ตอนที่ 15
ตอนที่ 15
เจ้าปลาน้อย มองไปยังวิชาบ่มเพาะที่เต๋าซุนเขียนให้ หลังจากอ่านมันได้รวดเร็วเขาก็ดวงตาส่องประกาย
เขารู้สึกว่าวิชาบ่มเพาะนี้เหมาะสมกับเขาเป็นอย่างมาก แม้แต่เขาที่ไม่เคยสนใจการบ่มเพาะมาก่อนหรือแม้แต่วิชาก็ยังให้ปู่เลือกให้ ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นทันทีเมื่อได้เห็นวิชาที่เต๋าซุนมอบให้
…………
วิชาบ่มเพาะ "ทรงพลัง" จำเป็นต้องใช้เลือดสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนหลอมรวมเข้ากับร่างกาย และสัตว์อสูรเหล่านี้ก็ต้องแข็งแกร่งอีกด้วย
…………
ตอนเที่ยง ชายหัวล้านในชุดดำก็มาที่ลานบ้านของเต๋าซุน
“นายน้อยขอรับ ข้าเหย 33 มาพบท่านภายใต้คำสั่งของท่านรองนิกายขอรับ ข้าพร้อมที่จะไปเมืองเทียนเจียนพร้อมกับนายน้อยแล้ว ” ชายหัวโล้นกล่าว
เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำ รูปร่างกำยำ มีแผลเป็นบนใบหน้าชัดเจน เมื่อประกอบกับหัวที่โล้นแล้ว มันทำให้เขาดูดุร้ายเป็นพิเศษ
“เหย33 เขาคงเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้คัมกันทมิฬของท่านพ่อสินะ” เต๋าซุนก็คิด
จากนั้นเขาก็พูดกับ เจ้าปลาน้อย: "เจ้าปลาน้อย เจ้าไปแจ้งออกภารกิจสำนักให้ข้าที่หอภารกิจหน่อย
เนื้อหาของภารกิจนั้นคือหาคนการติดตามข้าไปยังเมืองเทียนเจียน
ส่วนรางวัลภารกิจคือผลึกจิตวิญญาณสิบก้อนต่อคน และจำกัดจำนวนเพียงสามคนเท่านั้น อีกทั้งข้าต้องการคนที่มีการบ่มเพาะระดับ 2 ขึ้นไปเท่านั้น
เราจะออกเดินทางในอีกสามชั่วโมง "
“ได้เลยพี่ซุน” เจ้าปลาน้อยก็พยักหน้าแล้วไปที่ห้องหอภารกิจ
…………
เต๋าซุน มองไปที่ เหย33 ตรงหน้าและถามด้วยความสนใจ : "การบ่มเพาะของเจ้าอยู่ที่ระดับใดรึ "
“ข้าน้อยอยู่ระดับ 4 ขอรับ” เหย33ก็ลูบไปที่หัวโล้นของตัวเองและพูดอย่างอารมณ์ดี
เต๋าซุน แตะคางของเขา "หากไม่มีอะไรผิดพลาด คนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลชางสมควรอยู่ที่ระดับ 3 เท่านั้น และสมควรเปิดเส้นชีพจรได้เพียงสามเส้น "
…………
ในตอนบ่าย เจ้าปลาน้อยก็กลับมาจากหอภารกิจ และเขาก็พาคนมาด้วยสามคน
เป็นชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งอยู่ระดับ 2 ส่วนชายอีกคนที่สวมชุดคลุมสีเขียวอยู่ระดับ 3
“ศิษย์น้องซุน” ทั้งสามคนก็ทักทายกันอย่างรวดเร็วแล้วแนะนำตัวเอง
ชื่อของชายและหญิงที่อยู่ระดับ 2 นั้นคือ ทังห้วยหยวน กับ เสี่ยวหยู่ ตามลำดับ ส่วนชายชุดเขียวคนสุดท้ายชื่อ เฟิงปู้หยู่
“ยินดีที่ได้รู้จักพวกเจ้าทุกคน” เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขามองไปยังกลุ่มคนไม่กี่คนเหล่านี้และโบกมือให้อย่างรวดเร็วราวกับไม่ได้เคร่งครัดอะไร
…………
จากนั้นกลุ่มของพวกเขาก็ไปที่หออสูรจักรพรรดิเพื่อเช่าสัตว์อสูรระดับ 1 หลายตัวในการเดินทางไปยังเมืองเทียนเจียน
ในหมู่พวกเขา มีเพียงเหย33 ที่อยู่ระดับ 4 เท่านั้นที่สามารถบินได้อย่างอิสระ ส่วนคนอื่นๆนั้นต้องเดินทางด้วยสัตว์อสูร
…………
เมื่อออกจากนิกาย เต๋าซุน ก็รู้สึกบางอย่างในใจและมองไปยังตำแหน่งด้านบน
เขาพบเห็นผู้อาวุโสหก คังเย่ซาน บินอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับเด็กหญิงคนหนึ่ง และดูเหมือนว่าหญิงสาวก็สังเกตเห็นบางอย่างเช่นกันนางจึงก้มลงมามองไปที่เต๋าซุน
“โอ้ เรื่องราวได้เริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ” เต๋าซุน กล่าวกับตัวเองด้วยรอยยิ้มมุมปาก “คังไป่หลี่ …. ข้ายินดีต้อนรับเจ้าเข้าสู่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์ !”
…………
หลังจากการเดินทางอย่างยาวนาน ในที่สุดกลุ่มพวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านเล็กๆในช่วงเย็น และวางแผนค้างคืนที่นี่
“หมู่บ้านไป่หวง” เต๋าซุนก็มองชื่อบนแผ่นหินหน้าหมู่บ้าน และพูดด้วยรอยยิ้ม : “น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ”
คนที่ออกมาต้อนรับพวกเขาคือหัวหน้าหมู่บ้านวัยกลางคนที่สวมเสื้อหนังสัตว์สีดำ
“ข้าคือตัวแทนของหมู่บ้านไป่หวง ท่านเรียกข้าว่าหวังเต่าก็ได้” ชายวัยกลางคนพูดอย่างกล้าหาญ
จากนั้นเขาก็นำ เต๋าซุน และกลุ่มของเขาไปที่บ้านของเขา ชาวบ้านจำนวนมากก็มองดูคนนอกอย่างสงสัยที่หน้าบ้านจากทั้งสองฝั่งถนน
…………
หลังจากปฏิเสธอาหารเย็นที่หวังเต่าเตรียมไว้สำหรับทุกคน ทั้งกลุ่มก็กลับไปที่ห้อง
“ข้ารู้สึกว่าหมู่บ้านนี้มีอะไรแปลกๆ ” เฟิงปู่หยูขมวดคิ้วและพูดก่อน
“มีอะไรผิดปกติรึ?” เจ้าปลาน้อย ถามอย่างสงสัย
“ข้ารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ก็ไม่อาจบอกมันได้ชัดเจนนัก ” เสี่ยวหยู่หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มก็พูดขึ้น
“อย่าได้คิดมากไป ไปนอนกันเถอะ ” เต๋าซุน หัวเราะเบา ๆ แล้วเดินออกจากบ้าน
“พี่ซุน ท่านจะไปไหนรึ ?” เต้าปลาน้อยถามอย่างสงสัย
“ข้าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย” เต๋าซุน หันไปหาเหย33 แล้วพูดว่า “33 เจ้าไม่ต้องตามข้ามา ข้ามั่นใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน”
…………
หลังออกจากห้อง เต๋าซุนก็เดินไปทางทิศตะวันตกสุดของหมู่บ้าน
เขาเดินบนเส้นทางที่ปูหิน สายลมพัดเบาๆ และมีแสงไฟส่องสว่างจากบ้านเรือนทั้งสองข้างทาง
เต๋าซุนเดินไปจนสุดทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านซึ่งมีร้านค้าเล็กๆแห่งหนึ่งอยู่
ธงสีเหลืองแปะไว้บนกระดานไม้เหนือประตู และมีตัวอักษรสีดำหลายตัวเขียนอยู่
“ร้านช่างตีเหล็กชิลี”
เวลานี้เริ่มดึกแล้ว และหลอดไฟในร้านก็เรืองแสงสลัวสีเข้ม
ชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำยังคงยุ่งอยู่ในร้าน
รูปร่างของเขาดูไม่แข็งแรงนักและค่อนข้างผอมเล็กน้อย
เขาถือดาบยาวที่ยังสร้างไม่เสร็จในมือซ้ายและค้อนในมืออีกข้าง
ทุกครั้งที่ค้อนหนักกระแทกลงไปก็จะเกิดเป็นเสียง “เป้ง”
ชายคนนี้หวดค้นหนักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หากใครได้จ้องดูนานๆจะพบว่าการตีค้อนของชายคนนี้มีรูปแบบอยู่
เต๋าซุน นั่งบนม้านั่งหินนอกร้านตีเหล็ก เขามองดูช่างตีเหล็กคนนี้ด้วยความสนใจ
ชายคนนี้รวดเร็วมาก เขาเอาต้นแบบที่ตีเสร็จแล้วใส่เตาเผา
หลังจากนั้นสักพักเขาก็หยิบดาบเหล็กสีแดงร้อนออกมาด้วยมือเปล่าๆ
หลังจากเป่าสองสามครั้ง เขาก็วางดาบเหล็กลงไปในอ่างน้ำเย็นข้างๆ
เพียงแค่เสียง "ฟู่วววว" ที่ดังขึ้นพร้อมกันควันสีขาวที่ลอยขึ้นมาจากน้ำ
น้ำในอ่างรอบๆดาบเหล็กก็ส่งเสียงเดือด
…………
“อยากเรียนรู้งั้นรึ” ทันใดนั้นช่างตีเหล็กก็หันหน้ามามองเต๋าซุนและถาม
“เจ้าไม่อาจสอนข้าได้” เต๋าซุนตอบพร้อมกับส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม
ชายคนนั้นไม่เถียง เขาหยิบดาบเหล็กที่แช่อยู่ในน้ำออกมาแล้วเดินไปที่บ้าน
“แม้ว่าท่านจะเป็นปรมาจารย์ดาบ ท่านก็ไม่อาจทำได้ ” เสียงของ เต๋าซุน ดังขึ้น
เสียงฝีเท้าของชายคนนั้นหยุดชั่วคราว และเขาก็ค่อยๆ หันกลับมา แววตาของเขาก็ราวกับมีดาบยาวจำนวนนับไม่ถ้วนประกายออกมา พลังดาบที่อยู่ทุกหนแห่งก็ไหลมารวมกันที่รอบตัวเขาทีละน้อยและปลดปล่อยแรงกดดันออกมา เขาจ้องมองอย่างจริงจังไปที่เต๋าซุน
“ข้าถามได้ไหมว่าเหตุใดปรมาจารย์ดาบ ชิลีชางคง ถึงได้มาอาศัยอยู่อย่างสันโดษในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ และทำงานเป็นช่างตีเหล็กธรรมดา ?” เต๋าซุนก็ราวกับไม่สนใจแรงกดดันที่ฝ่ายตรงข้ามส่งออกมา และพูดถามออกไป
“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” ชิลีชางคง พูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง และเขาก็ตอบอย่างใจเย็น
…………
“ข้าช่วยท่านได้นะ” เต๋าซุนกล่าว
เขารู้ว่าชิลีชางคงนั้นกำลังสับสนอยู่กับเปิดชีพจรเส้นที่ห้าเพื่อเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ดาบ
เขาติดอยู่ในขั้นตอนการค้นหาเส้นทางการบ่มเพาะของตัวเอง
เขาลังเลในวิถีแห่งดาบที่เขาหลงใหลมาครึ่งชีวิต และตัดสินไม่ได้ว่าเส้นทางไหนคือเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับเขา