ตอนที่ 19
ตอนที่ 19
“เจ้าหนู เหตุใดเจ้าถึงได้พูดเช่นนั้นกับนายน้อยของข้า” ก่อนที่ชางเว่ยจะได้พูดอะไร คนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังเขา ไหลฟู่ ก็อดไม่ได้ที่จะก้าวออกมาพูด
เต๋าซุนก็เหลือบมอง และทุกคนก็ได้ยินเสียง "ชิ้ง" จากนั้นรอยเลือดก็ปรากฏขึ้นลำคอของไหลฟู่
และร่างของไหลฟู่ล้มลงกับพื้นอย่างแรง
“เจ้ากล้าฆ่าคนของข้ารึ” ชางเว่ยก็ตกใจกลัวและถอยหลังไปสามก้าวด้วยความตื่นตระหนก
“ศิษย์น้อง…” กวนเจิ้นไห่ที่อยู่ข้างๆ ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ นี่เขาคิดจะฆ่าใครสักคนเพียงเพราะทำให้หงุดหงิดน่ะรึ
“กลับไปบอกพ่อของเจ้าด้วยว่าพรุ่งนี้ข้าจะไปเยี่ยมที่ตระกูลชางของเจ้าเป็นการส่วนตัว ” เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
“จะ…เจ้า” ชางเว่ยชี้ไปที่เต๋าซุนและพูดไม่ออกอยู่นาน ในที่สุดเขาก็พยักหน้าและพูดว่า "ย่อมได้ ตระกูลชางของข้าจะรอเจ้า ! "
…………
เมื่อมองดูร่างของชางเว่ยที่หนีไปอย่างรวดเร็ว กวนเจิ้นไห่ก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย และมองไปที่เต๋าซุนและถามว่า "ศิษย์น้อง เหตุใดกัน…. "
“ศิษย์พี่ เรามากินอาหารกันต่อเถอะ อาหารที่นี่ค่อนข้างรสชาติดีเลยทีเดียว ” เต๋าซุน ยิ้มและไม่พูดอะไรมาก เขาแค่หยิบชิ้นเนื้อวัวขึ้นมาแล้วป้อนเข้าไปปาก:“เจ้าของร้าน รบกวนเก็บกวาดร่างไร้หัวนี่ด้วย มันรบกวนสายตาข้า ”
“ขะ…ขอรับ ข้าจะจัดการให้ทันทีเลย ” เจ้าของร้านหอหมิงเย่ก็วิ่งขึ้นมาจากด้านล่าง และพาชายสองคนมาคนศพออกไป
จากนั้นเขาก็ยิ้มและพูดกับ เต๋าซุน: "หากมีสิ่งใดจากทางร้านที่ทำให้ท่านไม่ถูกใจ โปรดบอกข้าน้อยได้เลยนะขอรับ และมื้อนี้ทางหอก็ขอเป็นคนเลี้ยงท่านเอง "
“เอาตามที่เจ้าว่า ส่วนอาหารของทางร้านนั้น…ข้าไม่มีปัญหาอะไร” เต๋าซุน กล่าวพร้อมกับส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
…………
หลังจากที่หลายคนกินเสร็จแล้ว เต๋าซุนก็ถามกวนเจิ้นไห่ด้วยรอยยิ้ม: "ศิษย์พี่กวน ในเมืองเทียนเจียนมีหอนางโลมหรือไม่ ?"
“มีอยู่ แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นหอนางโลม” กวนเจิ้นไห่ส่ายหัวอย่างรวดเร็วแล้วพูดว่า “แต่ในเมืองเทียนเจียนของเรานั้นมีสถานที่บังเทิงบางแห่งที่ชายหนุ่มมักจะไปกันอยู่ ข้าพาเจ้าไปดูได้ ”
“ท่านหมายถึงศาลาหยุนหยานใช่หรือไม่” เต๋าซุนถามพร้อมกับเหลือบมอง
“ดูเหมือนว่าน้องซุนจะรู้เรื่องนี้ไม่น้อย ” กวนเจิ้นไห่พยักหน้าอย่างรวดเร็วและกล่าวว่า “น่าเสียดาย หญิงสาวของศาลาหยุนหยานนั้นแม้จะเป็นคณิกา แต่ก็หาใช่คณิกาทั่วไปไม่
แต่ถ้าน้องซุนมีความสามารถอย่างแท้จริง การทำให้หญิงสาวของศาลาหยุนหยางยินยอมก็คงไม่ใช่เรื่องยากอะไร "
“ไปดูกันเถอะ” เต๋าซุนพูดด้วยรอยยิ้ม
ส่วน ทังห้วยหยวน เสี่ยวหยู และเฟิงปู้หยู ไม่ต้องการไปสถานที่โคมเขียวเช่นนั้น ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกกลับไปที่สาขาของนิกายก่อน
ส่วนเต๋าซุนกับคนอื่นๆก็มุ่งหน้าไปยังศาลาหยุนหยาน
ศาลาหยุนหยานตั้งอยู่ติดกับคูเมืองเทียนเจียน เป็นเรืออาคาร 3 ชั้น หลังคาทำจากไม้ไผ่เมฆสีเขียว
ในเวลานี้ สายลมฤดูใบไม้ผลิพัดมา แม่น้ำกระเพื่อม และต้นหลิวทั้งสองข้างก็พลิ้วไหวตามสายลม ซึ่งดูน่ารื่นรมย์มาก
หน้าประตูศาลาหยุนหยานนั้นดูคึกคัก หญิงสาวที่งดงามและละเอียดอ่อนสองคนกำลังยืนรับแขกอยู่ คนที่มาเยือนล้วนแต่เป็นชายหนุ่มหรือนักรบที่ดูองอาจและมีกลิ่นอายโลหิตออกมาจากดาบ
ขณะเรือลอยอยู่ในแม่น้ำ ที่นี่ก็เต็มไปด้วยหญิงงาม และชายหนุ่มมากความสามารถเดินเข้าออก เสียงบทกวีถูกท่องกล่าวในอากาศ ทำให้บรรยากาศดูเพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่ง
เต๋าซุน และพรรคพวกของเขาก็เดินเข้าไปในศาลาหยุนหยาน แล้วพวกเขาก็พบว่าภายในกว้างขวางเป็นอย่างมาก
ทั้งสองด้านซ้ายขวาเต็มไปด้วยแขก และตรงกลางมีหญิงสาวร่างบางกำลังเล่นดนตรีและเต้นรำอยู่ห้าคน
เจ้าปลาน้อยก็แสดงออกด้วยความร่ำรวย เขาโยนผลึกจิตวิญญาณลงบนโต๊ะและตะโกนออกมา "นายหญิง จัดหญิงสาวที่ดีที่สุดในศาลาของมาให้ข้าที"
“โอ้ นายน้อยคนนี้สมควรมาใหม่ใช่หรือไม่” นายหญิงของศาลาหยุนหยานที่เป็นหญิงสาวทรงเสน่ห์ก็กล่าวขึ้นขณะที่บิดร่างอวบอึ๋มของนางเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม
“เหตุใดเจ้าถึงได้ถามมากมายนัก ไปเอาหญิงสาวที่ดีที่สุดของเจ้ามาเดี๋ยวนี้ ” เจ้าปลาน้อยก็พูดด้วยท่าทางเหมือนพวกเกเร
นายน้อยท่านนี้ช่างวู่วามนัก น่าเสียดายที่ข้าต้องบอกท่านว่า…. วันนี้สตรีหยกขาวที่ดีที่สุดของเราไม่รับแขก “นายหญิงใช้มือกอดอกและพูดกับเจ้าปลาน้อย ”ข้าจะจัดแจงหญิงสาวคนอื่นให้ท่านก็แล้วกัน รับรองว่านายน้อยยอมเพลิดเพลินไปด้วย "ความสุข" แน่นอน
“เหตุใดนางจึงไม่รับแขกกัน หรือเพราะข้าไม่หล่อ ? หรือเพราะข้ามีเงินไม่พอ ?” เจ้าปลาน้อยก็ถามพร้อมกับหันข้างทำสีหน้าหล่อเหลา
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เลยค่ะนายน้อย ข้าไม่อาจควบคุมความต้องการของสตรีหยกขาวได้ แต่หากนายน้อยต้องการพบสตรีหยกขาวจริงๆ มันก็มีวิธีอยู่ ” นายหญิงก็หยุดชั่วคราวแล้วพูดว่า "สตรีหยกขาวนั้น ครั้งหนึ่งเป็นผู้เขียนพู่กันและวาดภาพ โดยนางกล่าวไว้ว่าหากใครสามารถไขคำตอบของตัวอักษรและภาพวาดของนางได้ นางก็ยินดีที่จะสนองคำขอของนายน้อยผู้นั้น ”
“มันจะยากอะไร?”เจ้าปลาน้อยก็ยิ้มแล้วพูดว่า “พาข้าไปดูอักษรและภาพวาดนั้นสิ ”
เต๋าซุนที่อยู่ด้านข้างถามด้วยความสนใจ: "สตรีหยกขาวของท่านมีนามว่าอะไรรึ ?"
“แซ่ของนางคือ จื่อ และชื่อเต็มก็คือ จื่อไป๋หยู่” นายหญิงอธิบายด้วยรอยยิ้ม
“ระบำดาบ จื่อไป๋หยู่ ” เต๋าซุน พึมพำกับตัวเองแล้วยิ้ม
นายหญิงก็พาทุกคนมาที่ห้องโถงด้านข้าง ซึ่งสถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยบัณฑิตมากพรสวรรค์หลายคนกำลังรวมตัวกันอยู่
มีภาพวาดแขวนอยู่บนผนังฝั่งตรงข้าม มันเป็นภาพของนกกระเรียนสีขาวที่ดูสมจริง
นกกระเรียนขาวยืนอยู่ในหล่มที่เต็มไปด้วยดินโคลน มันยืนบนตลิ่งด้วยเท้าข้างหนึ่ง ส่วนเท้าอีกข้างยกขึ้นเล็กน้อยทำให้ดูเหมือนกับไก่ที่ยืนขาเดียว
“คำถามของสตรีหยกขาวนั้นคือ เหตุใดนกกระเรียนขาวตัวนี้จึงยืนอยู่บนหล่มด้วยท่าทางเช่นนี้ ” นายหญิงก็พูดด้วยรอยยิ้ม
…………
“เพราะกระเรียนขาวตัวนี้ชื่นชอบความสะอาดและไม่อยากที่จะเปื้อนโคลนใช่หรือไม่” เจ้าปลาน้อยก็ตอบอย่างไม่แน่ใจ
“คำตอบนี้ใกล้เคียงนัก แต่ก็หาใช่คำตอบที่สตรีหยกขาวต้องการไม่” นายหญิงก็ส่ายหัวพร้อมกับยิ้ม
ขณะเดียวกัน ชายหนุ่มที่มีความสามารถรอบๆก็เริ่มที่จะพยายามเดาหาคำตอบเช่นเดียวกัน
“เพราะว่านกกระเรียนขาวตัวนี้กำลังฝึกฝนวิชาที่แปลกประหลาดอยู่?”
“นกกระเรียนขาวยืนอยู่ในท่วงท่าเช่นนี้ก็เพราะต้องการแสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิใจ”
“นกกระเรียนขาวตัวนี้กำลังรีบหนีบิดาของมันอยู่!”
…………
ทุกคนก็รีบตอบกันอย่างต่อเนื่อง แต่ทว่านายหญิงกลับส่ายหัวให้อย่างใจเย็น
บางคนมาที่นี่หลายครั้งแล้วแต่ก็ยังไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ พวกเขาทำได้เพียงถอนหายใจออกมา และจากไปพร้อมกับสีหน้าเสียใจและผิดหวัง
…………
“พวกเจ้าถูกเรียกว่าชายหนุ่มผู้โดดเด่นและเชี่ยวชาญอิสตรี แต่หาได้รู้เกี่ยวกับความคิดของผู้หญิงเลยไม่ ” เต๋าซุนก็หัวเราะเบา ๆ และส่ายหัว
“เหตุใดน้องชายคนนี้ต้องหัวเราะเยาะเราด้วย พวกเราก็แค่คนชอบเที่ยวเท่านั้น” คนที่อยู่ข้างๆก็มองมาที่เต๋าซุนแล้วพูดว่า “เช่นนั้นน้องชายรู้คำตอบงั้นรึ?”
“มีอะไรยากกัน” เต๋าซุน ส่ายหัวแล้วพูดว่า“ จริงๆเจ้าปลาน้อยก็ตอบคำถามถูกไปครึ่งหนึ่งแล้ว
สาเหตุที่กระเรียนขาวตัวนี้ยืนด้วยขาข้างเดียวก็เป็นเพราะมันไม่ต้องการแปดเปื้อนโคลนสกปรก
สตรีหยกขาวผู้นี้เปรียบกับตัวเองเป็นเหมือนกับกระเรียนขาว แม้ว่านางจะอยู่ในสถานที่โคมเขียว แต่ท่ามกลางหิมะและดวงจันทร์นางก็ยังเป็นดั่งกระเรียนขาวบริสุทธิ์ ที่พยายามยกขาข้างหนึ่งเพื่อให้พ้นจากโคลนตมที่สกปรก และไม่ถูกกลืนกินทุกส่วนจากหล่มโคลนแห่งนี้ "
เมื่อได้ยินคำอธิบายของ เต๋าซุน ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ดูเหมือนจะได้รับแรงบันดาลใจขึ้นมาทันที และความสงสัยในหัวของพวกเขาก็ชัดเจนขึ้น
“คุณชาย โปรดรอสักครู่ ข้าจะนำคำตอบของท่านไปบอกกล่าวสตรีหยกขาวให้ ” นายหญิงก็พูดอย่างรวดเร็วด้วยความประหลาดใจในดวงตา
…………
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังของนายหญิงที่จากไป ทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็กลายเป็นวุ่นวาย และเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับเต๋าซุน
แต่ เต๋าซุน เพียงส่ายหัวและกระซิบกับชิลีชางคงที่อยู่ข้างๆเท่านั้น: "เจ้าจงติดตามข้าเข้าไปด้วย หญิงสาวคนนี้หาใช่นางคณิกาทั่วไปไม่ !"