอกาสบางอย่างจึงเริ่มฝึกฝนบนเส้นทางแห่งการต่อสู้ และก็ได้สร้างความมั่งคั่งให้กับตระกูลชางจวบจนถึงตอนนี้    "

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด