ตอนที่แล้วตอนที่ 14
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 16

ตอนที่ 15


ตอนที่ 15

เจ้าปลาน้อย มองไปยังวิชาบ่มเพาะที่เต๋าซุนเขียนให้ หลังจากอ่านมันได้รวดเร็วเขาก็ดวงตาส่องประกาย

เขารู้สึกว่าวิชาบ่มเพาะนี้เหมาะสมกับเขาเป็นอย่างมาก แม้แต่เขาที่ไม่เคยสนใจการบ่มเพาะมาก่อนหรือแม้แต่วิชาก็ยังให้ปู่เลือกให้ ก็ยังรู้สึกตื่นเต้นทันทีเมื่อได้เห็นวิชาที่เต๋าซุนมอบให้

  …………

 วิชาบ่มเพาะ "ทรงพลัง" จำเป็นต้องใช้เลือดสัตว์อสูรจำนวนนับไม่ถ้วนหลอมรวมเข้ากับร่างกาย และสัตว์อสูรเหล่านี้ก็ต้องแข็งแกร่งอีกด้วย

  …………

 ตอนเที่ยง ชายหัวล้านในชุดดำก็มาที่ลานบ้านของเต๋าซุน

“นายน้อยขอรับ ข้าเหย 33 มาพบท่านภายใต้คำสั่งของท่านรองนิกายขอรับ ข้าพร้อมที่จะไปเมืองเทียนเจียนพร้อมกับนายน้อยแล้ว ” ชายหัวโล้นกล่าว

เขาแต่งกายด้วยชุดสีดำ รูปร่างกำยำ มีแผลเป็นบนใบหน้าชัดเจน เมื่อประกอบกับหัวที่โล้นแล้ว มันทำให้เขาดูดุร้ายเป็นพิเศษ

“เหย33 เขาคงเป็นสมาชิกของกลุ่มผู้คัมกันทมิฬของท่านพ่อสินะ” เต๋าซุนก็คิด

 จากนั้นเขาก็พูดกับ เจ้าปลาน้อย: "เจ้าปลาน้อย เจ้าไปแจ้งออกภารกิจสำนักให้ข้าที่หอภารกิจหน่อย

เนื้อหาของภารกิจนั้นคือหาคนการติดตามข้าไปยังเมืองเทียนเจียน

 ส่วนรางวัลภารกิจคือผลึกจิตวิญญาณสิบก้อนต่อคน และจำกัดจำนวนเพียงสามคนเท่านั้น อีกทั้งข้าต้องการคนที่มีการบ่มเพาะระดับ 2 ขึ้นไปเท่านั้น

 เราจะออกเดินทางในอีกสามชั่วโมง "

“ได้เลยพี่ซุน” เจ้าปลาน้อยก็พยักหน้าแล้วไปที่ห้องหอภารกิจ

  …………

เต๋าซุน มองไปที่ เหย33 ตรงหน้าและถามด้วยความสนใจ   : "การบ่มเพาะของเจ้าอยู่ที่ระดับใดรึ  "

 “ข้าน้อยอยู่ระดับ 4 ขอรับ” เหย33ก็ลูบไปที่หัวโล้นของตัวเองและพูดอย่างอารมณ์ดี

เต๋าซุน แตะคางของเขา "หากไม่มีอะไรผิดพลาด คนที่แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลชางสมควรอยู่ที่ระดับ 3 เท่านั้น และสมควรเปิดเส้นชีพจรได้เพียงสามเส้น   "

  …………

 ในตอนบ่าย เจ้าปลาน้อยก็กลับมาจากหอภารกิจ และเขาก็พาคนมาด้วยสามคน

เป็นชายสองคนและผู้หญิงหนึ่งคน ชายหนึ่งหญิงหนึ่งอยู่ระดับ 2  ส่วนชายอีกคนที่สวมชุดคลุมสีเขียวอยู่ระดับ 3

“ศิษย์น้องซุน” ทั้งสามคนก็ทักทายกันอย่างรวดเร็วแล้วแนะนำตัวเอง

ชื่อของชายและหญิงที่อยู่ระดับ 2 นั้นคือ ทังห้วยหยวน กับ เสี่ยวหยู่ ตามลำดับ ส่วนชายชุดเขียวคนสุดท้ายชื่อ เฟิงปู้หยู่

 “ยินดีที่ได้รู้จักพวกเจ้าทุกคน” เต๋าซุน กล่าวด้วยรอยยิ้ม

เขามองไปยังกลุ่มคนไม่กี่คนเหล่านี้และโบกมือให้อย่างรวดเร็วราวกับไม่ได้เคร่งครัดอะไร

  …………

จากนั้นกลุ่มของพวกเขาก็ไปที่หออสูรจักรพรรดิเพื่อเช่าสัตว์อสูรระดับ 1 หลายตัวในการเดินทางไปยังเมืองเทียนเจียน

ในหมู่พวกเขา มีเพียงเหย33 ที่อยู่ระดับ 4 เท่านั้นที่สามารถบินได้อย่างอิสระ ส่วนคนอื่นๆนั้นต้องเดินทางด้วยสัตว์อสูร

  …………

 เมื่อออกจากนิกาย เต๋าซุน ก็รู้สึกบางอย่างในใจและมองไปยังตำแหน่งด้านบน

เขาพบเห็นผู้อาวุโสหก คังเย่ซาน บินอยู่บนท้องฟ้าพร้อมกับเด็กหญิงคนหนึ่ง และดูเหมือนว่าหญิงสาวก็สังเกตเห็นบางอย่างเช่นกันนางจึงก้มลงมามองไปที่เต๋าซุน

“โอ้ เรื่องราวได้เริ่มต้นขึ้นแล้วสินะ” เต๋าซุน กล่าวกับตัวเองด้วยรอยยิ้มมุมปาก “คังไป่หลี่ …. ข้ายินดีต้อนรับเจ้าเข้าสู่นิกายเมฆาศักดิ์สิทธิ์   !”

  …………

หลังจากการเดินทางอย่างยาวนาน ในที่สุดกลุ่มพวกเขาก็มาถึงหมู่บ้านเล็กๆในช่วงเย็น และวางแผนค้างคืนที่นี่

“หมู่บ้านไป่หวง” เต๋าซุนก็มองชื่อบนแผ่นหินหน้าหมู่บ้าน และพูดด้วยรอยยิ้ม  : “น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ”

 คนที่ออกมาต้อนรับพวกเขาคือหัวหน้าหมู่บ้านวัยกลางคนที่สวมเสื้อหนังสัตว์สีดำ

“ข้าคือตัวแทนของหมู่บ้านไป่หวง ท่านเรียกข้าว่าหวังเต่าก็ได้” ชายวัยกลางคนพูดอย่างกล้าหาญ

จากนั้นเขาก็นำ เต๋าซุน และกลุ่มของเขาไปที่บ้านของเขา ชาวบ้านจำนวนมากก็มองดูคนนอกอย่างสงสัยที่หน้าบ้านจากทั้งสองฝั่งถนน

  …………

 หลังจากปฏิเสธอาหารเย็นที่หวังเต่าเตรียมไว้สำหรับทุกคน ทั้งกลุ่มก็กลับไปที่ห้อง

“ข้ารู้สึกว่าหมู่บ้านนี้มีอะไรแปลกๆ ” เฟิงปู่หยูขมวดคิ้วและพูดก่อน

“มีอะไรผิดปกติรึ?” เจ้าปลาน้อย ถามอย่างสงสัย

“ข้ารู้สึกได้ถึงบางอย่างที่ผิดปกติ แต่ก็ไม่อาจบอกมันได้ชัดเจนนัก ” เสี่ยวหยู่หญิงสาวเพียงคนเดียวในกลุ่มก็พูดขึ้น

“อย่าได้คิดมากไป ไปนอนกันเถอะ ” เต๋าซุน หัวเราะเบา ๆ แล้วเดินออกจากบ้าน

 “พี่ซุน ท่านจะไปไหนรึ  ?” เต้าปลาน้อยถามอย่างสงสัย

“ข้าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย” เต๋าซุน หันไปหาเหย33 แล้วพูดว่า “33 เจ้าไม่ต้องตามข้ามา ข้ามั่นใจว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นแน่นอน”

  …………

 หลังออกจากห้อง เต๋าซุนก็เดินไปทางทิศตะวันตกสุดของหมู่บ้าน

เขาเดินบนเส้นทางที่ปูหิน สายลมพัดเบาๆ และมีแสงไฟส่องสว่างจากบ้านเรือนทั้งสองข้างทาง

 เต๋าซุนเดินไปจนสุดทางทิศตะวันตกของหมู่บ้านซึ่งมีร้านค้าเล็กๆแห่งหนึ่งอยู่

ธงสีเหลืองแปะไว้บนกระดานไม้เหนือประตู และมีตัวอักษรสีดำหลายตัวเขียนอยู่

 “ร้านช่างตีเหล็กชิลี”

 เวลานี้เริ่มดึกแล้ว และหลอดไฟในร้านก็เรืองแสงสลัวสีเข้ม

ชายในชุดเสื้อเชิ้ตสีดำยังคงยุ่งอยู่ในร้าน

รูปร่างของเขาดูไม่แข็งแรงนักและค่อนข้างผอมเล็กน้อย

 เขาถือดาบยาวที่ยังสร้างไม่เสร็จในมือซ้ายและค้อนในมืออีกข้าง

ทุกครั้งที่ค้อนหนักกระแทกลงไปก็จะเกิดเป็นเสียง  “เป้ง”

ชายคนนี้หวดค้นหนักอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย หากใครได้จ้องดูนานๆจะพบว่าการตีค้อนของชายคนนี้มีรูปแบบอยู่

เต๋าซุน นั่งบนม้านั่งหินนอกร้านตีเหล็ก เขามองดูช่างตีเหล็กคนนี้ด้วยความสนใจ

 ชายคนนี้รวดเร็วมาก เขาเอาต้นแบบที่ตีเสร็จแล้วใส่เตาเผา

หลังจากนั้นสักพักเขาก็หยิบดาบเหล็กสีแดงร้อนออกมาด้วยมือเปล่าๆ

 หลังจากเป่าสองสามครั้ง เขาก็วางดาบเหล็กลงไปในอ่างน้ำเย็นข้างๆ

 เพียงแค่เสียง "ฟู่วววว" ที่ดังขึ้นพร้อมกันควันสีขาวที่ลอยขึ้นมาจากน้ำ

 น้ำในอ่างรอบๆดาบเหล็กก็ส่งเสียงเดือด

  …………

“อยากเรียนรู้งั้นรึ” ทันใดนั้นช่างตีเหล็กก็หันหน้ามามองเต๋าซุนและถาม

“เจ้าไม่อาจสอนข้าได้” เต๋าซุนตอบพร้อมกับส่ายหัวด้วยรอยยิ้ม

ชายคนนั้นไม่เถียง เขาหยิบดาบเหล็กที่แช่อยู่ในน้ำออกมาแล้วเดินไปที่บ้าน

“แม้ว่าท่านจะเป็นปรมาจารย์ดาบ ท่านก็ไม่อาจทำได้ ” เสียงของ เต๋าซุน ดังขึ้น

เสียงฝีเท้าของชายคนนั้นหยุดชั่วคราว และเขาก็ค่อยๆ หันกลับมา แววตาของเขาก็ราวกับมีดาบยาวจำนวนนับไม่ถ้วนประกายออกมา พลังดาบที่อยู่ทุกหนแห่งก็ไหลมารวมกันที่รอบตัวเขาทีละน้อยและปลดปล่อยแรงกดดันออกมา เขาจ้องมองอย่างจริงจังไปที่เต๋าซุน

“ข้าถามได้ไหมว่าเหตุใดปรมาจารย์ดาบ ชิลีชางคง ถึงได้มาอาศัยอยู่อย่างสันโดษในหมู่บ้านเล็กๆแห่งนี้ และทำงานเป็นช่างตีเหล็กธรรมดา ?” เต๋าซุนก็ราวกับไม่สนใจแรงกดดันที่ฝ่ายตรงข้ามส่งออกมา และพูดถามออกไป

“มันไม่เกี่ยวอะไรกับเจ้า” ชิลีชางคง พูดด้วยน้ำเสียงหนักอึ้ง และเขาก็ตอบอย่างใจเย็น

  …………

 “ข้าช่วยท่านได้นะ” เต๋าซุนกล่าว

เขารู้ว่าชิลีชางคงนั้นกำลังสับสนอยู่กับเปิดชีพจรเส้นที่ห้าเพื่อเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ดาบ

 เขาติดอยู่ในขั้นตอนการค้นหาเส้นทางการบ่มเพาะของตัวเอง

เขาลังเลในวิถีแห่งดาบที่เขาหลงใหลมาครึ่งชีวิต และตัดสินไม่ได้ว่าเส้นทางไหนคือเส้นทางที่ดีที่สุดสำหรับเขา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด