ตอนที่ 195 คำขอของ เซี่ย ซินเหยา
“เป็นไงบ้าง ประธานเหลย ภาพนี้คุณรู้สึกพอใจกับมันไหม?”
“หมื่นอาชาทะยาน ซึ่งบ่งบอกว่า ประธานเหลย กำลังควบม้าในวงการธุรกิจ เดินหน้าอย่างมั่นคงฝ่าฟันอุปสรรคในการเติบโต และพัฒนาในวงการธุรกิจได้อย่างสำเร็จ และเจริญรุ่งเรืองไปอย่างต่อเนื่อง”
ซูเหวิน วางพู่กันหมึกลง มองไปที่ ประธานเหลย แล้วพูด
น้ำเสียงของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจ
“โอ้.. เยี่ยมสุดๆ นี่มันเยี่ยมมากๆ”
“น้องซู เห็นสิ่งนี้แล้ว.. ฉันรู้สึกชื่นชมคุณอย่างลึกซึ้ง ภาพวาดนี้สวยมาก และมันน่าตื่นเต้นเกินไป”
“ภาพนี้มีภูเขาใหญ่อยู่ห่างไกล และมีฝูงอาชานับหมื่นวิ่งอยู่ใกล้ๆ มันให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่ และสง่างาม สมบูรณ์แบบมาก.. โดนใจฉันสุดๆ”
ประธานเหลย กล่าวอย่างมีความสุข
ในเวลานี้ เห็นได้ชัดว่าเขาทั้งประหลาดใจ และสุขใจกับภาพวาดที่ ซูเหวิน ได้วาดให้ ซึ่งเขาแทบไม่อาจวางมันลงได้..
เขาเฝ้าดูมันด้วยดวงตาเกือบที่จะส่องแสงเปล่งประกายออกมา
“ฮ่าฮ่า ประธานเหลย ไม่เป็นไรแค่คุณชอบก็พอ”
ซูเหวิน หัวเราะ และเขาก็ถือว่าทำเสร็จไปเรื่องหนึ่งแล้ว
อาจารย์จาง และลูกศิษย์หญิงของเขาก็ชื่นชม ซูเหวิน และแสดงความเคารพต่อเขาเช่นกัน
ซูเหวิน ที่เห็นได้แต่หัวเราะอย่างจนใจเท่านั้น
หลังจากนั้น ทุกคนก็พูดคุยกันที่โรงน้ำชากันอีกเกือบหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะแยกย้ายกันไป
ซูเหวิน กลับไปที่มหาลัย
อาจารย์จาง กลับไปที่สตูดิโอพร้อมกับลูกศิษย์ของเขา
ส่วน ประธานเหลย เรื่องธุระของเขาในที่นี่ถือว่าเสร็จสิ้นเรียบร้อย
บางทีเขาอาจจะออกจากเมืองม่อ และกลับไปยังเมืองตี้ ในตอนบ่าย...
หลังจากนั้น 1 วัน..
“ดังนั้นในสองวันมานี้ คุณไปเข้าร่วมงานเลี้ยงพบปะสังสรรค์ และวาดภาพให้คนอื่น?”
“ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมฉันถึงไม่เห็นคุณเลย!”
มหาลัย ในโรงอาหาร..
ซูเหวิน, เซี่ย ซินเหยา และเพื่อนๆ กำลังนั่งทานอาหารที่โต๊ะอาหารพลางพูดคุยกัน
และคนที่พูดเมื่อกี้ แน่นอนว่าย่อมเป็น เซี่ย ซินเหยา
“อืมม ตอนเข้าร่วมงานพบปะสังสรรค์ ผมได้ลงทุนในละคร(ซีรีส์)ศิลปะการต่อสู้ด้วย ซึ่งน่าจะเปิดตัวในปีหน้า”
ซูเหวิน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“ว้าวว.. พูดจริงหรือล้อเล่นเนี่ย?”
“แล้วเป็นซีรีส์แบบไหนอะไรอ่ะ และลงทุนไปเท่าไหร่?”
พอได้ยิน ซูเหวิน ลงทุนในซีรีส์ศิลปะการต่อสู้ ทุกคนก็ดูจะตื่นเต้นขึ้นมาทันที
แม้แต่ เซี่ย ซินเหยา ดวงตาของเธอก็เปล่งประกายเต็มไปด้วยความอยากรู้อยากเห็น
“ดูเหมือนจะเรียกว่า ‘กระบี่ฟ้าดิน(神劍江湖)’ คาดว่าจะถ่ายทํากว่า 40 ตอน ผมลงทุนไปประมาณ 350 ล้านได้มั้ง!”
“แต่ผมไม่ได้ลงทุนเป็นการส่วนตัว แต่เป็นการลงทุนโดย Worster Group”
ซูเหวิน ได้ตอบกลับ
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่ Worster Group ถนัดที่สุดนอกเหนือจากการทําธุรกิจอีคอมเมิร์ซแล้ว คือการลงทุนในทุกด้านที่สามารถเข้าไปมีส่วนร่วมได้ ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจอะไรเลย..
“พระเจ้า 350 ล้าน?”
ทันทีที่ทราบข่าวว่าบริษัทของ ซูเหวิน ร่วมลงทุน 350 ล้านในการสร้างซีรีส์
เพื่อนๆ ทุกคนอดไม่ได้ที่จะมองหน้ากัน
ดวงตาพวกเขามองตรงไปที่เขา
โห ให้ตายเหอะ!
คนรวยนี้แตกต่างไปจริงๆ ลงมือทีนี่ก็ใจกว้างเกินไปแล้ว
ดูสิ.. ลงทุนครั้งเดียวก็ปาไป 350 ล้านแล้ว
เงินมากมายขนาดนี้ ก็พาน้องสะใภ้หนีไปได้ทุกที่แล้ว(เป็นคำเสียดสี)
“ฮ่าฮ่า เรื่องนี้ไม่มีอะไรแปลกหรอกนะ”
“Worster Group เป็นผู้นำในด้านการลงทุนมาโดยตลอด หากเป็นการลงทุนเพียงเล็กน้อย ผู้ถือหุ้น และคณะกรรมการอาจจะขี้เกียจเกินไปที่จะเข้าไปยุ่งด้วย”
ซูเหวิน กล่าวไปพลางส่ายศีรษะ
“ยังไงก็หยุดพูดเรื่องนี้ก่อนเถอะ”
“พรุ่งนี้มีสอบ, เรียนเป็นไงบ้าง, มั่นใจกันไหม?”
ทันใดนั้น ซูเหวิน ก็ถามอีกครั้ง
หลังจากนี้ใกล้ปิดเทอมฤดูหนาวแล้ว, และในอีกสองวันนี้ก็จะมีการสอบ
หลังสอบเสร็จก็ปิดเทอมจริงๆ
เพียงแต่สิ่งที่ ซูเหวิน ไม่รู้ก็คือ…
มันจะดีกว่าถ้าเขาไม่ถามคำถามนี้.. พอถามออกไปแล้ว
นอกจาก เซี่ย ซินเหยา แล้ว ทุกคนก็ไอออกมาเหมือนจะสําลักข้าว
“ไอไอ... อืม... ไม่รู้สิ ยังไงฉันสอบได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น!”
“..อย่ามาถามฉันเลย ครั้งนี้ไม่รู้ว่าการสอบผลมันจะออกมาเป็นยังไง”
“เอ่อ.. เอาจริงๆ นะเรื่องเรียนนี้ ฉันแย่ลงไปมาก...”
พอพูดถึงการสอบ ทุกคนดูเหมือนจะสูญเสียความมุ่งมั่นไปทันที และพากันถอนหายใจยกใหญ่
หน้าตา และความมั่นใจของพวกเขาเวลานี้แตกต่างออกไปจากเมื่อก่อนมาก
เมื่อเห็นเพื่อนๆ ทำหน้าทำตาแบบนี้ ซูเหวิน ก็เข้าใจทันที
ดูเหมือนไม่มีใครมั่นใจในการสอบ!
อย่างไรก็ตาม นี่ก็อยู่ในความคาดหมายของ ซูเหวิน
เทอมนี้ตั้งแต่เขาได้รับระบบมา เขาก็มักจะพาทุกคนออกไปเที่ยวกินดื่มกันอย่างสมบูรณ์พูนสุขทีเดียว
แถมยังลาเรียนไปเที่ยวที่อื่นอยู่บ่อยครั้งเกินสิบกว่าวันต่อครั้งคงแปลกถ้าผลการเรียนของแต่ละคนจะแย่ลง…
เฮ้อ!
มันช่างน่าหงุดหงิดจริงๆ ที่หลงใหลไปกับการเที่ยวเล่นจนลืมสนใจความก้าวหน้าในชีวิต!
“จริงสิ เสี่ยวเหวิน แล้วคุณล่ะ ..เป็นยังไงบ้าง?”
“มั่นใจในการสอบมั้ย?”
เซี่ย ซินเหยา มองไปที่ ซูเหวิน แล้วถามอยากรู้อยากเห็น
“ไม่เลย.. แค่พยายามทำคะแนนสอบให้ได้มากที่สุด!”
ซูเหวิน กินข้าวไปคํา และพูดออกมาอย่างไม่ใส่ใจ
ถ้าเป็นเมื่อก่อน ซูเหวิน ยังคงมีความกังวลอยู่บ้าง
ตอนนี้กลัวอะไร?
เขาเป็นประธานบริษัท และทรัพย์สินโดยส่วนตัวของเขาก็เกิน 1 พันล้าน เขาบรรลุอิสรภาพทางการเงินนานแล้ว เช่นนี้ตรงไหนที่เขารู้สึกกดดัน?
เมื่อเห็น ซูเหวิน ดูเหมือนไม่ได้ให้ความสําคัญกับการสอบเลย เพื่อนๆ ของเขาก็พากันรู้สึกอิจฉา…
บ้าชิบ!
การมีเงินนี้มันดีจริงๆ สามารถทำตามใจตัวเองได้
แถมไม่ต้องมานั่งกังวลเรื่องการสอบ
เจ๋งอะไรอย่างนี้!
“ฮ่าฮ่าๆ พวกคุณไม่จำเป็นต้องทำหน้านิ่วคิ้วขมวด แค่ทำข้อสอบให้มากที่สุดเท่าที่ทำได้ ทำหน้าที่ให้ดีที่สุดก็พอ”
“พอเรียนจบเมื่อไหร่ ฉันค่อยหางานให้ทุกคน”
เมื่อเห็นทุกคนมองมาที่เขาด้วยสายตาอิจฉา
ซูเหวิน ยิ้มอย่างจนใจ แล้วพูดออกไปทันที
โดยถือว่าเซอร์ไพรส์ทุกคน อย่างน้อยๆ ก็ทำให้พวกเขารู้สึกโล่งใจไปได้เปราะหนึ่ง
และพอคําพูดของเขาออกมา ก็เป็นไปตามคาด
เพื่อนๆ ต่างตื่นขึ้นมาจากการสูญเสียเมื่อกี้แทบจะทันที
“คุณ... คุณว่าไง คุณจะจัดหางานให้เรา?”
“ล้อเล่นหรือเปล่าเนี่ย?”
จี้หยวี่, วัง ซิ่วซิ่ว แทบไม่อยากเชื่อเลย
“ใช่ นี่คงไม่ใช่ว่าล้อเล่นกันใช่มั้ย?”
เพื่อนสนิทของเขาก็มองตรงมาเช่นกัน
“มันเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เอาเป็นว่าเมื่อพวกคุณเรียนจบแล้วก็แค่ให้พวกคุณเข้ามาทำงานที่บริษัทของฉัน และเดี๋ยวฉันจะจัดหาตำแหน่งให้พวกคุณ เงินเดือนย่อมไม่น้อยแน่นอน”
ซูเหวิน กล่าวอย่างมั่นใจ
คิดว่าเขาล้อเล่นอะไร เขามีบริษัทใหญ่เป็นโหลภายใต้ชื่อของเขา
เพียงแค่เลือกบริษัทใดบริษัทหนึ่งออกมา ก็สามารถเคลียร์เรื่องงานให้กับเพื่อนๆ ได้ทั้งหมดแล้ว, มันยากตรงไหน?
เรื่องเล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ถ้าทําไม่ได้ งั้นประธานบริษัทคุณก็อย่าเป็นมันเลย หากจะไก่อ่อนเกินไปเช่นนี้
เพียงแต่ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงเรื่องเหล่านี้
ท้ายที่สุดแล้วพวกเขาเพิ่งอยู่ปีสามเท่านั้น ยังเร็วกว่าจะสําเร็จการศึกษา!
และคําพูดของเขา ย่อมกระตุ้นความปีติยินดีของเพื่อนๆ ของเขาในทันที ทุกคนต่างรู้สึกขอบคุณ ซูเหวิน เป็นอย่างมาก
ท้ายที่สุดแล้ว ในยุคสมัยนี้ แม้ว่าจะเรียนจบมหาลัยก็ใช่ว่าจะหางานได้ง่าย!
เมื่อเห็นทุกคนกลับมามีความสุขอีกครั้ง ซูเหวิน เองก็ยกยิ้มเช่นกัน
เราต่างเป็นเพื่อนที่ดีที่เล่นด้วยกัน ไม่จำเป็นต้องขอบคุณ…
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวทุกคนก็ได้ทานอาหารกันเสร็จแล้ว
หลังจากนั้น ซูเหวิน ก็ติดตามเพื่อนสนิทของเขากลับไปที่หอพัก
เพียงแต่ไม่นานหลังจากกลับมาถึงหอพัก โทรศัพท์มือถือของเขาก็ดังขึ้น เป็นข้อความ VX จาก เซี่ย ซินเหยา
“ปีนี้คุณจะกลับบ้านเกิดไปฉลองปีใหม่(ตรุษจีน)หรือเปล่า?”
เซี่ย ซินเหยา รู้ว่าบ้านเกิดของ ซูเหวิน ไม่ได้อยู่ในเมืองม่อ
“ไม่กลับไปแล้ว ผมจะฉลองปีใหม่ในเมืองม่อ”
ซูเหวิน ตอบกลับทันที
เอาจริงๆ เขาไม่เคยฉลองปีใหม่ในเมืองม่อเลย!
ตอนนี้เขามีบ้านอยู่ในเมืองม่อแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องลองดูว่าการเฉลิมฉลองปีใหม่ในเมืองม่อนี้จะเป็นอย่างไร
นอกจากนี้ บ้านเกิดของเขายังห่างไกลจากเมืองม่อเกินไป ข้ามไปอีกหลายมณฑล เขาขี้เกียจจะวิ่งไปจริงๆ
ยิ่งกว่านั้นพ่อกับแม่ของเขาก็อยู่ที่นี่
เซี่ย ซินเหยา : “จริงหรือเปล่า นั่นมันเยี่ยมไปเลย”
เซี่ย ซินเหยา : “พ่อแม่ของฉันบอกว่า ถ้าปีนี้คุณไม่กลับบ้าน ให้ชวนพวกคุณมาฉลองปีใหม่กันที่บ้านของฉัน!”
ได้ยิน ซูเหวิน บอกว่าไม่กลับบ้าน เซี่ย ซินเหยา ย่อมเปิดเผยความสุขออกมาในทุกการกระทำ และคำพูดของเธอ
ซูเหวิน ที่ได้ยินเขายิ้มขึ้นก่อนพูดว่า : “ได้สิ ตราบใดที่ไม่ลำบากพวกคุณมาก”
เขาตอบตกลงโดยไม่ต้องคิดเลย
ท้ายที่สุด คุณยังต้องเกรงใจ และสุภาพกับแฟนของตัวเองไปเพื่อ?
ยิ่งไปกว่านั้นว่าที่พ่อตาแม่ยายได้พูดแล้ว ขอให้คุณไปเฉลิมฉลองปีใหม่กับพวกเขา
ถ้าไม่ไปเลย ก็ดูเป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสมนัก
ทันใดนั้น เซี่ย ซินเหยา ก็พูดอีกครั้ง
“จริงสิ หลังจากสอบครั้งนี้เสร็จก็ปิดเทอมแล้ว”
“ในช่วงปิดเทอมถึงปีใหม่คุณก็มาพักที่บ้านฉันได้นะ..”